ขอยกย่องสรรเสริญและชมเชย….ดร.จารุพรรณ กุลดิลก ไพร่ดาวเด่น "ถ้ามีปฏิวัติอีกเราจะสู้จนตาย"

เป็น ครั้งแรกที่ได้รู้จักคนชื่อนี้ นามสกุลนี้ ได้อ่านเรื่องราวของเธอที่ไทยรัฐไปสัมภาษณ์แล้วทำให้รู้สึกว่า…
เธอจะเป็นตัวแทนของคนรากหญ้าจริงๆ
คนระดับเธอ มีความรู้อย่างเธอ ไม่ต้องยุ่งการเมืองก็ไม่เดือดร้อนอะไร…แต่เธอมายุ่งเพราะ
มีความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม ต่อประเทศชาติ ไม่อยากเห็นการเอารัดเอาเปรียบ
เชิญอ่านความคิดความเห็นของเธอครับ….น่ายกย่องสรรเสริญจริงๆ
เสียดายที่ผมก๊อปรูปถ่ายของเธอมาโพส์ไม่ได้….หากใครมีรูปเธอหรือก๊อปจาก ไทรรัฐได้ ช่วยเอามาเผยแพร่หน่อยครับ

เชิญอ่านสกูปข่าวสัมภาษณ์ จากไทยรัฐออนไลน์ :
นอกจากความกล้าของผศ.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก หญิงสาวที่ฉายเดี่ยวเข้าไปยื่นจดหมายเรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามาร่วมสังเกต การณ์ระหว่างการเผชิญหน้าของเสื้อแดงกับรัฐบาลเมื่อวานนี้ (19เม.ย.53) แล้ว
ความน่าสนใจของสาวเสื้อแดงคนนี้อยู่ที่ว่า ปัจจุบันเธอเป็นนักเขียน เป็นคอลัมนิสต์ให้หนังสือพิมพ์ เป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยชื่อดัง เป็นอดีตผู้ร่วมงานกับ น.พ.ประเวศ วะสี ในโครงการจิตวิวัฒน์
ที่สำคัญ ผศ.ดร.จารุพรรณ คือทายาท “พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก” มิตรในดงสีกากีของทักษิณ
ในวันที่การเมืองร้อนระอุ ไทยรัฐ ออนไลน์ มีโอกาสสัมภาษณ์สาวแกร่ง ดาวเด่นของเวทีเสื้อแดงถึงทัศนะการต่อสู้ทางการเมืองในมุมไพร่แดงว่าเป็น อย่างไร

Q : อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้หญิงอย่างคุณบุกเดี่ยวไปยื่นจดหมายให้กับยู เอ็น
เราเห็นแล้วว่ารัฐบาลทำไม่ถูก ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะมีการเจรจาก็ต่อเมื่อผู้ชุมนุมจะย้ายกลับไปที่ผ่าน ฟ้า แล้วทำไมถึงยังมาปราบปรามที่ผ่านฟ้า เพราะเห็นว่าคนน้อยหรืออย่างไร ซึ่งมันตรงข้ามกับหลักการที่จะมาเจรจา ช่วงการที่ปราบปรามนั้นก็มีการขนอาวุธสงครามมามากมาย ถึงแม้ว่าจะเป็นกระสุนยางก็ตาม แต่ว่าก็มีการยิงตรงใส่ผู้ชุมนุม ซึ่งโหดร้ายมาก ใครๆ ก็เห็นว่ามีลักษณะการยิงที่ใกล้ๆ และปะทะกันตั้งแต่เช้า และจนถึงตอนกลางคืน ที่มีการสังหารผู้บริสุทธิ์ ตอนกลางคืนไม่น่าจะมีการปะทะกัน ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันอยู่แล้ว ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มันไม่สามารถยอมรับได้ เป็นการกระทำของรัฐบาลที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
ซึ่งตอนเกิดเหตุการณ์วันนั้น เราอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะการบาดเจ็บจากการพลัดตกบันได เพราะพักผ่อนน้อย แต่ตอนนั้นก็ฟื้นขึ้นมา แล้วคอยส่งข่าวให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ก็ได้ข่าวว่าประชาชนที่อยู่ที่คอกวัวนั้นโทรมาหาตลอด เพราะได้ยินเสียงปืนตลอด

