ปฏิรูปประเทศไทย ต้องถามประชาชน ไม่ใช่เครือข่ายอำมาตย์NGO
นปช.เสื้อ แดงทัพแรกไปปักหลักชุมนุมหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง11 NBT ขณะที่ทัพใหญ่ไปชุมนุมที่ย่านธุรกิจราชประสงค์ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภา(ภาพข่าว:AP)
[img]http://img43.imageshack.us/img43/8844/0picture163.jpg[/img]
[img]http://img532.imageshack.us/img532/3382/capt87adf00660d748d3b9f.jpg[/img]
เพื่อ อนาคตที่ไม่มืดมนเหมือนวันนี้-คุณแม่เสื้อแดงอุ้มลูกน้อยที่หลับ ไม่รู้เรื่องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ผู้เป็นพ่อขับ พร้อมชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ครอบครัวนี้เข้าร่วมขบวนนปช.ไปชุมนุมที่ราชประสงค์ ย่านธุรกิจสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ วันเดียวกันนี้โทรทัศน์TPBSได้เบี่ยงเบนความสนใจไปที่การถ่ายทอดสดการประชุม ปฏิรูปประเทศไทย(ภาพข่าว:AP)
โดย ไกรก้อง กูนอรลัคขณ์
3 เมษายน 2553
แม้จะดูเหมือนว่า ขณะนี้ “ยุบสภา” จะเป็นจุดลงตัวในการแก้ไขวิกฤตการเมืองไทย เพียงแต่ต้องเจรจาเงื่อนไขเวลาให้ลงตัว แต่เมื่อวานนี้ (2 เมษษยน 53 ) กลุ่มคนสีชมพูที่อดีตสวมเสื้อเหลือง ออกมาเรียกร้องไม่ให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ยุบสภา ขณะที่วันนี้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ บอกว่าจะยุบสภาก็เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม
เท่า กับอำมาตย์ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอภิสิทธิ์ เดินเกมใหม่ไม่ให้ยุบสภา ก็เป็นไปได้
นอกจากนี้แล้ว กลุ่มเครือข่ายอำมาตย์ 40 สว. นักวิชาการ NGO องค์กรสิทธิฯบางส่วน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สภาองค์กรชุมชน สภาพัฒนาการเมือง สื่อนิยมอำมาตย์ TPBS NBT NATION คตส.บางคน ราษฎรอาวุโส สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ฯลฯ ก็ได้เสนอให้ปฎิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะ การจัดเวทีของTPBS เรื่องพลเมืองกับทางออกประเทศไทย วันนี้ซึ่งคนเข้าร่วมล้วนเป็น ภาคประชาชน เหลืองทั้งนั้น ผู้จัดคงตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น
ผู้เขียนมีความคิด เห็นต่อเรื่อง การยุบสภาและการปฏิรูปประเทศไทย ดังนี้ คือ
1 การยุบสภา ในประวัติศาสตร์การเมือง ณ วันนี้ เป็นการยุบสภาเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างแน่นอน ก็เพราะว่า ความขัดแย้งปัจจุบันลุกลามไปทั่วทุกหัวระแหง ทางออกอย่างสันติวิธีคือการยุบสภา คืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชนเท่านั้น การเลือกตั้งประชาชนทุกคนมีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่ากัน เสียงส่วนใหญ่ต้องการให้ใคร พรรคการเมืองใด ขึ้นมาบริหารประเทศ ทุกคนต้องยอมรับ
