รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน
แดงเชียงใหม่
กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม
เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน
"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
พล.ร.7 กองพลพิชิตแดง
ที่มา บางกอกทูเดย์
ภารกิจ เช็คบิลคนเสื้อแดงของ ศอฉ.ยังไม่จบแค่บนแยกราชประสงค์ ณ ปัจจุบันท่ามกลางพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภารกิจนี้ยังคงดำเนินต่อไป จากเหตุที่ศอฉ.เชื่อว่ายังคงมีการเคลื่อนไหวใต้ดินในบางพื้นที่ จนเป็นเหตุให้ศอฉ.ยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิกไว้ แม้จะค้านสายตาจากหลายฝ่าย
นอก จากการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ต่อไปในอีก 16 จังหวัดแล้วในการประชุมศอฉ.เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมซึ่งมี “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งหัวโต๊ะ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเยือนประเทศจีน ได้เคาะโปรเจ็กต์ตั้งค่ายทหารเพิ่มเติมในพื้นที่ภาคเหนือ
โปรเจ็กต์นี้ว่ากันว่า “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นเจ้าภาพในการวางโปรเจ็กต์ทั้งหมด ก่อนชงเข้าที่ประชุมศอฉ.
โดย พล.อ.อนุพงษ์ ได้เสนอแนวความคิดที่จะขยายกำลังทหารในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ด้วยการจัดตั้ง กองพลทหารราบที่ 7 ขึ้น ใช้พื้นที่กรมรบพิเศษที่ 2 เดิม เป็นกองบัญชาการกองพล จะมีหน่วยขึ้นตรง 2 กรม คือ กรมทหารราบที่ 7 (จ.เชียงใหม่) และกรมทหารราบที่ 17 (จ.พะเยา)
มี การบรรจุอัตรากำลังพลที่เกลี่ยมาจากหน่วยต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสานจำนวนเกือบ 8,000 นาย ซึ่งจะมีการเสนอของบประมาณจำนวนเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ ครม.อนุมัติงบประมาณภายในเดือน ส.ค.นี้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสะดวกต่อการบรรจุตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ในการปรับย้ายนายทหารในครั้งนี้ด้วย
สำหรับ ในพื้นที่ภาคเหนือ มีเพียงกองพลทหารราบที่ 4 กองพลเดียว ดังนั้นกองพลทหารราบที่ 4 จำเป็นต้องตั้งกรมทหาราบที่ 14 (จ.ตาก) ขึ้นมาใหม่อีก 1 กรม เพื่อบรรจุให้ครบตามการบรรจุอัตรากำลังพล พร้อมกับกรมทหาราบที่ 4 (จ.นครสวรรค์) เดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งต่อไปนี้ในพื้นที่ภาคเหนือ จะมีหน่วยทหารเป็น 2 กองพล คือ กองพลทหารราบที่ 4 และกองพลทหารราบที่ 7 ขึ้นตรงกับกองทัพภาคที่ 3
ส่วน ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 (อีสาน) จะมีหน่วยทหารกำลังหลัก ประกอบด้วย กองพลทหารราบที่ 3 และกองพลทหารราบที่ 6 ส่วนของกองทัพภาคที่ 4 จะประกอบไปด้วย กองพลทหารราบที่ 5 และกองพลทหารราบที่ 15
หาก มีการจัดตั้งกรมทหารราบที่ 7 สำเร็จก็มีความแนวโน้มจะประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ภาคเหนือได้ในเร็วๆ นี้เช่นกัน จึงไม่แปลกที่ในช่วงนี้ นายกฯ มาร์ค จะออกมาแย้มถึงแนวทางยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่หลายวัน
ขณะเดียวกันโปรเจ็กต์นี้กำลังจะถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องจับตาดูเสียงตอบรับจากทุกฝ่ายว่าจะเห็นด้วยหรือไม่
โดยเฉพาะคณะกรรมการสารพัดคณะ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเพื่อร่ายมนต์ความปรองดองจะหนุนรัฐบาลและกองทัพหรือไม่
แสดงเมื่อ 7/26/2010 12:35:00 PM
http://downmerngc.blogspot.com/2010/07/7_26.html
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น