Sun, 2010-07-04 18:39
วสันต์ สายรัศมี หรือ เก่ง อายุ 27 ปี เป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ชีพวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน เขาภาคภูมิใจในงานตระเวนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ที่ทำมานานหลายปี กระทั่งเกิดความขัดแย้งทางการเมือง เขายังคงทำหน้าที่ของเขา โดยยืนยันว่าไม่ได้สนใจกับเรื่องการเมืองมากนัก ไม่ดูหน้าว่าใครเป็นใคร ไม่สนว่าใครอยู่ฝักฝ่ายไหน
สำหรับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง เขาก็ช่วยเหลือตั้งแต่เมษายน 2552 กระทั่งเหตุการณ์เมษายนวิปโยค 2553 จนมาถึงเหตุการณ์นองเลือดในเดือนถัดมา
เก่งเป็นอาสาสมัครหนวยกู้ชีำำพที่อยู่ในเหตุการณ์ “กระชับพื้นที่” ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาเข้าไปหลบอยู่ในวัดปทุมวนารามกับผู้ชุมนุมหลายพันคน หลังจากแกนนำประกาศยอมมอบตัวในช่วงบ่ายแก่ของวันที่ 19 พ.ค.53 ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ทยอยไปพักอยู่ด้านในของวัด เต๊นท์พยาบาลยังตั้งอยู่ด้านหน้าวัด อาสาสมัครยังปักหลักอยู่ตรงนั้นเพื่อดูแลผู้คนที่ทยอยเข้ามา แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อกระสุนปืนสาดเข้ามายังผู้ชุมนุมด้าน หน้าประตูวัดที่มีป้าย “เขตอภัยทาน” ขนาดใหญ่ และยังสาดเลยมาถึงเต๊นท์พยาบาลของพวกเขาด้วย
เก่งเป็นผู้ที่เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือคนบาดเจ็บ ณ จุดปะทะสำคัญหลายแห่ง ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 19 พ.ค. แม้แต่คนที่ตายไปแล้วเขาก็ยังพยายามเข้าไปลากเอาศพออกมาด้วยเกรงว่าศพจะสูญ หายเหมือนการกวาดล้างทางการเมืองหลายๆ ครั้ง หลายคนที่ทำอย่างเขาถูกยิงเสียชีวิตไปด้วย แต่เขารอดมาได้ ช่วงเย็นของวันที่ 19 พ.ค.ในวัดปทุมฯ เก่งยังคงทำเช่นเดิม หลายคนที่ทำอย่างเขาถูกยิงเสียชีวิต แต่เขาก็รอดมาได้
วันรุ่งขึ้น เขายังคงอยู่เฝ้าศพในวัดปทุมฯ กระทั่ง หมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เข้ามาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ และมีการลำเลียงศพไปผ่าพิสูจน์ยังโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน โรงพยาบาลซึ่งพวกเขาได้แต่มอง และไม่สามารถเอาคนเจ็บฝ่าดงกระสุนข้ามไปส่งได้เลยในคืนวันที่ 19 พ.ค.
เขาอยู่ตรงนั้นตลอด และตามไปเฝ้าศพเพื่อนอีกที่โรงพยาบาลตำรวจรอจนญาติมารับ ทั้งยังไม่รีรอที่จะพูดในสิ่งที่เห็นกับนักข่าวที่เข้าไปสอบถามเหตุการณ์ ขณะที่อีกหลายคนที่ร่วมเหตุการณ์เลือกที่จะเงียบเพราะวิตกกังวลเกี่ยวกับ อันตรายที่อาจมาถึงตัว
เขายืนยันอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ว่า เห็นทหารบนรางบีทีเอสที่สาดกระสุนลงมายังเขตวัด
เขายังคงทำอย่างนั้นตลอดเดือนสองเดือนหลังเหตุการณ์ ทั้งการให้สัมภาษณ์กับสื่อหนังสือพิมพ์ ทีวี กระทั่งปรากฏตัวและบอกเล่าเรื่องราวตามเวทีเสวนาทางการเมืองต่างๆ ในมหาวิทยาลัย พร้อมกับเปิดคลิปเหตุการณ์เท่าที่รวบรวมมาได้
สำหรับเก่งแล้วการสูญเสีย “เพื่อน” ที่ร่วมอุดมการณ์ช่วยเหลือผู้คน ใกล้ชิดสนิทสนม กินนอนด้วยกัน และตายต่อหน้าต่อตา กระทั่งตายคามือเขา รวมแล้วถึง 3 คน (กมลเกด อัคฮาด, อัครเดช ขันแก้ว, มงคล เข็มทอง) เป็นเรื่องยากจะยอมรับ อาจเพราะ “เพื่อน” ดูเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิตของเก่ง ผู้ที่มียายคอยผู้อุปการะเลี้ยงดูมาตลอดชีวิต ขณะที่พ่อและแม่ที่แท้จริงทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อเริ่มโตเป็นวัยรุ่น เขาก็ตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกับกลุ่มเพื่อนฝูง เผชิญโชคเพียงลำพังในเมืองกรุง ยืนบนลำแข้งตนเองมาโดยตลอด อาศัยรับจ้างล้างจาน เด็กเสิร์ฟ จนทำอาหารได้ และเก็บเงินเปิดร้านของตัวเอง รวมไปถึงงานต่างๆ อีกสารพัน ตามประสาผู้โชกโชนชีวิต