2 การยุบสภา เป็นการป้องกันการฉวยโอกาสรัฐประหาร และการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่ง การ รัฐประหาร และการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นั้นจะทำให้สังคมการเมืองไทยถอยหลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง ไทยอย่างเหลือคณาได้ เพราะอำนาจรัฐประหารและรัฐบาลแห่งชาติถ้าเกิดขึ้นในครั้งนี้ อำนาจจะควบคุมการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จมากที่สุด และสิทธิเสรีภาพก็จะถูกจองจำ เส้นทางการเมืองไทยจะไม่ต่างกับเผด็จการอำมาตย์ทหารพม่าแต่อย่างใด
3 ภายหลัง การยุบสภาในครั้งนี้ ทุกองค์กรทุกสถาบันการศึกษาต้องร่วมกันจัดกระบวนการศึกษาอย่างขนานใหญ่ที่ ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจความสำคัญของระบอบประชาธิปไตย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทุกคนเท่ากัน และไม่ให้ความขัดแย้งลุกลาม เกลียดชัง แตกแยกภายในชาติรุนแรงอย่างที่เป็นห่วงกัน
4 การเรียกร้องเคลื่อนไหวให้มีการปฏิรูปประเทศไทยนั้นเป็นสิ่งที่ดี ควรทำให้ตลอดต่อเนื่องมิใช่ฉวยโอกาสก่อกระแสท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง เรื่องยุบสภา เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น เป็นแนวร่วมให้กับรัฐบาล อภิสิทธิ์ โดยตั้งใจและไม่รู้ตัวก็ตาม
5. เมื่อมีการสำรวจกลุ่มคน องค์กรต่างๆ อำมาตย์ NGO นักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย (อำมาตยาธิปไตยมากกว่า ) ทั้งสื่อต่างๆ หลายคนหลายส่วนโดยเฉพาะ TPBS ล้วนเกี่ยวข้องกับการได้ผลประโยชน์หลายด้านจากการมีรัฐบาลอภิสิทธิ์ เช่น บางคนเคยเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากการลากตั้ง บางองค์กรได้งบประมาณโครงการต่างๆจากรัฐบาลเพิ่มขึ้น บางคนสังกัดองค์กรสิทธิมนุษยชนที่สองมาตรฐาน หนุนช่วยด้านสิทธิ์เฉพาะพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยฯลฯ นอกจากนี้แล้วบทบาทที่ผ่านมาเคยร่วมกับพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยและสนับสนุน รัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งเปิดตัวและไม่เผยร่างก็ตาม
6. การปฏิรูปประเทศไทย การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยนั้น คำถามก็คือว่า ต้องถามใครหรือให้ใครเป็นผู้นำ ? นายประเวศ วะสี นายอานันท์ ปันยารชุน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม นายโคทม อารียา นายอคิน รพีพัฒน์ นายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ นายพลเดช ปิ่นประทีป สมพงษ์ พัดปุย จำนง จิตนิรัตน์ บรรเจิด สิงคะเนติ ปริญญา เทวณฤมิตรกุล และคนอื่นๆที่สร้างภาพลักษณ์กัน (ล้วนเป็นเครือข่ายอำมาตยาธิปไตยทั้งสิ้น) ?
คนเหล่านี้เป็นใครมา จากไหน เขาเป็นคนดีมีศีลธรรม ใครบอกละ? แม้อาจจะปรารถนาดีแต่ก็ แต่ละคนหาได้เชื่อมโยงผ่านการเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะคนจนที่พวกเขาอ้างถึงในการปฏิรูปประเทศไทยแต่อย่างใด
นอก จากเขาตั้งกันเองยกย่องกันเอง และพยายามใช้วิธีการต่างๆให้ประชาชนยกย่องพวกเขาด้วย
บางคนสมัยที่ เคยมีอำนาจ นายไพบูลย์ฯ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและพลเดชฯ รัฐมนตรีสมัยรัฐบาลรัฐบาลสุรยุทธ์ ก็ไม่เคยผลักดันนโยบายเพื่อแก้ปัญหาความเท่าเทียม กันอย่างจริงจัง นอกจากนโยบายสังคมสงเคราะห์ และการจัดสรรงบประมาณให้เหล่าอำมาตย์ NGO ด้วยกัน ?