Q: เนื้อความในจดหมายมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
ทั้งหมดแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.ซีดีที่รวบรวมคลิปเหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ไปให้ทางสำนักสิทธิมนุษย์ชนประกอบเป็นหลักฐาน 2.ขอผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง มาสังเกตการณ์การชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ เพราะเรายืนยันว่าไม่ได้เป็นการชุมนุมของผู้ก่อการร้าย ซึ่งรัฐบาลใช้เป้นการอ้างเพื่อที่จะจับแกนนำ ทำให้เกิดการสังหารพี่น้องประชาชนเสื้อแดงไปเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนนี้ได้มีการส่งมือปืนขึ้นไปบนตึกสูง แล้วเราก็คิดว่าเป็นการลอบสังหารปราบปราม จึงอยากจะขอให้ยูเอ็นส่งคนมาสังเกตการณ์ดูที่ชุมนุมด่วน
3.เราต้องการให้ยูเอ็นประเทศไทย รายงานไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงการละเมิดสนธิสัญญาที่ว่าด้วยการไม่ใช้อาวุธสงครามมาทำร้ายพลเรือนที่มี มือเปล่า อันนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ประทุษร้ายทางบุคคล เราจึงอยากให้ทางสหประชาชาติมาปกป้องเรา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยูเอ็นก็ให้โอกาสได้คุย ซึ่งเราใช้เวลาชั่วโมงกว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมด เล่าให้ฟังว่าคนเสื้อแดงไม่ค่อยมีช่องทางในการสื่อสาร “พีเพิลชาแนล” ก็ถูกปิด คลิปต่างๆ ก็ไม่สามารถที่จะดาวน์โหลดได้จากอินเทอร์เน็ท ส่วนเว็บไซต์ต่างๆ ก็ถูกรัฐบาลปิด ซึ่งทางยูเอ็นเขาก็บอกถึงการปิดกั้นสื่อของประชาชนว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเคยแจ้งเตือนรัฐบาลมาแล้วว่า ปิดกั้นเสรีภาพในการสื่อสาร แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจ

Q : คำแถลงทั้งหมดร่างขึ้นเอง
การร่างนี้ร่วมด้วยช่วยกันกับหมอเหวง และยังมีนักวิชาการอีกหลายๆ คนช่วยกันร่าง

Q: ความรู้สึกหลังการปะทะ (วันที่ 10 เม.ย.) หลังจากรัฐบาลพยายามขอพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุมเป็นอย่างไรบ้าง
บอกได้เลยว่าไม่เกินคาด เพราะทั้งหมดเป็นการจัดฉากเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นมาแน่นอน ซึ่งเขาคิดว่าจะต้องมีการปรามปรามขอพื้นที่คืนให้ได้แน่นอนภายในวันนั้น และตกกลางคืนก็ยังคงต่อเนื่องไปทั้งคืน เรายังมีอาวุธสงครามที่ครบมือ ส่วนในเรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่าย อันนี้ไม่สามารถจะโทษใครได้ ไม่สามารถจะนิยามอะไรแบบนั้นได้ คือเราเองอยู่ทางผู้ชุมนุม เรายืนยันว่าไม่มีอาวุธแน่นอน รัฐบาลจะต้องจับให้ได้ชี้ให้ชัดว่าใครทำ แล้วประกาศพ.ร.ก.ขนาดนี้จับได้แม้กระทั่งตะหลิว กะทะ (หัวเราะ) แต่ระเบิด อาวุธต่างๆ นั้น สามารถเข้ามาได้อย่างไร มันต้องเป็นความรับผิดชอบต่อฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทยแล้วละ ที่จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งจะต้องรักษาสิทธิของประชาชน ซึ่งเป็นหลังสูงสุดของหลักตามประชาธิปไตยให้ปราศจากอาวุธ แล้วไม่มีหลักฐานใดๆ ที่มาบอกว่าเสื้อแดงนั้นมีอาวุธ

