Thu, 2010-09-09 15:22
นิสิตพัฒนาชุมชนถูกเรียกเข้าบชน. 5 เหตุร่วมงานรำลึกคนตายเสื้อแดง ขณะมี พรก.ฉุกเฉิน เจ้าตัวเผย ไม่กระทบต่อการเรียน เชื่อใช้สิทธิตาม รธน. อาจารย์รัฐศาสตร์เสริมสามารถกระทำได้ ถือเป็นความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิ ด้านเพื่อนร่วมชั้นแย้ง คนเราควรมีความคิดเห็นที่สังคมยอมรับ
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ลานมะพร้าว www.coconews.in.th โดยนิสิตสาขาวารสารศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา รายงานว่า นิสิตพัฒนาชุมชนถูกเรียกเข้าบชน. 5 เหตุร่วมงานรำลึกคนตายเสื้อแดง ขณะมี พรก.ฉุกเฉิน เจ้าตัวเผย ไม่กระทบต่อการเรียน เชื่อใช้สิทธิตาม รธน. อาจารย์รัฐศาสตร์เสริมสามารถกระทำได้ ถือเป็นความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิ ด้านเพื่อนร่วมชั้นแย้ง คนเราควรมีความคิดเห็นที่สังคมยอมรับ
จากกรณีที่นิสิตสาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ถูกตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 5 (บชน.5) เรียกตัวเข้าพบ เนื่องจากการเข้าร่วมงานจัดรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสถานการณ์การชุมนุมของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก. ฉุกเฉิน) และถูกมองว่าการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดความ ก้าวร้าวและอาจกระทบต่อการเรียน
นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ นิสิตชั้นปี 4 สาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ผู้ถูกตำรวจเรียกพบ กล่าวว่า การที่ตนถูกทางบชน. 5 เรียกตัวเข้าไปพบนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เลย เพราะไม่ได้ขึ้นพูดบนเวทีอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่สาเหตุที่ถูกเรียกตัวนั้นมาจากการที่ตนได้มีส่วนร่วมจัดงานรำลึกให้กับ ผู้เสียชีวิตจากการชุนนุมที่แยกราชประสงค์ ซึ่งช่วงนั้นมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินอยู่ จึงถูกเรียกตัวเข้าไปและไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ เลย
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่มีหลายคนมองว่าตนก้าวร้าวและสิ่งที่ทำจะกระทบกระทบการเรียน นั้น ขอยืนยันว่าสิ่งที่ทำไปนั้นไม่ได้กระทบต่อการเรียนแต่อย่างใด และยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิทธิเสรีภาพที่คนเรามีมาตั้งแต่เกิด ตนออกมาใช้สิทธิ และแสดงความคิดเห็น จึงถูกมองว่าแปลก ซึ่งสิทธิของคนส่วนใหญ่ไม่ยอมใช้กันมากกว่า
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า การที่มีนิสิตลุกขึ้นมาเป็นแกนนำนั้นคิดว่าเหมาะสมแล้ว นับว่าเป็นความก้าวหน้าของสังคมอีกระดับหนึ่ง ที่ทำให้เด็กกล้าวิพากษ์วิจารณ์ กล้าคิดกล้าทำและเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งการที่รัฐบาลเรียกตัวเข้าไป ถูกหรือไม่ถูกนั้นคิดว่ารัฐบาลมีเหตุผล แต่ไม่ทราบว่าเหตุผลนั้นคืออะไร แต่ส่วนตัวคิดว่าการกระทำดังกล่าวของตำรวจ ถือเป็นการคุมคามเสรีภาพรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้ การที่นิสิตจะมีความเชื่อในกลุ่มใด หรือคิดอย่างไรนั้นสามารถกระทำได้ ตราบใดที่พฤติกรรมยังไม่ทำร้ายสังคม และต้องเป็นนักศึกษาที่ดี ก็เพียงพอแล้ว
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าอาจารย์ของนิสิตคงเข้าใจ และไม่กระทบการเรียนการสอน อีกอย่างน้ำใจของอาจารย์ของภาควิชาสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยบูรพานั้น ยอมรับว่าเป็นอาจารย์ที่มีน้ำใจและเข้าใจ รวมถึงอยากเห็นผลผลิตของสังคมเป็นไปในลักษณะนี้ด้วยซ้ำ เพราะการที่เขาอยู่ในศาสตร์ของการพัฒนาชุมชนและสามารถแสดงออกทางการเมืองแบบ นี้คิดว่าเหมาะสม เป็นสิงที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะมีแนวคิดแบบใดก็เป็นเสรีภาพของแต่ละบุคคลมากกว่า
ขณะที่นายสุรพจน์ ปลีกล่ำ นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อนร่วมชั้นของนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ผู้ถูกเรียกตัวจากตำรวจ ให้สัมภาษณ์ว่า นายชุติพงศ์ เป็นคนที่คิดอะไรแตกต่าง มีความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่น และไม่ค่อยสนใจอะไรที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงจะพยายามหาข้อโต้แย้งอยู่ตลอด เมื่อต้องการพูดอะไร มักคำนึงตามใจของตนเองมากกว่าและคิดว่าความคิดเห็นของตนเองนั้นถูกเสมอ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่เพื่อนทำนั้นไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะการที่เราอยู่ในสังคมแบบไหน เราจะต้องยอมรับกฎระเบียบของสังคมนั้น ๆ ส่วนการที่เขาเข้าไปร่วมในการชุมนุมนั้นก็เป็นสิทธิของตัวเขาเอง ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าผิดหรือถูก
ที่มา: นิสิตบูรพาถูกเรียกเข้าบชน. 5 เหตุร่วมงานเสื้อแดง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น