303นักศึกษา14 สถาบันโต้นักวิชาการเสื้อเหลืองเจ็บ
ขวา จัด6ตุลากลับชาติมาเกิด-ความเคลื่อนไหวของกลุ่มหมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ตัวตั้งตัวตีนักวิชาการ14สถาบันจำนวน303คน ที่เชิดชูพลเอกเปรม และนำสัญลักษณ์เสื้อแดงแขวนคอเลียนแบบกลุ่มขวาจัดเคยแขวนคอนักศึกษา ยุค6ตุลา2519
โดย นักศึกษา 303 คนจาก14 สถาบัน
9 เมษายน 2553
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:นักวิชาการ เหลือง303กลัวกล้าอาฆาต เห็นต่างยุบสภา-พรก.ฉุกเฉินขู่เล่นงานถึงคุก-ไล่ไปเขมร
หมาย เหตุไทยอีนิวส์:นักวิชาการเสื้อเหลืองจาก 14 สถาบัน จำนวน 303คน ประชุมออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนประณามเสื้อแดงชุมนุม-ระบุยุบสภาไม่มีเหตุผล พร้อมเร่งให้รัฐบาลปรามปรามโดยเด็ดขาด ผู้ใช้นามว่านักศึกษา 303 คนจาก14 สถาบันได้ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้และเสียดสีการกระทำดังกล่าวอย่างเจ็ยแสบ ดังต่อไปนี้
แถลงการณ์กลุ่มนักศึกษา 303 คน 14 สถาบัน
พวกเราที่เป็นนักศึกษา อาจมีความรู้ไม่มากนัก และยังต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกมาก แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่มีแถลงการณ์ของนักวิชาการ 303 คนจาก 14 สถาบัน ออกมาคัดค้านการยุบสภาอย่างไร้เหตุผล และยุให้รัฐบาลปราบผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด(อ่านรายละเอียดข่าว นี้) เพราะเท่าที่ติดตามข่าวมาระยะหนึ่ง พอสรุปได้ว่ารัฐบาลและสภานี้ก่อตั้งขึ้นมาอย่างไร
1.เริ่มจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2519 มีการฉีกรัฐธรรมนูญปี 40 ทิ้ง ไม่เคยเห็นนักวิชาการกลุ่มนี้ออกมาคัดค้านเลย แถมบางคนยังวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจ จนได้ดิบได้ดี ได้รับการแต่งตั้ง มีเงินเดือน บางคนก็ได้ทำงานพิเศษ แต่ถ้าลองย้อนดูประวัติของหลายคนก็จะพบว่า พวกเขาวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจมาทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว
2.กรณี ที่มีการใช้อำนาจศาลยุบพรรคการเมือง และจำกัดสิทธิ์กรรมการหลายพรรคไม่ให้สมัครรับเลือกตั้ง ก็เป็นเรื่องที่นักวิชาการเหล่านี้น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผิดหลักการ และ จะเกิดความวุ่นวายตามมาอย่างแน่นอน ถ้าต่อไปอำนาจนิติบัญญัติมายกมือโหวตเพื่อแทรกแซงอำนาจศาล อะไรจะเกิดขึ้น นักวิชาการเหล่านี้รู้ทั้งรู้แต่ไม่คัดค้าน วันนี้พม่าซึ่งเดิมไม่กล้ายุบพรรคการเมืองของอองซาน ซูจีก็กำลังออกกฎหมายยุบพรรคตามมา เพื่อเลียนแบบประเทศไทยแล้ว ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีเสียจริง ๆ
3.สิ่งที่เรียกกัน ว่าสองมาตรฐานเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มีการตัดสินแบบไม่อายฟ้าดิน ความเชื่อถือต่อระบบยุติธรรม ตั้งแต่องค์กรอิสระต่าง ๆจนถึงชั้นศาลก็ได้รับความกระทบกระเทือนไม่เคยเห็นนักวิชาการอย่างพวกท่าน คัดค้านสักแอะเดียว อย่าลืมว่าการตัดสินทั้งหลายแหล่ที่ผ่านมา จะถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แม้เวลาผ่านไปหลายปีสิ่งเหล่านี้ก็จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา คิดว่าต้องมีอีกหลายชีวิตที่ต้องรอรับผลตอบแทนที่จะตามมาในอนาคต
4.เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คนรู้กันทั้งประเทศ ข่าวออกทั้งหนังสือพิมพ์ และวิทยุโทรทัศน์ ว่าไปจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารไหน บ้านหลังไหน เวลากี่โมง ใครเข้าไปนั่งบ้าง ใครถูกบังคับบ้าง ตกลงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แบ่งกระทรวงไปทำมาหากินกันอย่างไร ก็เป็นที่น่าแปลกอีกนั่นแหละว่าพวกท่านไม่เคยคัดค้านเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย และอาจจะมีห้าหกคนที่สมคบคิดในการทำเรื่องนี้ด้วยซ้ำ การกระทำครั้งนี้เป็นการปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชนอย่างหน้าด้าน ๆ
5.การบริหารที่คดโกง ล้มเหลว สะท้อนออกมาในหลายกรณี ไม่ ว่าจะเป็นเรื่องการจัดซื้อหรือการแต่งตั้งข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นการทุจริต ไม่ว่ากรณีจัดซื้อเครื่อง G.T.200 ซึ่งต้องถือว่าเป็นการคดโกงมากที่สุด และถือว่าเป็นการดูถูกประชาชนเจ้าของภาษีมากที่สุดในรอบร้อยปี กรณีนี้เหมือนกันท้าทายว่า
“กูจะทำยังงี้ กูมีปืน มึงมีอะไรหรือเปล่า”
ถามว่าพวกท่านเคยเคลื่อนไหวเรื่องนี้ เคยคิดจะจับคนที่ทุจริตคอรัปชั่นอย่างนี้บ้างไหม กรณีจ่าเพียรก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการทุจริตในการซื้อขายตำแหน่ง วันนี้ได้มีกลุ่มคนออกมาประท้วงรัฐบาลชุดนี้ มีเหตุผลตั้งมากมายที่น่าจะคืนอำนาจให้ประชาชน เลือกตัวแทนของเขาใหม่ พวกท่านกลับบอกว่าเป็นเรื่องไร้เหตุผล ไม่เพียงไม่กล้าต่อสู้กับความอยุติธรรม แต่กลับไปสมคบกับคนผิด สนับสนุนให้พวกเขาครองอำนาจต่อไป วิเคราะห์ในเชิงเหตุผลแล้ว ไม่สามารถหาคำตอบได้ นอกจากจะพูดได้ว่าคงมีแกนนำหลายคนที่ได้ผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ คงไม่สามารถกล่าวอะไรได้ต่อไปอีกแล้ว
แม้จะอายุน้อยและเป็นเด็ก กว่า แต่ก็คงทำความเคารพกันต่อไปไม่ได้ ไม่ได้รู้สึกเกลียด เพียงแต่รู้สึกขยะแขยง หวังว่าในอนาคต พวกท่านคงจะโชคดี เอาตัวรอดจากการก่นด่าของสังคมไปได้ แต่อย่าลืมว่า ความจริงไม่มีใครปิดได้มิด ความจริงจะต้องถูกเปิดเผยออกมา วันนั้นท่านจะได้รู้ว่าประวัติศาสตร์คือสิ่งเราไม่สามารถเอาเงินไปซื้อเพื่อ เปลี่ยนมันได้ ความอับอายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นสิ่งที่พวกท่านต้องยอมรับมัน.
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 4/09/2010 03:48:00 หลังเที่ยง Links to this post
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น