Q: ปราศจากอาวุธ...แล้วที่ทั้งภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวจับได้ว่า มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงทหารตาย และกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งก็มีอาวุธ แถมยังทำร้ายทหารด้วย
จริงๆ ต้องมีการยืนยันว่าบุคคลนั้นเป็นใคร อย่าให้เห็นแต่ภาพ แล้วมีการยืนยันว่าเป็นคนเสื้อแดงจริงหรือไม่ อย่างไร ชื่ออะไร เพราะว่ามันมีภาพเหมือนกันว่าเป็นทหารปลอมใส่เสื้อแดง มันน่าจะเกิดทั้งสองฝ่าย รัฐบาลจะต้องออกมาชี้ให้ชัดว่าเป็นใคร แต่อย่ามาโทษว่าคนส่วนใหญ่มีอาวุธ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วก็มาถูกกล่าวว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แล้วก็มาละเมิดสิทธิ โดยความเห็นส่วนตัวว่า การชุมนุมยังไม่เข้าข่ายการก่อการร้าย ถ้ามีผู้ก่อการร้ายก็ต้องใช้หน่วยที่ปราบโดยตรง ไม่ใช่เอาทหารมาทั้งกองทัพ มาจัดการ เพราะอาวุธสงครามไม่ได้มีไว้ใช้กับประชาชน อย่างภาพที่มีระเบิดเอ็ม 79 มาลงทหารที่ยืนอยู่นั้น จริงก็มีระเบิดมาลงอยู่ตลอด และก็จับมือใครดมไม่ได้ การประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงขนาดนี้ แต่ทำไมมันรอดมาได้ทุกครั้ง มันทำให้เกิดสมมติฐานมากมาย ในการคิดว่าประโยชน์ของการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง มันได้อะไร ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำให้ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นเลย “คนเสื้อแดงชุมนุมมาโดยตลอด ก็น่าแปลกที่หุ้นตกมาโดยตลอด” แต่คนเสื้อแดงชุมนุมแล้วหุ้นดันขึ้น (หัวเราะ) ต่างชาติเขามั่นใจว่าจะไม่มีความรุนแรง แบบนี้มันก็เป็นปรากฎการณ์ที่เห็นได้ชัดของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา

Q: เกือบ 1 เดือน ประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเป็นอย่างไรบ้าง
เท่าที่ดูประชาชนจริงๆ แล้ว เขามีเจตนาที่บริสุทธิ์ และแต่ละคนดูแล้วเขามีศักยภาพสามารถที่จะเอาไมค์ไปจ่อปากแล้วให้ปราศรัยได้ ทุกคน เขามีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย และมีความเข้าใจกันยิ่งกว่าพวกเรา ซึ่งจบมาสูงปริญญาเอกซะอีก...(หัวเราะ) เพราะมันกระทบกับชีวิตโดยตรง คิดว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยของเขา น่าจะได้รับการเคารพ และประชาชนที่มีมือเปล่า ก็น่าจะได้รับการปกป้อง ซึ่งมีจำนวนมาก เสียงของเขาน่าจะสื่อสารกัน แล้วได้ยิน ไม่ควรที่จะถูกปิดกั้น

Q: คุณและคนเสื้อแดงได้ดูคลิปที่ออกมากมาย ที่นอกจากกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนกรูมาทำร้ายทหารแล้ว เรื่องคลิปที่มีคนอ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงรับเงินมาชุมนุมบ้างไหม
อันนี้ต้องไปถามว่าใคร อะไร อย่างไร ให้เป็นเรื่องเป็นราว คลิปต่างๆ ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอก ลองคำนวนต่างๆ ว่ามีการจ้างกันจริงๆ เป็นเวลาสี่ปีกันมาแล้ว ซึ่งเงินการจ้างมันจะต้องเป็นเงินมหาศาลจริงๆ เท่าที่เคยสัมผัสกับชาวบ้านที่ส่วนมากเขามาเอง เขาควักกระเป๋ากันมาเองทั้งนั้น เอาเป็นว่าพูดกันแบบจริงๆ ให้ช่วยเงินบ้างได้ไหม แบบนี้มี แต่แบบที่ไปเพราะเห็นว่ามีการจ้างนั้นไม่มีแน่นอน ที่บอกว่าเงินหายไปแล้วมาขอเงินกันดื้อๆ เลยก็มี แบบนี้ก็มีเหมือนกัน

