แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เหมือง ทองคำซุกตัวแบบเงียบๆ...โผล่ตัวออกมา..ตกตะลึง..อลังการ!!!

red river rock

สุดยอดนักต่อสู้



เหมืองทองคำซุกตัวแบบเงียบๆ...โผล่ตัวออกมา..ตก ตะลึง..อลังการ!!!

เหมืองแร่ทองคำชาตรี (chatree) ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร คาบเกี่ยวไปถึงอ.วังโปร่ง จ.เพชรบูรณ์และหลายตำบลในอ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก โดยอยู่ในการบริหารของบริษัท อัครา ไมนิ่ง จำกัดเป็นนอมินีของ Kingsgate Consolidate Limited แห่งประเทศออสเตรเลีย ผู้ชำนาญการทำเหมืองทองในประเทศออสเตรเลีย ได้เข้ามาดำเนินการ เจาะ ขุดและตักหน้าดินเพื่อหาแหล่งแร่ทองคำมาเป็นเวลา 3-4 ปีแล้ว ราคาทองคำในขณะระหว่างเริ่มทำงานนั้น ราคาอยู่ที่ 430 USD/OZ ปัจจุบันนี้ราคาทองคำกระโดดขึ้นไปอยู่ที่ 1230 USD/OZ อยากรู้จังเลย Kingsgate จะรวยขึ้นหรือบริษัทฯที่มาร่วมทุนด้วยจะต้องรวยกันขนาดไหน ติดตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

คุณโสธิดา นุราช สำนักข่าวประชาธรรมจังหวัดพิจิตร มีความแครงใจในเรื่องการถือหุ้นส่วนของบริษัทต่างด้าว(ออสเตรเลีย) ได้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นครั้งใหญ่ จากบริษัท แพร่ลิกไนต์ จำกัด เป็น บริษัท เอ็มไพร์ เอเชีย จำกัด และมีการจดทะเบียนเพิ่มทุนจาก 246,000,000 บาท เป็น 510,000,000 บาท คือเพิ่มทุน 265,000,000 บาท จำนวน 26,500,000 หุ้น ซึ่งล้วนเป็น หุ้นบุริมสิทธิทั้งสิ้น จึงมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างไทยและออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเป็น 52:48

และ อีกครั้งเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2550 ได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นเป็น บริษัท สินภูมิ จำกัด พร้อมทั้งเพิ่มทุนอีก 2,000,000 บาทล้วนแล้วแต่เป็นบุริมสิทธิอีกเช่นเดิม

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stocks) คล้ายกับหุ้นสามัญ เพียงแต่ว่าผู้ถือหุ้นไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหาร แต่มีสิทธิประโยชน์ด้านเงินปันผลมากกว่าหุ้นสามัญ คือเมื่อบริษัทจะจ่ายปันผล ต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิก่อน แล้วจึงจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นสามัญทำไมอำนาจบริหารจึงตกแก่ต่างชาติทั้งหมด แล้วคนไทยไม่มีสิทธิมีเสียงหรืออย่างไร?

ในจำนวนหุ้นบุริมสิทธิทั้ง หมดของบริษัท สินภูมิ จำกัด มีการชำระเพียง 2.50 บาทต่อหุ้น (หุ้นละ 10 บาท) คิดเป็นจำนวนเงิน 66,750,000 บาท จาก 267,000,000 บาท หรือเพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนหุ้นสามัญของผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย 5 หุ้น ผู้ถือหุ้นสัญชาติออสเตรเลีย 1 หุ้น และบริษัท คิงเกตอีก 24,499,994 หุ้นนั้น ได้ชำระหุ้นเต็มจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

แต่ยังแคลงใจ กับข้อเท็จจริง ในการประชุมสามัญประจำปีของบริษัท อัครา ไมนิ่ง วันที่ 27 ตุลาคม 2551 ที่ระบุว่า ทุนจดทะเบียนของอัครา ไมนิ่ง ได้เรียกชำระครบถ้วนแล้วเต็มจำนวน 512,000,000, บาท

แล้วส่วนต่าง ของหุ้นบุริมสิทธิที่สินภูมิถือ อีก 75 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ได้ชำระกว่า 200,250,000 บาท ใคร? เป็นผู้ชำระให้ สินภูมิและถ้าใช่ คิงเกตอะไรจะเกิดชึ้น!

