คอลัมน์ รายงานพิเศษ
สำนักงานกฎหมาย อัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ ซึ่งรับการว่าจ้างจากพ.ต.ท.
ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง นาย
นาย
รวมทั้ง นาย
(คอป.) นาย
และ นาย
เรียกร้องให้สอบสวนตาม หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยดำเนินการผ่านองค์กรอิสระ
เปิดหลักฐาน-พยาน ทุกด้านทันทีที่ร้องขอ และให้ความสะดวกในการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง
ขณะ ที่ นาย
?จ.ม.เปิดผนึกจี้รัฐบาลไทย
วัตถุประสงค์ของหนังสือ ฉบับนี้
เพื่อย้ำถึงสิทธิของลูกความในการได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็น ธรรมตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
และไม่จำกัดเพียงการตรวจสอบข้อเท็จ จริงที่เกี่ยวข้องทั้งปวง อย่างเต็มที่ เป็นธรรม และสมบูรณ์
ย่อมรวมถึง การตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างละเอียดถึงความเหมาะสม
และความสมควรแก่เหตุ ของการใช้กำลังของหน่วยงานของรัฐบาลไทยที่กระทำต่อการชุมนุม
สนธิ สัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางการเมืองและสิทธิของพลเรือน
(International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) ซึ่งประเทศไทยร่วมตกลง
มีข้อกำหนดให้หลักประกันแก่ลูกความของสำนักงาน ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการได้รับสิทธิต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม
และยัง รับรองสิทธิที่จะได้รับคำแนะนำ คำปรึกษาอย่างมีอิสระ
และรับรองสิทธิ ผ่านทางทนายความและผู้เชี่ยวชาญอิสระที่จะตรวจสอบ
ทดสอบพยานหลักฐานทั้ง ปวงที่ใช้อ้างในการกล่าวหาและดำเนินคดีลูกความของสำนักงาน
กรณีของ ลูกความบางราย สิทธิที่จะตรวจสอบพยานหลักฐานย่อมเกี่ยวพันไปถึงข้อเท็จจริง
ที่ เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคล จำนวน 90 ราย ที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม
ลูกความของสำนักงาน 13 ราย ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้เกี่ยวพัน หรือก่อให้เกิดการใช้กำลังและความรุนแรง
ข้อเท็จจริง ข้อมูล และพยานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
และโดยเหตุแวดล้อมกับการเสียชีวิตของ พลเรือน-ทหาร จึงเกี่ยวพันโดยตรงกับการตั้งข้อกล่าวหาของรัฐบาลไทย
และ พยานหลักฐานจะเป็นตัวพิสูจน์ว่า รัฐบาลไทยได้ปฏิบัติต่อประชาชนที่เข้าชุมนุมอย่างเหมาะสม
และโดยสมควรแก่ เหตุหรือไม่ และยังจะพิสูจน์ว่าการใช้กำลังโดยรัฐบาลไทยเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือ ไม่
เป็นชนวนก่อให้เกิดการใช้ความรุนแรงหรือไม่
ประเทศไทยมี ภาระหน้าที่ตามกฎหมายระหว่างประเทศตามหลักสนธิสัญญาแห่งกรุงเจนีวา ปี 1949
สนธิ สัญญาสหภาพยุโรปว่าด้วยการก่อการร้ายปี 1977
สนธิสัญญาว่าด้วยตัวประกัน สนธิสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการประทุษร้ายปี 1984
และสนธิสัญญาแห่งนคร นิวยอร์ก ว่าด้วยอาชญากรรมต่อบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ปี 1973
การดำเนินการของรัฐบาลไทยที่เป็นการละเมิดหลักประกันต่อ พลเรือนว่าจะไม่ถูกกระทำวิสามัญฆาตกรรม
และการกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ตาม อำเภอใจ อาจเป็นการกระทำที่เป็นอาชญากรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ
แม้จะ อ้างเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเหตุกรณีพิเศษ
เหตุ นี้ รัฐบาลไทยจึงมีภาระหน้าที่ตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ที่จะสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ ครบถ้วน
และเป็นธรรม และในสภาวการณ์เช่นนี้ รัฐบาลไทยต้องให้องค์กรที่เป็นอิสระและมีความเป็นกลางสอบสวนข้อเท็จจริง
หาก การสอบสวนมีการละเมิดสิทธิ์ที่ได้รับความคุ้มครองตามสนธิสัญญา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศ
รัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินคดีเพื่อทำให้เกิดความ ยุติธรรม การที่รัฐบาลล้มเหลวในการดำเนินการเช่นนี้
อาจถือเป็นการกระทำ ละเมิดต่อภาระหน้าที่ต่อสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
และตามที่คณะ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กำหนด อาจมีสถานการณ์
ที่หากรัฐไม่ ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามมาตรา 2 ของสนธิสัญญาจะนำไปสู่การกระทำที่ละเมิดสนธิสัญญาโดยรัฐ
ภายใต้หลัก การของกฎหมายระหว่างประเทศ ลูกความของสำนักงานและคณะทนายความที่สู้คดี จึงมีสิทธิร้องขอ ดังนี้
1. ให้ดำเนินการผ่านองค์กรที่มีความอิสระและเป็นกลาง สืบสวนสอบสวนถึงการใช้กำลังอาวุธโดยหน่วยงานของรัฐ
ที่กระทำต่อประชาชน ผู้ร่วมการชุมนุม อย่างเต็มที่ เป็นธรรมและโดยสมบูรณ์
2. เก็บรักษาพยานหลักฐาน ทั้งวัตถุพยาน พยานทางนิติเวช เอกสาร เทปบันทึกภาพและเสียง
ที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ
3. เปิดเผยรายละเอียดของพยานหลักฐานต่างๆ ต่อคณะทนายความของลูกความของสำนักงานโดยละเอียด
และในทันที รวมถึงแถลงการณ์จากตำรวจ และ/หรือทหาร เจ้าหน้าที่ของรัฐ
4. อนุญาตและเปิดโอกาสให้ลูกความของสำนักงาน โดยคณะทนายความในการตรวจสอบ
ก. วัตถุพยานต่างๆ และชันสูตรและวิเคราะห์หลักฐานในทางนิติเวชโดยอิสระ รวมถึงการชันสูตรศพ
การทดสอบการใช้ยุทธภัณฑ์ทหาร การวิเคราะห์วิถีกระสุน
ข. พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสอบปากคำ การไต่สวน คำให้การ รายงานการชันสูตร
และรายงานวิถี กระสุน รายงานของผู้เชี่ยวชาญ
ค. พยานผู้เชี่ยวชาญและพยานอื่นๆ ที่ใช้เป็นหลักฐานในการตั้งข้อกล่าวหา
ง. รายงานผู้เชี่ยวชาญทางทหาร ข้อมูลข่าวกรอง และรายงานการสอบสวนอื่นๆ
ที่ หน่วยงานรัฐจัดเตรียมเพื่อใช้กับการชุมนุมของคนเสื้อแดง
5. อนุญาตให้คณะทนายความ เข้าร่วมในการสัมภาษณ์การสอบปากคำพยาน
การสอบสวน บุคคลโดยหน่วยงานของรัฐบาลไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศอฉ. คณะกรรมการฯ
หรือ คณะทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนใดๆ ของทางการ
6.เปิดโอกาสให้คณะทนาย ความ เข้าถึงเพื่อการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของหน่วยงานราชการ
หรือทหาร เกี่ยวกับยุทธวิธีในการจัดการกับการชุมนุม (ที่เรียกกันว่าเป็น "แผนการหลัก")
เอกสารเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ทางการทหารในการสลายการ ชุมนุม
คำสั่งปฏิบัติการของหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพ
ข้อมูลที่ เกี่ยวกับคำสั่งทั้งด้วยวาจาและที่เป็นลายลักษณ์อักษรของกองทัพเกี่ยวกับการ สลายการชุมนุม
รวมทั้งบรรยายสรุปและการรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์
7.ให้ ทนายความมีโอกาสเข้าถึงวัตถุพยานและรายงานทางนิติเวช
ทั้งข้อมูลทางการ แพทย์ของการบาดเจ็บ เสียชีวิตของทหาร พลเรือน
การศึกษาและทดสอบวิถี กระสุน บันทึกภาพและเสียงที่เกี่ยวกับการชุมนุม
การสลายการชุมนุม รายงานการชันสูตรศพ แถลงการณ์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ศอฉ. คอป.