7. เครือข่ายเหล่านี้ ชอบสรุปรวบรัดว่า ภาคประชาชน เท่ากับ สมัชชาคนจน เครือข่ายที่ดินป่าไม้ และอีกหลายเครือข่าย ที่ผ่านการจัดตั้งอุถัมป์ค้ำชูโดย NGO ผ่าน การครอบงำทั้งความคิดแบบอำมาตยาธิปไตยและเงินทุนของอำมาตย์ NGO
เครือ ข่ายเหล่านี้มักทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมมึนชา เข้าใจผิดว่าปัญหาตนเอง มีเฉพาะ ดิน น้ำ ป่า วิทยุชุมชนและอีกหลายประเด็น และเน้นแก้ปัญหาเป็นพื้นที่ เป็นจุดๆ แต่แท้จริงและประชาชนเขาคิดปัญหาครอบวงจรชีวิต คิดถึงปัญหาภาพรวมด้วย เขาจึงชอบนโยบาย รักษาพยาบาล โอกาสการศึกษาของบุตรหลานของพรรคไทยรักไทยในอดีต
8. อำมาตย์ NGO จงใจทำให้ประชาชนในเครือข่ายคิดว่าประชาธิปไตยเท่ากับปัญหาของเขาเองหรือ ประชาธิปไตยทางตรง จึงปฏิเสธประชาธิปไตยรัฐสภา ยกเว้นเมื่อเครือข่ายอำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล
อำมาตย์ NGO มักทำให้ประชาชนที่ร่วมเคลื่อนไหวกับเขา นักวิชาการ รวมทั้งสื่อโดยเฉพาะ TPBS ให้เข้าใจว่า ภาคประชาชนของเขาเท่านั้นที่เป็นภาคประชาชน
TPBS ลองจ้างนักวิจัยสำรวจดูซิ ภาคประชาชนที่ว่าทั้งปริมาณและคุณภาพ เป็นอย่างไร
ทางปริมาณคนในประเทศทั้งหมด 60 กว่าล้านคน คนจน 40 ล้าน ภาคประชาชนของ อำมาตย์NGO มีสักเท่าไหร่
อำมาตย์NGO ชอบทำให้ประชาชนในเครือข่ายเขามึนชา ต่อเรื่องประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง มนุษย์เท่ากันไม่ว่าไพร่หรือผู้ดี
ประชาชน ระดับฐานไม่ใช่ผู้นำที่ถูกอุปถัมป์ เคยร่วมเคลื่อนไหวกับอำมาตย์NGO ล้วนแต่เป็นประชาชนที่ชอบประชาธิปไตย และไม่เอาด้วยกับระบอบอำมาตยาธิปไตย
อำมาตย์ NGO เขาไม่ชอบระบบการเลือกตั้ง เขาไม่เชื่อว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน เขาจึงชอบการแต่งตั้ง เขาไม่สนับสนุนให้ประชาชนในเครือข่ายเข้าสู่เทศบาล สภาตำบล เขาไม่ชี้แนะให้ผู้นำเครือข่าย ทำงานกับคนอื่นๆที่ไม่อยู่ในเครือข่าย แต่เขาชอบ สภาองค์กรชุมชน หรือแหล่งรวมคนอกหักสมัครนายกเทศบาลตำบลสอบตกทั้งหลาย
9. แท้จริงแล้ว ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย การปฏิรูประเทศไทยนั้น ย่อม เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางอำนาจในสังคมไทย ที่โยงใยกับปัญหาการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่? อย่างไร? ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการจัดตั้งองค์กรในการเคลื่อนไหวแค่ไหน? ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีหรือไม่ ?
และ มีแต่สังคมประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะนำเปิดทางให้ประชาชนสามารถรวมกลุ่มสร้าง อำนาจอย่างเสรีต่อรอง กดดัน สร้างพลัง เพื่อให้ชนชั้นที่เอาเปรียบ ยอมกระจายการกระจุกตัวของที่ดินที่ตนเองครอบครองอยู่ ยอมที่จะจ่ายภาษีก้าวหน้า เพื่อกระจายความมั่งคั่งที่ตนเองเสพสุขอยู่บนความทุกข์ของคนจำนวนมาก ฯลฯ
10.และ ปัญหารากเหง้าในเงื่อนไขสภาพทางการเมืองที่สำคัญในช่วงประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน คือ ระบอบอำมาตยาธิปไตย มีปรัชญาความเชื่อว่า คนยังโง่อยู่ ไม่มีความรู้ จึงต้องเป็นพลเมืองชั้นสอง จึงต้องมีคนที่เหนือกว่าปกครองดูแล จึงเป็นเพียงไพร่ ที่มูลนายต้องบังคับควบคุมดูแล เหมือนเฉกเช่นสมัยในอดีตสังคมศักดินา นั่นเอง
ดังนั้นที่อำมาตย์NGOพากันเสนอเรื่องปฏิรูปประเทศ ไทยผ่านTPBSในวันที่ประชาชนเสื้อแดงกำลังเร่งเอาประชาธิปไตยนั้น ความจริงก็ต้องถามประชาชน ไม่ใช่ถาม เครือข่ายอำมาตย์ ราษฎรอาวุโส นักวิชาการ TPBSและอำมาตย์ NGO
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 4/03/2010 04:10:00 หลังเที่ยง Links to this post
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น