Q: เห็นคุณไปปราศรัยบนเวทีเสื้อด้วย
เราเชื่อมั่นในหลักประชาธิปไตย ซึ่งในอนาคตเราก็ต้องพัฒนาไปแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าตอนนี้ยังไม่เห็นว่าเป็นความสำคัญ มันก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เราก็จะอยู่กันไปอย่างนี้ มีปัญหาหมักหมมมากมาย ทั้งในเรื่องโครงสร้าง การบริหารการจัดการ รัฐบาลนี้ไม่สามารถที่จะจัดการปัญหาหลายๆ เรื่องได้ เพราะว่าอำนาจอธิปไตยทั้งสาม 3 แท่ง ไม่สมดุลย์ ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ประเทศเจริญเท่าประเทศอื่นๆ เราก็จะต้องเรียกร้องไปเรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องเรียกร้องกันไปเรื่อยๆ ซึ่งราต้องเรียกร้องคุณค่าบางอย่าง ถึงแม้วันนี้รัฐบาลจะไม่ยุบสภา
แต่วันนี้ข้อดีของคนเสื้อแดงก็คือ คนตื่นตัวและพูดถึงประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพกันเยอะขึ้น มีการแสดงความคิดเห็นกันมากขึ้น ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ประชาชนพูดกันเยอะ ในเรื่องแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนตัวนั้นมีความเห็นว่าประเทศจะพัฒนาไปได้ ถ้าคนตื่นตัวขึ้นมาเรียนรู้กันได้ขนาดนี้ เขามีปัญหา เขาจึงมาเรียกร้องประชาธิปไตย เขาก็จะรู้ด้วยตัวเขาเอง

Q: เหรียญมี 2 ด้านเสมอ คำถามก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยบอก “ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ…” การไปยื่นหนังสือ หลายคนวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม กลืนน้ำลายตัวเอง ทั้งยังเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
ตอนนี้เราต้องถามว่าชักศึกเข้าบ้าน เรารวมถึงการชักศึกเข้าบ้านทางอธิปไตย ทางเศรษฐกิจด้วยหรือเปล่า ชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่เกิดขึ้นด้วยมือเราแน่นอน เพราะเรากลายเป็นประเทศที่เพิ่งจะเป็นหนี้กับเขา เราสูญเสียทรัพยากรทั้งคน คนของเราต้องกลายเป็นพลเมืองชั้นสามในต่างประเทศ ถามกลับไปว่า การชักศึกเข้าบ้านมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันแน่ คือคนไทยเราไม่เคยมีความทัดเทียมกับประชากรโลกมาก่อน
แต่วันนี้มีคนมาพูดเรื่องประชาธิปไตย ที่เราพอจะมีความหวังว่าประเทศไทยเราจะมีเอกราชที่เป็นของเราจริงๆ สักที ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ทุนมนุษย์ สติปัญญา การศึกษา เราจะพัฒนาของเราได้เองสักที มันจะไม่เกิดขึ้นตอนนี้ การที่ไปติดต่อยูเอ็น คือการที่ไปดึงความสนใจจากประชาคมโลกให้มองเห็นว่า เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมันถูกปิดกั้นจริงๆ แล้วต่างประเทศเองก็มีประสบการณ์ยาวนานเกี่ยวกับเรื่องนี้ อยากจะให้เรารู้สึกเคารพคุณค่าทางประชาธิปไตย โดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นการเรียกความสนใจจากประชาคมโลก เพื่อที่จะเอาความรู้มาเผยแผ่เกี่ยวกับประชาธิปไตยที่ถูกต้อง