หรือคณะ กรรมการชุดอื่นๆ ที่ตั้งโดยรัฐ
8.ให้ความสะดวกแก่ทนายความในการ สัมภาษณ์ ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการของกองทัพ
ผู้นำทางการเมืองที่มี อำนาจสั่งการกองทัพ พยานผู้เชี่ยวชาญที่หน่วยงานของรัฐบาลไทยเชื่อถือ
สำนัก งานหวังว่ารัฐบาลไทยจะปฏิบัติหน้าที่ตามภาระหน้าที่ที่มีและผูกพันไว้ภายใต้ กฎหมายระหว่างประเทศ
และจะรอฟังคำตอบภายใน 10 วันข้างหน้า
?สภา ทนายความแถลงโต้
สืบเนื่องจากกรณีนาย
ขอ ให้หน่วยงาน เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบที่บานปลายจน เป็นการก่อการร้ายในประเทศไทย ให้ส่งมอบข้อมูลเอกสารรวมทั้งให้ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จ จริงที่เป็นกลาง
และมีกรณีอื่นอีกรวม 8 เรื่องด้วยกันนั้น
สภา ทนายความเห็นว่าการกระทำของนายโรเบิร์ต เกินกว่าหน้าที่ของทนายความที่ถือปฏิบัติกันโดยทั่วไปทั้งในระดับสากล และโดยเฉพาะในประเทศไทย จึงขอแถลงการณ์ให้ประชาชนและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความ เหมาะสม อันเป็นการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายส่วนหนึ่งของสภาทนายความต่อสาธารณชน ดังนี้
1. นาย
หาก นาย
เพื่อต่อสู้คดีในศาลของประเทศ ไทย นาย
ซึ่ง เทียบได้กับมาตรฐานสากล
โดยเฉพาะการสืบสวนสอบสวน การตั้งข้อกล่าวหากับลูกความของนาย
นาย
หรือให้ปฏิบัติเป็น กรณีพิเศษกับลูกความของตนแต่อย่างใด
เพราะการดำเนินคดีข้อหา หรือฐานความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร
และความผิดเกี่ยว กับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย
ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของ ไทยได้ดำเนินการไปตามหลักการและวิธีการโดยชอบด้วยกฎหมาย
และกติกา ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางแพ่ง (พลเมือง) และทางการเมือง
หน่วย งานของรัฐบาลโดยเฉพาะในกระบวนการยุติธรรมไม่จำเป็นต้องปฏิบัติการอย่างใด
ตาม หนังสือเรียกร้องของนาย
ในทางตรงกันข้าม ควรเชิญชวนให้นาย
เพื่อจะ ได้ทราบว่ากฎหมายไม่ได้แตกต่างไปจากมาตรฐานสากลและในประเทศสหรัฐอเมริกา
2. กระทรวงการต่างประเทศไม่ควรนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ควรดำเนินการ และจับตาดูกระบวนการนำเสนอข่าวสาร
ซึ่งมุ่งโจมตีการดำเนินงานของกระบวน การยุติธรรมเกี่ยวกับการก่อการร้าย การคอร์รัปชั่นในประเทศไทย
ซึ่งเป็น อำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์
ควรมีการตรวจสอบเว็บไซต์ของนาย
ซึ่ง เป็นการสนับสนุนการก่อการร้าย กระบวนการยุติธรรมไทยต้องดำเนินการทางคดีกับนาย
3. กรมสอบสวนคดีพิเศษต้องเร่งรัดและดำเนินคดีกับผู้ก่อการร้ายโดยเร็ว
และ ต้องมีความระมัดระวังในการให้ข่าวตอบโต้นาย
ที่จะต้องออก มาโพนทะนาว่าลูกความไม่ได้รับความเป็นธรรม
ในทางตรงกันข้าม คดีผู้ก่อการร้าย ในประเทศสหรัฐอเมริกามีวิธีการสืบสวนสอบสวนไม่ได้แตกต่างไปจากวิธีการ
ใน ประเทศไทย หรือแม้แต่คดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้กำลังเข้าจับกุมผู้ก่อการร้ายข้าม ชาติมาขังไว้ที่
เรือนจำกวนตานาโมเบย์ อันเป็นการควบคุมที่ไม่ชอบด้วยกระบวนการยุติธรรม
จนสมาคมทนายความแห่ง ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องแถลงการณ์คัดค้านให้รัฐบาลสหรัฐดำเนินการทางคดีกับ
เจ้า หน้าที่รัฐบาล เพื่อมิให้มีการจับคนมาขังคุกฟรีๆ
4. กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้หลบหนีคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วของศาลยุติธรรมไทย
และ เป็นผู้อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังของการชุมนุม ซึ่งมีกลุ่มบุคคลดำเนินการยุยงส่งเสริมให้ประชาชนก่อความไม่สงบขึ้น โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีการสะสมอาวุธและใช้อาวุธก่อการร้าย ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ดังนั้น การดำเนินงานตามข้อเรียกร้องของนาย
คณะทนายความไทยที่นาย
และโดย เฉพาะการทำหน้าที่ทนายความของไทยนั้นจะต้องอยู่ภายใต้กฎกติกา มรรยาท ที่ถูกต้อง
ซึ่งสภาทนายความสนับสนุนให้ท่านใช้วิจารณญาณและปฏิบัติ หน้าที่อย่างเต็มกำลังเพื่อลูกความของท่าน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEF6TURjMU13PT0=§ionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB3TXc9PQ==
| |
| |
ไม่เห็นด้วย การกระทำ ของ นายทักษิณ ชินวัตร
ตอบลบ