ปัจจุบันเก่งมีลูกวัย 9 ขวบที่อยู่ในความอุปการะของยายและพี่เขย โดยมีเขาทำหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดูทั้งยายและลูกเพียงลำพัง
ตั้งแต่ออกมาให้ข้อมูลความเลวร้ายในวันที่ 19 พ.ค. ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องคอยหลบซ่อนตัวด้วยเกรงอันตรายจะเกิดขึ้นในยุคที่การลอบสังหารกลับ กลายมาเป็นเรื่องธรรมดาอีกครั้ง และยิ่งสร้างความกังวลให้เพิ่มมากขึ้น เมื่อได้รับแจ้งจากญาติพี่น้องที่พักอาศัยอยู่ภายในซอยประชาอุทิศ 29 ว่าบริเวณหน้าบ้านพักมีหมายเรียกของศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ติดไว้ที่ประตู ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีข้อความระบุว่า ให้ไปรายงานตัวที่ ศอฉ. พร้อมระบุถึงโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หากฝ่าฝืนคำสั่ง มีลายเซ็นนาย
เก่งตัดสินใจที่จะไม่ไปรายงานตัวเพราะเกรงจะถูกจับกุม โดยเขายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งใดผิด และแม้ไม่มีใครเข้ามาดูแล คุ้มครองชีวิตของเขาในฐานะพยานของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เขาก็จะอาศัย “เพื่อน” ของเขาที่คอยโอบอุ้มชีวิตของเขาต่อไป และแม้ย้อนเวลาได้ เขาก็จะทำในสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้วโดยไม่ลังเล เพราะต้องการทวงถาม “ความยุติธรรม” ให้แก่เพื่อนของเขา รวมถึงประชาชนมือเปล่าที่เสียชีวิตในฝันร้ายอันแสนยาวนานนั้น
ศอฉ.ออกหมายเรียกพยานปากเอกหน่วยกู้ภัย ‘วสันต์ แสงรัศมี’
Sat, 2010-07-03 16:44
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.53 เว็บไซต์ ข่าวสดรายงานว่า นายวสันต์ หรือเก่ง แสงรัศมี เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมอาสาพยาบาลที่ติดอยู่ภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันสลายม็อบแดง 19 พ.ค. เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้รับแจ้งจากญาติพี่น้องที่พักอาศัยอยู่ภายในซอยประชาอุทิศ 29 ว่าบริเวณหน้าบ้านพักหลังดังกล่าวได้มีหมายเรียกของศูนย์อํานวยการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ติดไว้ที่ประตูบ้านพัก โดยติดไว้ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีข้อความระบุว่า ให้ตนไปรายงานตัวที่ศอฉ. แต่ไม่ระบุวันนัดหมาย พร้อมกับลงชื่อท้ายหมายว่าเป็นคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และข้อความห้ามดึงออก
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยทําอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ที่เข้าไปอยู่ภายในวัดปทุมวนารามในวันนั้น เนื่องจากเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่อยู่ในวัด ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุรุนแรงในพื้นที่ และไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมนปช. ซึ่งในใจตนคิดว่าการที่ศอฉ.นําหมายมาแปะที่หน้าบ้านเพื่อเรียกตนไปพบนั้น ก็เพื่อต้องการให้ตนเป็นพยานในคดีต่างๆ เพราะไม่รู้หาวิธีไหนเชิญตนไปพบ เพราะไม่มีความผิด และขณะนี้ตนต้องอยู่แบบหวาดผวา หวาดกลัวต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปตามสถานที่ต่างๆ และตนจะไม่เดินทางไปพบแน่ นอนเพราะไม่ได้ผิดอะไร
สำหรับนายวสันต์ หรือเก่ง เป็นหน่วยกู้ชีพที่ออกมาทวงความยุติธรรมให้ น.ส.