สัดส่วนการถือหุ้นกับการถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่งของทุนเป็นคนละเรื่องกัน !

นายเลิศ ศักดิ์ คำคงศักดิ์ ได้แสดงความเห็นว่าจากหลักฐานในส่วนนี้จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนระหว่างสัดส่วนการถือหุ้นกับ การถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่งของทุนดังนี้

1) ถ้าหากดูเฉพาะในส่วนของ สัดส่วนการถือหุ้นก็จะเห็นได้ว่าบริษัทอัคราฯ ไม่มีสถานะเป็นบริษัทต่างด้าวเนื่องจากบริษัทสินภูมิฯ และบุคคลสัญชาติไทยได้ถือหุ้นรวมกันเป็นจำนวน 26,700,005 หุ้น มากกว่าหุ้นของ Kingsgate และบุคคลสัญชาติออสเตรเลียที่ถือหุ้นรวมกัน 24,409,995 หรือในสัดส่วนร้อยละ 52 : 48

2) แต่พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ให้ความสำคัญในเรื่องของ การถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่งของทุนมากกว่าสัดส่วนการถือหุ้นนั่นก็คือถึงแม้ฝ่ายไทยจะถือครองจำนวนหุ้นมากกว่าฝ่ายออสเตรเลียแต่เงินที่ ชำระหุ้นแล้วกลับน้อยกว่าฝ่ายออสเตรเลีย จะถือว่าเป็นการถือหุ้นที่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของทุน

ถึงแม้ฝ่าย ออสเตรเลียจะถือครองจำนวนหุ้นน้อยกว่าฝ่ายไทยแต่เป็นการถือหุ้นเกินกว่ากึ่ง หนึ่งของทุน คิดเป็นสัดส่วนการถือครองทุนในหุ้นระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายออสเตรเลียร้อยละ 12 : 88

หากเป็นดังที่สมมุติจริงนั่นก็หมายความว่าบริษัทอัคราฯ มีสถานะเป็นบริษัทต่างด้าวตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เนื่องจากว่ามี Kingsgate บริษัทต่างด้าวจากออสเตรเลียเป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่งของทุนของ บริษัทอัคราฯ

การถือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทสัญชาติไทยในอีกหลาย ๆ แห่ง ถึงแม้จะเป็นสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็บ่งชี้ถึงเจตนาบางอย่างในกระบวนการถือหุ้นที่มีลักษณะสมยอมและยินยอม นักลงทุนรายใหญ่จากต่างชาติ โดยสมยอมและยินยอมให้ผู้ถือหุ้นจากต่างชาติเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงในการ ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนและกุมอำนาจในการเป็นเจ้าของและบริหารงานบริ ษัทอัคราฯ โดยตัวเองเลือกที่จะปิดปากงดการมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ขอเพียงแค่ เศษเนื้อข้างเขียงก็ภูมิใจแล้ว

*ข้อมูลการถือหุ้น จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ย้อนอดีตเรื่องความเป็นมา ที่ได้เข้ามาเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้ คณะรัฐบาลของประเทศไทยชุดที่ 42 ช่วงปี 2523-2526 โดยมีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี มีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้หิ้วกระเตงเอาคุณกร ทัพพะรังสีมาเป็นที่ปรึกษา รมต.ด้วย (เป็นผู้ช่วยทูตการค้าอยู่ในสถานทูตแคนาดาถึง 6 ปี)ประมาณปี 2524 คาบเกี่ยวปี 2525 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรม กรมทรัพยากรธรณี(2527 เปลี่ยนเป็นกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หรือ กพร.) ไปจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจทรัพยากรธรณีฟิสิกส์ทางอากาศและภาพ ถ่ายทางอากาศ (survey of geophysics and Airbonne Geophysical)(ข้อที่ 4.ที่มา)