Q: คิดยังไงกับพลังเงียบ กลุ่มเสื้อหลากสีที่มาเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นสิทธิของเขา เป็นสิทธิที่คนเราจะมีความคิดอิสระ แล้วออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเขาคิดอะไรอย่างไร มันคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ ถ้าไม่มีแบบนี้ แล้วยังใคร่ครวญเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ก็อาจจะมาเจอเส้นทางเดียวกันก็ได้กับเสื้อแดง

Q: ปัญหามันอยู่ตรงที่กลุ่มคนเสื้อหลากสีเขาเอาสถาบัน แต่คนเสื้อแดงก็ถูกกล่าวหาว่าจะล้างสถาบัน
ยืนยันว่าภูมิสติปัญญาที่เป็นแก่นกลางของเสื้อแดงนั้นไม่คิดล้มล้าง สถาบันแน่นอน หลายๆ ประเทศไม่มีสถาบันทางพระมหากษัตริย์ แต่มีสถาบันประธนาธิบดีแทน เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ เพื่อจะได้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ อย่างเยอรมัน ต้องมีนายกรัฐมนตรี แล้วยังต้องมีสถาบันประธานาธิบดีอีก แล้วคนไทยรักในหลวงมาก เสื้อแดงก็รักในหลวง ซึ่งคนที่เสียชีวิตยังใส่เสื้อรักในหลวงเลย เราต้องคัดแยกคนเหล่านี้ออก แต่คนเหล่านี้ก็ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะล้ม แต่อาจมีว่าจะความรู้สึก แต่ไม่มีข้อบ่งชี้ตรงไหนว่าไม่รักสถาบัน อาจจะเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเราไม่ค่อยชินกันในประเทศไทยที่จะพูดอย่างโจ่งแจ้ง

Q: คุณเคยทำงานกับหมอประเวศ วะสี
ใช่ค่ะ เป็นโครงการจิตวิวัฒน์ เป็นบุคคลที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาท โครงการนี้เป็นโครงการที่พัฒนาเรื่องสุขภาพโดยตรง เป็นสมมุติฐานที่ว่า ถ้าคนเราจิตใจข้างในสุขสบาย ร่างกายข้างนอกก็จะสุขสบายด้วยเหมือนกัน เห็นว่าคุณหมอสนใจหลากหลายที่เรียนรู้เยอะ เลยให้มาประสานงานโครงการให้ด้วย
ส่วนที่จะถามว่าการที่มารวมกับเสื้อแดงที่มีภาพผิดๆ ว่าไม่ล้มสถาบันนั้น ก็ไม่ใช่ความขัดแย้ง อย่างเสื้อเหลืองเขามาเรียกร้องคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งกับเราแล้วมันอาจจะคนละแนวทางกัน แต่เสื้อแดงเขามาเรียกร้องถึงโครงสร้างการพัฒนาเรียกร้องประชาธิปไตย เอื้อต่อการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นมันก็ล้อกันว่า ถ้ามีสิ่งแวดล้อมที่ดี โครงสร้างที่ดี ก็จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองดีขึ้น ซึ่งทุกวันอำนาจตุลาการมันเกินมาแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติและบริหาร ทำให้การบริหารประเทศติดขัด เราจะมาเรียกร้องให้รัฐบาลทำโน่นทำนี่ก็คงไม่มีทาง เพราะว่าโครงสร้างมันไม่สมดุล

