Posted by คมชัดลึก
เป็นที่รู้กันว่า มอนเตเนโกร เป็นประเทศแหล่งรวมอาชญากรชั้นสูง ส่วนใหญ่เป็นผู้ค้าอาวุธ ยาเสพติดจากอเมริกาใต้
การ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือสัญชาติไทยและมอนเตเนโกร ในฐานะนักธุรกิจรายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในประเทศมอนเตเนโกร ส่งผลให้ได้รับเอกสิทธิ์ขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับพลเมืองมอนเตเนโกร ใน แง่หนึ่ง กฎหมายในรัฐธรรมนูญประเทศมอนเตเนโกร ระบุชัดว่า จะไม่ส่งพลเมืองของประเทศไปดำเนินคดีให้แก่ประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศที่มีโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต ยิ่งทางไทยได้ตั้งข้อ หาว่า "ก่อการร้าย" เป็นเรื่องที่ยากมากที่มอนเตเนโกรจะส่งพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในไทย แม้ว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากวันที่ 19-24 พฤษภาคม ใช้ชีวิตสบายๆ ดูหนังที่เมืองคานส์ และพบปะนักธุรกิจของฝรั่งเศส และเกือบได้ไปปาฐกถาเรื่องปัญหาวิกฤติการเมืองในไทยที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ในวันที่ 24 พฤษภาคม จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับมามอนเตเนโกร ที่ มอนเตเนโกร พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ เป็นเจ้าของโรงแรมมอนเตเนโกร และล่าสุดกำลังเริ่มทำธุรกิจด้านสื่อสาร ชีวิต ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่นี่หรูหรา และได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากนักการเมืองและนักธุรกิจของที่นี่ขอเข้าพบเป็นระยะๆ เพียง ไม่กี่วัน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของมอนเตเนโกรเลยทีเดียว ขณะเดียวกัน มอนเตเนโกรได้บอกพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าหยุดการเคลื่อนไหวก่อน เพราะมอนเตเนโกรกำลังขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) จึงกลัวว่าจะมีปัญหา เพราะขณะนี้อียูมีการประชุมวิกฤติการเงินของกรีซ-ฮังการีอยู่ ในด้าน กระทรวงบัวแก้วของบ้านเรา ได้สั่งการไปยังสถานทูตทั่วโลกให้เฝ้าจับตาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศไหนและมีกิจกรรมอะไรทำบ้าง ให้รายงานตรงมายัง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จึงจะเห็นว่า เงื่อนไขและอุปสรรคไม่ได้ติดขัดในเรื่องข้อกฎหมายที่ส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ในประเทศ แต่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศนั้นๆ เสียมากกว่า นี่ต้องยอมรับว่า กลยุทธ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ผล ที่หลบหนีและพักพิงในประเทศที่ไม่มีความสัมพันธ์ทั้งด้านการเมือง การต่างประเทศ เศรษฐกิจ การค้า กับไทย ตรงนี้ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ปฏิบัติการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อติดตามกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย จะมีแนวโน้มเป็นไปได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเคลือบแคลงสงสัย แต่ดูเหมือนว่า เมื่อเจอกรณีแบบมอนเตเนโกร จะทำให้ทางการไทยจนแต้ม ปัจจัยความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจการค้าและการเมืองที่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกัน กลายเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ หากพิจารณาดูกลุ่มประเทศที่อยู่ในลิสต์ สีแดง ที่รัฐบาลไทยต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการประสานขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในไทยอย่าง กัมพูชา ซึ่งมีความร่วมมือสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ที่ผ่านมา มีรายงานหลายครั้งที่ชี้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้ากัมพูชา แต่ก็ไม่มีการจับกุมตัว แม้ฝ่ายไทยจะส่งหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านช่องทางที่ถูกต้องตามหลักสากลไปยังกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแล้ว ก็ไม่มีผล แม้แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ที่อยู่ระหว่างทำข้อตกลงทำสนธิสัญญาร่วมกัน ซึ่งใกล้จะคลอดเต็มที แต่ท่าทีของยูเออีต่อเรื่องนี้ กลับดำเนินไปในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ ทั้งที่ไทยเคยส่งตัวผู้ร้ายที่ยูเออีต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีมาแล้ว ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นไปในรูปแบบต่างตอบแทน หากแต่ในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือสองสัญชาติ คือ ไทยกับมอนเตเนโกร จึงไม่เป็นเรื่องผิดหากประเทศไทย จะติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษในไทย ขณะ เดียวกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่กระทรวงมหาดไทยจะยกเลิกสัญชาติไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะจะส่งผลให้การดำเนินการในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความชอบธรรม และ พ.ต.ท.ทักษิณหลุดพ้นจากการติดตามตัวเพื่อมาขึ้นศาลไทยไปโดยปริยาย ดั่งความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับดคี เหว่ย เซียะ กัง ตรงนี้เองแหละ ที่ทำให้มองว่าปฏิบัติการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงการหาเสียง ทำให้เห็นว่ามีการติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเข้มแข็ง มากกว่าการหวังผลจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีอย่างจริงจัง นันทิ ดา พวงทอง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น