เครื่องมือที่สำคัญจะต้องมี ในการสำรวจธรณีฟิสิคส์ด้วยวิธีวัดความเร็วคลื่นสั่นสะเทือนชนิดคลื่นสะท้อน ...จากเครื่องดอปเปอร์(doppler=คือการที่ความถี่คลื่นเกิดการเปลี่ยนแปลงสูง ขึ้นเมื่อแหล่งกำเนิดคลื่นและผู้รับมีการเคลื่อนที่สัมพันธ์เข้าหากัน ) และระบบระบบ NAVSAT ใช้ลักษณะการเปลี่ยนแปลงความถี่ (DOPPLER SHIFT) ของสัญญาณที่ส่งออกมาจากดาวเทียมในการคำนวณหาตำบลที่ โดยการเปลี่ยนแปลงความถี่ของสัญญาณขณะที่ดาวเทียมเคลื่อนที่ผ่านตำบลที่ของ เครื่องรับบนพื้นโลกแบ่งออกได้เป็น ๓ ช่วง ช่วงแรกคือช่วงที่ดาวเทียมกำลังเคลื่อนที่เข้าหาเครื่องรับ ความถี่ของสัญญาณที่รับได้จะมีค่าสูงและค่อยๆ ลดลงเมื่อดาวเทียมเคลื่อนที่เข้าใกล้เครื่องรับเนื่องจากความเร็วสัมพันธ์ใน การเคลื่อนที่เข้าหาลดลง ช่วงที่สองคือช่วงที่ดาวเทียมผ่านเหนือเครื่องรับ ความถี่ของสัญญาณที่รับได้จะมีค่าเท่ากับความถี่ที่ส่งออกมาจริง และช่วงที่สามคือช่วงที่ดาวเทียมเคลื่อนที่ออกจากเครื่องรับ ความถี่ของสัญญาณที่รับได้จะมีค่าลดลงไปตามระยะห่างจากเครื่องรับ

ระบบ NAVSAT เริ่มใช้ในปี ค.ศ.๑๙๖๔ (พ.ศ.๒๕๐๗) ส่วนประกอบหลักของระบบประกอบด้วยดาวเทียม ๑๓ ดวง (สำรอง ๓ ดวง) โคจรรอบโลกที่ความสูง ๖๐๐ ไมล์ ด้วยความเร็วประมาณ ๕ ไมล์ต่อวินาที (ดาวเทียมแต่ละดวงโคจรรอบโลกทุก ๑๐๗ นาที) สถานีภาคพื้นทำหน้าที่ติดตามดาวเทียมในวงโคจรและส่งค่าแก้ต่างๆ ให้กับดาวเทียม และเครื่องรับสัญญาณและคำนวณตำบลที่บนเรือ โดยดาวเทียมในระบบจะส่งสัญญาณที่ความถี่ ๑๕๐ และ ๔๐๐ เมกะเฮิรตซ์ การเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงความถี่จากดาวเทียมสองดวงจะให้เส้นตำบลที่ ๑ เส้น ส่วนตำบลที่แน่นอน (FIX) จะได้จากการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงความถี่จากดาวเทียมอย่างน้อย ๓ ดวง (ปกติจะใช้ดาวเทียม ๔ ๗ ดวงเพื่อเพิ่มความถูกต้อง) โดยวงโคจรของดาวเทียมแต่ละดวงจะ ครอบคลุมทุกจุดบนพื้นโลกอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง และการหาตำบลที่แน่นอนด้วยดาวเทียม ๔ ดวงจะทำได้ทุก ๓๕ ๙๕ นาที

