แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

เอ็ม79ถล่ม5เดือน5ระลอก"จุดบอดซ้ำซาก"บน"ทางด่วน"


Posted by คมชัดลึก

ระเบิดเอ็ม 79 ลูกล่าสุดที่หล่นลงกลางลานจอดรถสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา นับเป็นปฏิบัติการอุกอาจเย้ยอำนาจรัฐบาลอีกครั้ง หลังเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่อาคารคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ เพียง 5 วัน

ซ้ำ ร้ายกว่านั้น ช่วงที่ก่อเหตุยังเป็นช่วงกลางวันแสกๆ ในจุดที่มีคนพักอาศัย และสัญจรไปมาพลุกพล่าน แถมยังเป็นการลงมือระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปิดเส้นทางเพื่อเตรียมรับขบวน เสด็จด้วย !!!

น่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อไล่เรียงดูพบว่า เหตุยิงเอ็ม 79 เข้าใส่เอ็นบีทีเป็นครั้งที่สอง พ้องกับเหตุยิงเอ็ม 79 หลายครั้งก่อนหน้านี้ที่ใช้ทำเล "บนทางด่วน" เป็นจุดลงมือ ซึ่งน่าแปลกใจว่า บนทางด่วนที่เป็นเส้นทางปิด มีด่านเก็บเงินปิดหัวท้าย เหตุใดจึงจับคนร้ายไม่ได้สักรายเดียว

ทั้งที่การวิทยุสกัดจับรถต้อง สงสัยตามด่านเก็บเงิน หรือการเช็กกล้องวงจรปิดบนทางด่วนที่ติดตั้งอยู่แทบทุกด่านน่าจะนำมาสู่ การจับกุมได้ไม่ยาก !?!?

เท่าที่ "คม ชัด ลึก" ประมวลการก่อเหตุยิงเอ็ม 79 บนทางด่วน ตั้งแต่ช่วงต้นการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนมีนาคม เรื่อยมาจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม พบว่า มีการก่อเหตุบนทางด่วนถึง 5 ครั้ง โดยที่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้แม้แต่รายเดียว

(1) เหตุยิงเอ็ม 79 จำนวน 4 ลูก เข้าใส่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.1 รอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2553 ทำให้ทหารยามได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คาดว่าจะยิงลงมาจากทางด่วนดินแดง

(2) เหตุยิงเอ็ม 79 จำนวน 2 ลูก เข้าใส่ลานจอดรถกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชั่วคราว จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 ทำให้รถเสียหาย 3 พัน ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดว่าจะยิงมาจากบนทางด่วนประชาชื่น

(3) เหตุยิงเอ็ม 79 จำนวน 1 ลูก เข้าใส่เต็นท์ทหารรักษาการณ์ ภายในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ถ.วิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2553 ทำให้ทหารยามบาดเจ็บ 2 นาย รปภ.อีก 1 นาย คาดว่าจะยิงมาจากบนทางด่วนดินแดง

(4) เหตุยิงเอ็ม 79 จำนวน 1 ลูก เข้าใส่ลานจอดรถของที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2553 ทำให้ตำรวจที่เข้าไปรักษาความปลอดภัยภายในพรรคได้รับบาดเจ็บ 2 นาย รถผู้ต้องขังเสียหาย 1 คัน คาดว่าจะยิงมาจากบนทางด่วนพระราม 6

(5) เหตุยิงเอ็ม 79 จำนวน 3 ลูก แฉลบกิ่งไม้ไปตกในลานจอดรถสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ถ.วิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2553 ทำให้รถยนต์ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย 4 คัน ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ยังไม่ชัดว่ายิงจากทางด่วนหรือพื้นราบ

จาก เหตุยิงเอ็ม 79 ที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจซ้ำซากใจกลางเมืองหลวง ทั้งที่ยังมีการบังคับใช้ "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ควบคุมสถานการณ์อยู่ แถมจุดที่ลงมือยังเป็นสถานที่ "เชิงสัญลักษณ์" ของอำนาจรัฐทั้งสิ้น จึงทำให้รัฐบาลเร่งลงแส้ฝ่ายความมั่นคง และตำรวจอย่างหนัก

ในการ ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน จึงได้กำชับให้ล่าตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะถือว่าเป็นการลงมือตบหน้ารัฐบาลซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทั้งยังมอบหมาย ให้ พล.ต.อ.วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไปดูแลเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่สถานที่สัญลักษณ์เชิงอำนาจรัฐเกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งถือเป็นความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทุกฝ่าย

โดย เฉพาะฝ่ายที่รับผิดชอบด้าน "การข่าว" ที่เป็นความร่วมมือของ 3 ฝ่าย คือสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พูด ง่ายๆ คือ นายสุเทพฉุนมากที่แม้จะมีหน่วยข่าว และเจ้าหน้าที่การข่าวอยู่มากมายทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร และตำรวจ แต่กลับไม่อาจแจ้งเตือนการก่อเหตุได้อย่างแม่นยำ เพราะได้แต่ "กลิ่น" แต่ไม่ล่วงรู้ถึงวันเวลา และจุดที่ลงมือแม้สักครั้งเดียว

ดังนั้น นายสุเทพจึงต้องการให้มีการ "บูรณาการ" การข่าวให้เป็นเอกภาพ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการแจ้งเตือนเหตุ โดยมอบให้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นคีย์แมนรวบรวมข้อมูลข่าวสารจาก 3 หน่วยงานหลักเพื่อรายงานตรงต่อ ศอฉ.

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย จุดเสี่ยง 11 จุด นายสุเทพสั่งการให้ตำรวจเพิ่มกำลัง รปภ. ทั้งบ้านพักบุคคลสำคัญทางการเมือง ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน สถานีโทรทัศน์ สถานที่ราชการ ระบบเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะการเพิ่มการติดตั้ง "กล้องวงจรปิด"

ขณะที่ความคืบหน้าในคดีล่าสุดที่เอ็นบีที แหล่งข่าวความมั่นคง เปิดเผยว่า ระเบิดเอ็ม 79 ชนิดหัวสีทอง ซึ่งคนร้ายใช้นั้นมุ่งที่จะสร้างสถานการณ์มากกว่ามุ่งเอาชีวิต ส่วนวิถีกระสุนยังไม่แน่ชัดว่ามาจากบนทางด่วนหรือพื้นราบ

"หัวกระสุน ชนิดสีทองเมื่อตกกระทบพื้นแล้วจะแตกกระจายคล้ายรูปหยดเลือด ซึ่งการตรวจพิสูจน์โดยละเอียดจะทำให้รู้ว่าถูกยิงมาจากทิศทางใด ซึ่งขณะนี้สันนิษฐานว่าเป็นไปได้มาก 2 จุด คือ จากด้านหน้า และด้านหลังของตึกเอ็นบีที"

นั่นคือการคาดการณ์ในมุมมองของผู้เชี่ยว ชาญ ซึ่งคงจะไขปริศนาเรื่องจุดที่ลงมือได้ในไม่ช้า ส่วนเรื่องที่จะล่าไอ้โม่งมือยิงเอ็ม 79 ได้หรือไม่ ชาวบ้านคงขี้เกียจจะหวัง เพราะขนาดบนทางด่วน ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดหัว-ท้าย และมีคนพลุกพล่านแท้ๆ ยังปล่อยให้ยิงสบายมืออยู่เรื่อยๆ

ทีมข่าวความมั่นคง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน