มติชนออนไลน์
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:34:31 น.
*ที่ปรึกษากมธ.ปัดตั้งศาลเตี้ย เปิดหลักฐานเด็ดที่ดินสมุย เห็นร่องรอยส.ค.1
ข้ามที่ดินชาวบ้านไปออกโฉนด !*
*ที่ปรึกษา กมธ.กฎหมายปัดตั้งศาลเตี้ย "สุเทพ"พร้อมรับฟังหากจะเข้าชี้แจง
เล็งตั้งอนุฯสอบโดยเฉพาะ ดึงฝ่ายค้าน-รัฐบาล-ป่าไม้-ที่ดินร่วมทีม
เปิดหลักฐานเด็ดจากเอกสารที่ดินสมุย เห็นร่องรอย ส.ค.1 เลขที่ 95
ปลิวข้ามที่ดินชาวบ้านไปออกโฉนด"ลูกสุเทพ" ส่วนที่"นิพนธ์"ไม่มี ส.ค.1
ใช้โฉนดข้างเคียงบวมทับแทน*
*นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน
พรรคเพื่อไทย(พท.)*ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย
การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน
สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเสนอ กมธ.การกฎหมายฯ ตั้งอนุ กมธ.ที่ประกอบด้วย
ตัวแทนฝ่ายค้าน รัฐบาล กรมที่ดิน และกรมป่าไม้
เพื่อสอบสวนการออกโฉนดที่ดินบนเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
โดยเฉพาะแปลงของนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรี และบริษัทชนาพันธุ์ จำกัด ที่มีนายนิพนธ์ พร้อมพันธ์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)เป็นหุ้นส่วน ที่สงสัยว่า ออกโฉนดโดยมิชอบ
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวของคณะทำงานติดตามตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดินเขาแพง ของ
พท. เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นายประเกียรติ กล่าวว่า การพิจารณาปัญหาเขาแพงใน
กมธ.การฎหมายฯนั้นยิ่งสอบยิ่งลึก และประเด็นแตกออกไปมาก ดังนั้นในฐานะที่ปรึกษา
กมธ.การกฎหมายฯขอตั้งญัตติเพื่อที่จะตั้งอนุกมธ.ขึ้นมาเพื่อสอบประเด็นเขาแพงอย่างเดียว
โดยอนุ กมธ.ชุดนี้จะประกอบไปด้วย กมธ.ในซีกของพรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล
รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน กรมป่าไม้
ทั้งนี.เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการศึกษา
"ผมขอฝากไปถึงนายสุเทพ ว่าเรื่องที่คณะทำงานของ พท.ตรวจสอบอยู่
เป็นเรื่องที่ศึกษาและออกโฉนดชอบหรือไม่ชอบ
ยังไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงการถือครองที่ดินแทน
หรือการตั้งนอมินีที่ถือครองที่ดินแทน
แต่ทราบว่าเรื่องนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตั้งประเด็นนี้ขึ้นมาแล้ว
และอนุฯกมธ.ที่จะมีการต่งตั้งขึ้นจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป
และคงเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งในสังคม เจตนาของคณะทำงานฯ และกมธ.การกฎหมายฯ
พยายามพูดถึงประเด็นที่เป็นปัญหา
ไม่เคยใส่ร้ายและตัดสินเรื่องอะไรในลักษณะที่เป็นศาลเตี้ย แต่หากนายสุเทพ
อยากจะเข้ามาชี้แจงต่อกมธ.การกฎหมายฯ
เพื่อความโปร่งใสกมธ.ก็ยินดีที่จะรับฟัง"นายประเกียรติกล่าว
ด้าน*นาย
ได้นำหลักฐานทุกอย่างให้อดีตอธิบดีกรมที่ดินรายหนึ่งได้พิจารณา
ซึ่งอดีตอธิบดีรายนั้นถึงกับบอกว่า "จังซี้มันต้องถอน" หมายความว่า
ต้องเพิกถอนที่ดินของนายแทน และนาย
ซึ่งหากผลการสอบสวนออกมาว่าผิดจริงแล้วอธิบดีคนปัจจุบันยังไม่ดำเนินการเพิกถอนการโฉนด
นอกจากจะมีความผิดแล้ว ยังถือว่าละเว้นในการทำหน้าที่ปกป้องสมบัติชาติ
แต่กลับไปปกป้องผลประโยชน์ให้กับนายทุนและนักการเมืองแทน
ซึ่งถือว่าป็นการกระทำที่เสียศักดิ์ศรีข้าราชการและลืมคำปฎิญาณตนไปแล้ว
ผู้สื่อข่าว "มติชน"ตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารราชการ จำนวน 254 หน้า ที่นายจำลอง
โพธิ์เพชร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย นำมามอบให้กับ
กมธ.การกฎหมายฯ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา
เพื่อยืนยันว่าการออกโฉนดของนายแทน และบริษัท ชนาพันธุ์ จำกัด ถูกต้อง
โดยเฉพาะกรณีที่ระบุว่า โฉนดที่ดินของนายแทน และบริษัทชนาพันธุ์ จำกัด ออกจากมา
ส.ค.1 ฉบับเดียวกัน คือส.ค.1 เลขที่ 95
แต่จากการตรวจสอบกลับพบเอกสารหลายชิ้นที่น่าสนใจ เพราะกลายเป็นการช่วยยืนยันว่า
โฉนดที่ดินของนายแทนและบริษัทชนาพันธุ์ฯ อาจจะมีที่มาไม่ถูกต้อง
(1) สำเนา ส.ค.1 เลขที่ 95 ของนายจรูญ ศรีแผ้ว (อยู่ในหน้าที่ 00148
ของเอกสารที่นายจำลองนำมาให้กมธ.กฎหมายฯ) ที่มีจำนวนเนื้อที่ดิน 7-0-0
(ไร่-งาน-วา) ที่นายสามารถ เรืองศรี หรือโกเข็ก ซื้อจากภรรยานายจรูญ
ก่อนนำไปแปลงเป็น น.ส.3 ก.เลขที่ 3302 ได้เนื้อที่ 16-3-97 เมื่อวันที่ 17
พฤษภาคม 2544 โดยในส.ค.1 เลขที่ 95 ระบุว่า ทิศใต้จรดสวนนายข้อง
ที่ต่อมายกให้นายประธูป ภู่ไพบูลย์
โดยในคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน ที่จัดทำเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม
2543 ก็ระบุตรงว่าทิศใต้จรดที่ดินนายประธูป ซึ่งหากดูเผินๆ การออกน.ส.3
ก.เลขที่ 3302 ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยนายแทน เคยให้สัมภาษณ์ว่า
การนำที่บนเขาไปออกโฉนด แล้วได้ที่เพิ่มจาก 7 ไร่เป็น
แต่เมื่อไปดูเอกสารประกอบการออกโฉนดเลขที่ 28109 ที่นาย
3302 ไปประกอบกับ น.ส.3 ก.เลขที่ 3301 และ 3285 ที่อยู่ข้างบน (หมายถึง นส.3
ก.เลขที่ 3302 จะอยู่ล่างสุด และต้องมีทิศใต้จดสวนนายประธูปเช่นเดิม)
และทำการรังวัดที่ดิน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2548 เวลา 10.00 น.กลับระบุว่า
ทิศใต้จรดที่ดินนาย
หรือกระทั่งนายสามารถ อดีตหุ้นส่วนหจก.เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น
ผู้กว้านซื้อที่ก่อนนำมาขายให้นายแทนและบริษัทชนาพันธุ์ฯ
ก็เคยให้สัมภาษณ์สอดรับกันว่า ที่ดินดังกล่าวยังเป็นของนายประธูป
ไม่ได้ขายให้ใคร แสดงให้เห็นว่า เมื่อนำส.ค.1 เลขที่ 95 ไปออกโฉนดแล้ว
ตำแหน่งที่ดินกลับเปลี่ยนไป
(2) ก่อนหน้านี้ นายจำลองและนายนิพนธ์เคยอ้างว่า ที่ดินนายนิพนธ์ตามโฉนดเลขที่
35410 (ที่ออกมาจากน.ส.3ก.เลขที่ 1908) ออกมาจาก ส.ค.1 เลขที่ 95
เช่นเดียวกับโฉนดที่ดินของนายแทน แต่ในเอกสารที่นายจำลอง นำมามอบให้กมธ.ฯ
ซึ่งมีเอกสารที่เกี่ยวกับโฉนดที่ดินของบริษัทชนาพันธุ์ฯรวมอยู่ด้วย ถึง 29 หน้า
กลับไม่ปรากฏเอกสารแม้แต่ชิ้นเดียวยืนยันว่า โฉนดของบริษัทชนาพันธุ์ฯออกจาก
ส.ค.1 เลขที่ 95 กระทั่งสำเนาใน ส.ค.1 เลขที่ 95
ที่มาเสียบไว้ในเอกสารชี้แจงส่วนของที่ดินบริษัทชนาพันธุ์ฯ ก็ยังมีการขีดคร่อม
พร้อมข้อความระบุว่า "นำไปออกน.ส.3 ก.เลขที่ 3302
(ที่ดินของนายแทนที่เหนือที่ตั้งที่ดินของบริษัทชนาพันธุ์ฯกว่า
ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2544"
ส่วนที่ดินของบริษัทชนาพันธุ์ฯในเอกสารสารบัญจดทะเบียนที่แนบมาให้ กมธ.ฯ
ระบุว่าแบ่งมาจากที่ดินของหจก.เรืองปัญญาฯ ในน.ส.3 ก.เลขที่ 1894 เมื่อวันที่ 9
สิงหาคม 2544 เป็นน.ส.3 ก.เลขที่ 1908 ได้เนื้อที่ 7-1-08 ไร่โดยน.ส.3 ก.เลขที่
1894 ออกมาจากส.ค.1 เลขที่ 496 ที่ หจก.เรืองปัญญาฯซื้อจากทายาทนาย
ซึ่งเดิมมีเนื้อที่
กลับได้เนื้อที่ 83-1-
(ที่นายประธูป และนาง
าเป็นที่ตั้งของที่ดินนายจรูญ ตามส.ค.1 เลขที่ 95 กระทั่งตอนที่
หจก.เรืองปัญญาฯนำ น.ส.3 ก.เลขที่ 1908 ไปออกโฉนดเลขที่ 35410 นายประธูป
ยังเซ็นรับรองแนวเขตข้างเคียง เพราะเข้าใจผิด คิดว่าเป็นที่ดินนายจรูญ)
นอกจากนี้ เมื่อดูวันที่นำ ส.ค.1 ไปแปลงเป็นน.ส.3
ก.ของที่ดินนายแทนและบริษัทชนาพันธุ์ ที่นายจำลอง นายนิพนธ์
รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุด น.ส.ลินดาวรรณ เชื่อว่าออกมาจากส.ค.1
ฉบับเดียวกัน คือส.ค.1 เลขที่ 95 กลับพบว่ามีระยะเวลาที่แตกต่างกันถึง 3 เดือน
โดยที่ดินนายแทนนำส.ค.1ไปแปลงเป็นน.ส.3 ก.เลขที่ 3302 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม
2544 ส่วนที่ดินบริษัทชนาพันธุ์เป็นการนำส.ค.1 ไปออกน.ส.3 ก.แปลงใหญ่เลขที่
1894 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2544 ก่อนที่จะแบ่งน.ส.3 ก.เลขที่ 1908
ออกมาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2544
สารเลว ชาติชั่ว นี่แหละสันดานมันฟ้อง แล้วจะมาดูแลปกครองประเทศ ถุย !!
ตอบลบ