จะ เห็นในรูปภาพ จาก 4.ที่มา....ลักษณะจะคล้ายทุ่นทิ้งระเบิด ถึงมีเงื่อนไขให้ผู้สำรวจในขณะนั้น ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินบินห่างรัศมีชายแดน 15 กม.แต่ละประเทศที่ติดต่อประเทศไทย เพราะสมัยนั้นอาจมีการเข้าใจผิด(รูปทรงเครื่องมือถูกหย่อนอยู่ด้านล่างของ เฮลิคอปเตอร์คล้ายทุ่นระเบิด) เพื่อนบ้านอาจเข้าใจว่าจะไปทิ้งระเบิดในประเทศของเขาและเป็นเรื่องของความ มั่นคงด้วย การบินสำรวจแต่ละพื้นที่ต้องใช้เส้นทางการบินทั้งเส้นรุ้งและเส้นแวงบินสลับ กันไป แต่ละครั้งในการขึ้นบินสำรวจต้องมีเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรธรณีขึ้นไปด้วย 2 คน เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจครั้งนี้ ต้องส่งรูปถ่าย passportและส่งประวัติให้กับกอ.รมน.ตรวจสอบด้วย ก่อนเริ่มปฏิบัติงาน ส่วนฟิล์มจากภาพถ่ายหรือรายละเอียดในการสำรวจแร่ธาตุทุกชนิดที่ดำเนินการ เสร็จเรียบร้อย ต้องส่งมอบฟิล์มเนกาตีฟ(negative)ให้กับเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีทุกครั้ง

เพื่อ เก็บไว้เป็นหลักฐานและเป็นความลับสูงสุดของประเทศ ฟิล์มเนกาตีฟของแหล่งแร่ทุกชนิดจึงอยู่ในเซฟที่ปลอดภัยของกรมทรัพยากรธรณี เพื่อใช้ในการประกอบสัมปทานบัตร ในการคิดถึงค่าเป็นไปได้ กรณีที่บริษัทเอกชนมาขอสัมปทานบัตรในการเจาะ ขุดแร่ต่างๆในประเทศไทย เรียกว่าทางกรมทรัพย์ฯมีข้อมูลอยู่แล้ว ในเรื่องของปริมาณแหล่งแร่ธาตุในแต่ละบริเวณ เอกชนที่ต้องการสัมปทานบัตรนั้นจะไปอำพรางไม่ได้ นอกจากจะลงทุนเพิ่มในส่วนที่เจาะลึกเข้าไปถึงกึ๋น คือจ้างบริษัทที่เชี่ยวชาญเหล่านี้มาสำรวจชี้ชัดไปเลยว่า ตรงไหนมีแร่ธาตุมากที่สุด พอจะเป็นจุดคุ้มกับการลงทุนมั๊ย....

บริษัท ยักษ์ใหญ่ของโลกที่เชี่ยวชาญและชำนาญในลักษณะงานนี้ มีอยู่ประมาณ 3 บริษัทคือ 1. Kenting ของแคนาดา(พอเข้าใจกันรึยัง ทำไมบริษัทนี้ถึงได้งานนี้)กำลังปฏิบัติงานให้กับประเทศจีนอยู่หลายมณฑล รวมไปถึงประเทศธิเบต(ตรงกับช่วงนายปิแอร์ อิลเลียต ทรูโด นายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของแคนาดา)2.Hunting ของอังกฤษ เป็นชาติแรกเข้ามาในประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ประมาณปี 2485 ถ่ายภาพจากเครื่องบินเพื่อทำแผนที่ประเทศไทย สำรวจและชี้จุดในการเจาะน้ำมันที่จ.สุพรรณบุรีให้ บ.เอสโซ่ จำกัดและกำลังสำรวจน้ำมันใต้น้ำในแม่น้ำสาละวิน ประเทศพม่า 3.จำชื่อบริษัทไม่ได้เป็นอักษรย่อ ของเยอรมัน ผลบริษัทที่ได้รับเลือกในการจ้างสำรวจคือ Kentingจากแคนาดาและได้ joint ventureกับคนไทยเจ้าของบางกอกแอร์เวย์ในปัจจุบันนี้ ด้วยวงเงิน 450 กว่าล้านบาทในสมัยนั้น งานสำรวจมาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ประมาณปี 2530