Q: ดูตามประวัติแล้วการศึกษาดี ชาติตระกูล-ฐานะดี ต้นทุนสูงแบบนี้ คุณคิดว่าคุณเป็นไพร่ หรืออำมาตย์มากกว่ากัน
เป็นไพร่แน่นอน (ตอบเร็ว) อำมาตย์ในความเข้าใจส่วนตัว คือคนที่มีบารมีทางทุนทรัพย์ ทางสังคม ทางการบ้านการเมือง แล้วอยู่ในอำนาจนั้นยาว โดยประชาชนไม่ได้เลือกให้อยู่ในอำนาจนานขนาดนั้น และมีบทบาทกำหนดทิศทางของประเทศ และยิ่งโดยทางการเมืองทำให้ยุ่งไปหมด แต่ถามว่าเป็นไพร่ประเภทไหน เราเป็นไพร่ที่อยากจะสอนประชาชนให้ตื่นขึ้นมาเรียนรู้ แม้จะบอกว่าจบปริญญาเอกมา ก็ไม่ได้มีหลักประกันว่าจะมีความฉลาดหลักแหลมในการใช้ชีวิตได้ แต่ว่าประชาชนนี่แหละ รากหญ้าเหล่านี้ เขามีทางที่จะเอาชีวิตรอดได้ ทั้งชีวิตและจิตใจของเขา

Q : สถานการณ์การต่อสู้ระหว่างคนเสื้อแดงกับรัฐบาล ที่มีเสื้อเหลือง เสื้อหลากสี และทหารตำรวจบางส่วน ดูเหมือนจะโดดเดี่ยวมาก สุดท้ายศึกครั้งนี้จะจบอย่างไร
ส่วนตัวเรามองไปถึงเรื่องความกล้าหาญของผู้บริหาร ที่จะเข้ามาจัดการปัญหาเหล่านี้ ถ้ายุบสภาก็ต้องมาคุยถึงปัญหาว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ คุณพ่อก็จะสอนมาตลอดในเรื่องการกล้าแสดงออกทางความคิด การแสดงออกมาครั้งนี้คุณพ่อก็ไม่ได้บอกอะไรมาก แต่จะคุยกันเอง กฎหมายเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ ส่วนเรื่องจะเล่นการเมืองนั้น ก็ยังไม่แน่นอน เพราะเห็นว่าจะมีการปฏิวัติ

Q : ความหมายของคำว่า “ปฎิวัติ” คืออะไร
ปฏิวัติเป็นข้ออ้างที่จะมาแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่มีการคอรัปชั่น เราพิสูจน์แล้วว่าปัญหาคอรัปชั่นมันแก้ไม่ได้ มันคือการใช้กำลัง ความสงบสุขจะกิดขึ้นได้ ก็เพราะเกิดจากความเป็นธรรมแล้วก็จะสงบสุขไปเอง

Q : ถ้าตื่นเช้ามาพรุ่งนี้ ปรากฏว่ามีการปฎิวัติ คุณจะทำอะไร
จะออกไปสู้อย่างแน่นอน จะสู้จนตัวตาย เพราะมันไม่ได้แล้ว ถ้ามีแนวคิดโครงสร้างกดทับไปเรื่อยๆ แบบนี้ ประชาชนก็จะไม่ได้ลืมตาอ้าปาก มันไม่จริงที่จะอยู่ดีกินดี มันไม่มีทางที่จะแก้ไขความทุกข์ในชีวิตได้ทันเวลา
**************************
ประวัติการทำงาน
(2551 - ปัจจุบัน) อาจารย์พิเศษ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และ ที่ปรึกษา บริษัท อะ บอกซ์ ออฟ ช็อคโกแลต จำกัด
(2549 - 2551) รองคณบดีฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
(2547 - 2549) ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบัณฑิตศึกษาและกิจกรรมพิเศษ และประธานหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขา
เทคโนโลยีการจัดการระบบสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
(2550 - 2552) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
(2546 - 2550) อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
กิจกรรมอาสาสมัครปัจจุบัน
- นักเขียนคอลัมน์จิตวิวัฒน์ หนังสือพิมพ์มติชน
- นักเขียนคอลัมน์พรมแดนแห่งความรู้ เครือข่ายจิตตปัญญาศึกษา
- นักจัดรายการวิทยุชุมชนคนแท็กซี่
- นักจัดรายการวิทยุชุมชนเสียงคนไทย
- วิทยากรรายการ มหาประชาชน People Chan
http://www.thairath.co.th/content/pol/77761