วันเดียวกัน ที่ศาลาประชาคม ภายในชุมชนบ่อนไก่ นาง
น.ส.นวรัตน์กล่าวว่า ตนกับพี่มานะคบหากันมากว่า 2 ปี และเขาเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้เดือดร้อน นิสัยดี และเป็นคนขยันทุกวันเขาจะออกไปขับแท็กซี่ที่ซื้อไว้เกือบทุกวัน และเวลามีเหตุก็จะให้ผู้โดยสารลง ส่วนตัวเองก็ไปช่วยเหลือทันที โดยไม่คิดเงินลูกค้า และช่วงที่อยู่ด้วยกันตนยังเคยออกไปกู้ภัยกับเขาด้วย แต่พอมาช่วงหลังที่มีม็อบไม่ได้ไป เพราะพี่มานะไม่ให้ไป บอกว่ามันอันตราย ก่อนหน้าที่พี่มานะเสียชีวิตขณะนั้นอยู่กับตนในร้านเกมหลังโลตัส พระราม 4 ระหว่างนั้นพี่มานะเอามือมาจับแก้มตน และตนก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าทั้งๆที่พี่มานะเพิ่งอาบน้ำมา ไม่นานพี่มานะก็หอมแก้มตนและก็ออกไปทำงานเพราะมีเหตุยิงกันที่บ่อนไก่ เหมือนเป็นลางบอกเหตุ หลังจากหายไปนานหลายชั่วโมงจนเกือบค่ำ ตนได้โทร.หาพี่มานะก็มีคนรับสายแทนบอกว่าพี่มานะตายแล้ว ตนตกใจมากรีบไปที่โรงพยาบาลทันที ตนเสียใจและเศร้าใจมาก ความจริงพี่มานะบอกตนว่าหากผ่อนรถแท็กซี่หมด ก็จะเก็บเงินสักก้อนมาขอตนแต่งงาน และสร้างบ้านอยู่ด้วยกัน แต่ต้องมาเสียชีวิตเสียก่อน
วันเดียวกัน นาย
โดยนายวุฒิกร กล่าวว่า เงินช่วยเหลือที่มอบให้ผู้เสียหายในวันนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 71 ราย รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายตามระยะเวลาที่เข้าพักรักษาตัว ที่ระบุในหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยพม.ได้มอบเงินเยียวยาให้ผู้เสียหายไปแล้ว 12 ครั้ง รวมครั้งนี้ด้วยเป็น 1,381 ราย เป็นเงิน 70,743,209 บาท
วันเดียวกัน นาง
นายสุทิพย์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าคณะกรรมการพิจารณาฯ ต้องตรวจสอบพิจารณาตามลำดับเรื่องที่ร้องขอเข้ามา โดยเรื่องที่นายพงศ์พิชาญร้องเข้ามาในวันที่ 21 พ.ค. อยู่ในลำดับที่ 62 จึงยังไม่ได้เข้าวาระการประชุม เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐานว่ามีคุณสมบัติตามที่ พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 กำหนดไว้หรือไม่ โดยนายพงศ์พิชาญให้การว่าโดนยิงประมาณ 5 ทุ่ม ขณะเดินอยู่บริเวณถ.ราชปรารภเพื่อไปทำธุระ จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น และเห็นแสงเลเซอร์สีฟ้าพุ่งมาบริเวณหน้าผาก จึงยกแขนขึ้นมาบังและรู้สึกว่าแขนข้างซ้ายถูกยิงจนเลือดไหล จึงหลบเข้าข้างกำแพงและนั่งรถจักรยานยนต์ออกมา ก่อนมีคนมาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล มีความขัดแย้งกับที่ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ว่าโดนยิงประมาณ 5 ทุ่ม ขณะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณหน้าปั๊มเอสโซ่ ซ.รางน้ำ ถ.ราชปรารภ
"การที่กรรมการพิจารณาฯ จะอนุมัติจ่ายเงินซึ่งเป็นเงินหลวงแก่ใคร จำเป็นต้องตรวจสอบหลักฐานทั้งจากตำรวจ โรงพยาบาล และพยานแวดล้อม ให้แน่ชัดเพื่อนำมาประกอบกับกฎ หมายตามพ.ร.บ.ฯ มาตราที่ 3 ที่ระบุว่าผู้เสียหายหมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิตหรือร่างกายหรือจิตใจ เนื่องจากการกระทำความผิดทางอาญาของผู้อื่น โดยตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น ร่วมกับรายการท้ายพ.ร.บ.ฯ ลักษณะ 10 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย หมวด 1 ความผิดต่อชีวิต มาตรา 288 ถึง 294 และหมวด 2 ความผิดต่อร่างกาย มาตรา 295 ถึง 300 ประกอบกัน ซึ่งถ้าเป็นตามที่ผู้ร้องได้ให้สัมภาษณ์ก็ถือเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ กระทำความผิด และผิดหลักเกณฑ์การร้องขอดังกล่าว" นิติกรปฏิบัติการ กล่าว
เก่ง วสันต์ สายรัศมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดใจทั้งน้ำตา
Mon, 07/05/2010 - 11:16 | by madu | Vote to close topic
เปิดใจหลังศอฉ.เรียกตัว...เห็นแล้วพูดไม่ออก...พี่น้องไปดู กันเอง
http://www.youtube.com/watch?v=Om_c4Wrl4oM&feature=player_E M B E Dded#!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น