Thu, 2010-07-22 16:31
ตำรวจเชียงรายเรียกนักศึกษา ม.แม่ฟ้าหลวงอีก 2 คน รายงานตัวเพิ่ม เหตุชูป้ายค้านประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ แจงไม่ได้จับกุมหรือกระทำรุนแรง เผย 5 คนถูกแกนนำคนเสื้อแดงหลอกใช้ อ้างหลักฐานมีการสื่อสารกันผ่าน Facebook
วันที่ 21 ก.ค.53 ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย เรียกนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) 2 คน คือ นาย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา นักเรียนและนักศึกษา จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นาย
นายนิติเมธพนฎ์ หนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่มารายงานตัวเปิดเผยด้วยว่า หลังถูกออกหมายเรียกทุกคนไม่ได้ถูกข่มขู่คุกคาม ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติ ส่วนการอยู่ในสังคมทั้งการเรียนและทั่วไปไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีแต่คนคอยห่วงใยและไต่ถามด้วยความเป็นห่วง โดยส่วนใหญ่ห่วงในอนาคตหลังการเรียนของพวกตนว่าจะไม่สดใส เพราะเป็นคนต้องคดี ซึ่งตนอธิบายว่าสังคมน่าจะเข้าใจ เพราะเราไม่ได้ถูกดำเนินคดีอาญา แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
“ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นที่ต้องถูกดำเนินคดี เพราะพวกเราไม่ได้ทำความผิดทางอาญา แต่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูกันที่เจตนาว่าเราทำไปเพราะหวังจะให้เกิดความหวาดกลัว หรือไม่ เพราะในความเป็นจริงคือไม่ได้หวังเช่นนั้น” นายนิติเมธพนฎ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายนิติเมธพนฎ์ยอมรับว่า ก่อนจะถูกหมายเรียกดำเนินคดี มี 1 ใน 5 คน เคยถูกคนข่มขู่ด่าว่าและถูกตำรวจเข้าไปค้นบ้านรวมทั้งตรวจสอบเครื่อง คอมพิวเตอร์โดยไม่มีหมายค้นใดๆ แต่ไม่กล้าออกมาเปิดเผยตัว เพราะเกรงกลัวกระทั่งถูกดำเนินคดีด้วยกันทั้งหมดดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.
ส่วน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมือง การเมืองและสิทธิชุมชน แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า รัฐบาลคงต้องพิจารณาและไตร่ตรองการบังคับใช้กฎหมายที่ร้ายแรงฉบับนี้ โดยการนำกฎหมายดังกล่าวมาดำเนินการกับนักศึกษาทั้ง 5 คน ถือเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นใช้ยาแรงเกินไป เพราะนักศึกษาเพียงแสดงความเห็นทางการเมืองที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เท่านั้น ถ้าเห็นว่าผิด ควรเรียกนักศึกษาและผู้ปกครองมาทำความเข้าใจก็พอ
“กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างของปัญหาการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ และพลาดท่าไปละเมิดสิทธิของเยาวชนที่แสดงความเห็นอย่างบริสุทธิ์ และการที่รัฐบาลใช้ยาแรงอย่างนี้จะมีผลตามมา 2 อย่าง คือ ดื้อยา และเชื้อโรคปรับตัวต่อสู้กับรัฐบาล ซึ่งต้องยอมรับว่ายุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลขณะนี้ไม่ใช่การใช้ความ รุนแรง หรือทำให้เกิดสงคราม กลางเมือง แต่ต้องการดิสเครดิตในเรื่องสิทธิมนุษยชน รัฐบาลจึงควรทบทวนการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่เช่นนั้นรัฐจะสูญเสียความเชื่อมั่นในการรักษาความมั่นคง และมีผลกระทบต่อแผนการปรองดอง เพราะรัฐบาลอาจถูกมองว่ากำลังพยายามขจัดคนที่คิดเห็นตรงข้าม รวมทั้งจะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมด้วย” น.พ.นิรันดร์ กล่าว
น.พ.นิรันดร์ ระบุว่า ขณะนี้อนุกรรมการกำลังรวบรวมข้อมูลปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยลงพื้นที่ที่มีการควบคุมตัวผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น มหา สารคาม อุบลราชธานี อุดรธานี มุกดาหาร เชียงใหม่ เชียงราย ร้อยเอ็ด และชัยภูมิ เพื่อนำมาประมวลและสรุปเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อให้พิจารณาต่อไป
ที่มา: เรียบเรียงจากข่าวสดออนไลน์
https://www.suresome.com/proxy/nph-secure/00A/http/www.prachatai3.info/journal/2010/07/30407
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น