สภาพถนนที่มีร่องรอยการเผายาง
ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่เสียหาย
ต้นไม้ที่ถูกเผา 1 ต้น
เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม
จากการใช้กำลังทหารในการปิดล้อมและสลาย การชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์ ในช่วง 14-19 พฤษภาคม 2553 ได้ ทำให้เกิดการชุมนุมและมีการนำยางรถยนต์มาเผาบริเวณถนนโดยรอบศาลากลางจังหวัด มหาสารคาม โดยในปัจจุบันเรายังจะสามารถเห็นรอยไหม้บริเวณพื้นถนนยางมะตอยในหลายจุด มีตู้โทรศัพท์บริเวณข้างศาลากลางถูกทุบทำลาย มีต้นมะขามบริเวณศาลากลางยืนต้นตายเนื่องจากถูกไฟเผาหนึ่งต้น
และในเหตุการณ์เดียวกันนี้เองก็ได้มีประชาชนถูกจับกุมคุมขังเป็นเวลากว่าสามเดือนโดยไม่ได้สิทธิ์ในการประกันตัว!
ไข่เขย จันทร์เปล่ง ชายวัย 52 ปี ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีบทบาทในการชุมนุมเพียงคนเดียวที่ถูกจับกุมจาก การชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม้จะมีสีหน้าที่อิดโรยแต่เขายังเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งว่า เขาได้เข้าร่วมต่อสู้กับ นปช.เพราะต้องการแก้ไขปัญหาสองมาตรฐานในสังคมไทย โดยในวันเกิดเหตุ เขาอยู่ในที่ชุมนุมตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากที่มีข่าวทหารได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์ กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มมีความรู้สึกโกรธแค้นและเริ่มทยอยเผายางรถยนต์ที่นำมา กองอยู่บริเวณถนน ทางผู้กำกับการตำรวจ จ.มหาสารคาม ได้ขอร้องให้เขาช่วยห้ามปรามผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้ความรุนแรงในการเผาทำลายสถาน ที่ราชการ ซึ่งเขาก็ได้ปฏิบัติตามเนื่องจากว่าเขาก็ไม่เห็นด้วยในการเผาทำลายสถานที่ ราชการอยู่แล้ว
25 พฤษภาคม 2553 ไข่เขย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ ไข่เขยโดนจับกุมตัวโดยแจ้งข้อหาเตรียมวางเพลิงเผาสถานที่ราชการ สิ่งที่ใช้เป็นหลักฐานในการควบคุมตัวเขาได้แก่ ภาพของเขาระหว่างที่เขากำลังห้ามปรามผู้ชุมนุม พยานบุคคลที่ซัดทอดมาที่ตัวเขาได้แก่ผู้ต้องขังที่มีสติไม่สมบูรณ์ (ต้องกินยาเพื่อควบคุมอาการทุกวัน) ที่ถูกคุมขังในเหตุการณ์เดียวกัน ไข่เขยรู้สึกเสียใจที่ผู้กำกับการตำรวจที่เคยประสานความร่วมมือกับเขามาโดย ตลอดไม่ได้แสดงความรับผิดชอบโดยการออกมายืนยันในเจตนาบริสุทธิ์ของเขาแต่ อย่างใด
ไข่เขย ยืนยันว่าสิ่งที่ตนได้ทำไปทั้งหมดนั้นยืนอยู่บนหลักการความถูกต้อง เขาบอกว่าโดยฐานะยากจนเป็นพ่อค้าขายอาหารรถเข็น เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อเป็น ส.ส.หรือนักการเมืองแน่ๆ เขายืนยันว่าแม้เขาจะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำแต่เขาก็จะยังพยายามต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตยต่อไป
บุญเลี้ยง จันทร์เปล่ง วัย 51 ปี คู่ชีวิตของไข่เขยเล่าให้ฟังว่า ตนและไข่เขยประกอบอาชีพขายอาหารจำพวกยำและแมลงทอด อยู่บริเวณตลาดไนท์บาซาร์ หลังจากที่ไข่เขยโดนจับกุมตัว บุญเลี้ยงต้องเดินทางนำเอาอาหารมาให้เขาที่เรือนจำทุกวัน เธอบอกว่าคู่ชีวิตของเธอมีปัญหาสุขภาพ ลำไส้ส่วนหนึ่งของไข่เขยได้ถูกตัดออกโดยใส่ลำไส้เทียมไว้แทนเมื่อปี พ.ศ.2521 ที่ รพ.พระมงกุฎ เธอจึงต้องคอยระมัดระวังคอยจัดหาอาหารมาให้คู่ชีวิตเธอกินทุกวัน นี่คือกิจวัตรที่เธอต้องทำนอกจากการทำอาหารออกไปขายเพื่อหารายได้ดำรงชีพ เธอบอกว่าบ่อยครั้งที่วันหนึ่งเธอจะได้กินอาหารเพียงมื้อเดียว เพราะมัวแต่เตรียมอาหารให้ไข่เขยและต้องรีบมาเยี่ยมให้ทันเวลาเนื่องจาก บ้านอยู่ไกล
ด้านสุขภาพของบุญเลี้ยงเองก็ไม่สู้จะดีนัก เธอบอกว่าในปีที่ผ่านมาเธอได้เข้ารับการรักษาพยาบาลเนื่องจากเธอเป็นเนื้อ งอกในสมองบริเวณท้ายทอยทั้งสองด้าน เธอบอกว่าทุกวันนี้ในร่างกายเธอยังมีท่อพลาสติกที่ต่อจากบริเวณท้ายทอยมาที่ บริเวณช่องท้องเพื่อเป็นการระบายเลือดเสียที่เกิดจากการผ่าตัด ทุกวันนี้เธอยังมีอาการปวดศีรษะอยู่เป็นประจำ
เธอบอกว่าในระดับฐานะอย่างเธอคงจะไม่มีปัญญาได้รับการรักษาจนมีชีวิตอยู่ จนถึงปัจจุบันแน่ๆ เธอบอกว่าเธอใช้สิทธิ 30 บาท รักษาทุกโรค ที่สำคัญ เธอเรียกอดีตนายกรัฐมนตรีที่น่าจะมีข้อกล่าวหาที่ทั้งน่าหวาดกลัวและน่า รังเกียจจากฝ่ายตรงข้ามมากที่สุดในโลกว่า "พ่อทักษิณ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น