มี เกล็ดที่ต้องระวังในเรื่องการเข้ามาลงทุนในประเทศนี้ ต้องพึงสังวรและต้องระวังอย่างที่สุด ผู้จัดการเหมืองแร่ทองคำใน จ.พิจิตร เคยโอดครวญ ถึงผู้มีอิทธิพลในท้องที่ ได้กว้านซื้อที่ดินนอกเขตสัมปทาน และให้ชาวบ้านกดดันขับไล่ อ้าง ใช้เครื่องจักรเสียงดัง ขณะภาครัฐไม่ยอมใช้กฎหมายจัดการ ผู้จัดการฝ่ายผลิตเหมืองแร่ทองคำชาตรี หรือเหมืองแร่ทองคำอัคราไมนิ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สัมปทาน ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และมีพื้นที่สัมปทานคาบเกี่ยวพิจิตร, เพชรบูรณ, พิษณุโลก เปิดเผยว่าขณะนี้เหมืองแร่ทองคำอัคราไมนิ่ง ที่ลงทุนไปแล้วหลายพันล้าน ว่าจ้างคนงานนับพันคนกำลังถูกรุกรานจากผู้มีอิทธิพลในท้องที่ ที่ไปกว้านซื้อที่ดินนอกเขตสัมปทานและอยู่รอบๆ เหมือง ใช้วิธีสกปรกจ้างชาวบ้านมากดดันเหมืองแร่ทองคำอัคราไมนิ่ง อ้างเหตุสิ่งแวดล้อมและมีเสียงดัง มีมลภาวะ ขณะทำงานโดยขับไล่ ให้เหมืองออกไป และเรื่องการซื้อที่ดินจากชาวบ้าน ก็ถูกโกร่งราคาจนไม่สามารถทำตามความต้องการได้ เท่าที่ผ่านมา เหมืองก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ หรือ มีกำไร จึงยังไม่ขอซื้อที่ดินเหล่านั้น ชาวบ้านที่ถูกรับจ้างมาให้มาประท้วงปิดถนนทางเข้า-ออก ทำให้บริษัทไม่สามารถทำงานได้และทางราชการก็ไม่ใช้กฎหมายบังคับกับคนเหล่า นั้น ทั้งที่รู้ว่ามารังแกผู้ลงทุน โดยอ้างสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเช่นนี้ นักลงทุนชาวต่างชาติคงเข็ดหลาบกับการลงทุนในประเทศไทย....ใครจะมาโกหก ใครจะมาพูดเท็จและผู้ใด...จะรวยจริงหรือไม่...ยังหาข้อยุติไม่ได้

ราย ละเอียดประกอบตามนี้--

1.ที่มาhttp://www.newswit.net /read/657393.html
และ
2.ที่มาhttp://www.prachatham.com /detail.htm?code=n6_11012010_01
และ
3.ที่ มาhttp://www.prachatham.com/detail.htm?code=n6_11012010_02
และ
4.ที่ มาhttp://58.137.128.181/ewtadmin/ewt/dmr_web/main.php?filename=survey8
และ
ที่ มาhttp://www.industial.cmru.ac.th/Civil/wechsawan/materials /ch02/ch02-02.htm
และ
ที่มาhttp://www.kingsgate.com.au/operations /maps.htm
และ
ที่มาhttp://www.kingsgate.com.au/news- desk/default.htm
และ
ที่มาhttp://www.youtube.com /watch?v=i_nWO8kqZ7w&feature=related

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน