อ่านข่าวเกี่ยวเนื่องท้ายบทสัมภาษณ์นี้และรายงานข่าว:ไก่อูขู่ปิดไทยรัฐโทษฐานเสนอข่าวคนมีสีตั้งหน่วยล่าสังหารเสื้อแดง เทือก20ปีแก้แค้นไม่สาย
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
จาก 19 กันยายน 2549 ถึง19 กันยายน 2553 รวมระยะเวลาเกือบ 4 ปี ที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่รอนแรมอยู่ในต่างประเทศอันเป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติ เรามาฟังคำต่อคำของอดีตนายกรัฐมนตรี ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันดีกว่า...
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษกับไทยรัฐออนไลน์ ตอบคำถามถึงพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยไทย หลังการปฏิวัติ 19 กันยายนที่ผ่านมาเกือบ4 ปีว่า
การเมืองไทย ยังคงวนเวียนอยู่กับระบบเผด็จการที่ฝังรากลึก จนยากเกินหยั่งถึงโดยตนเองเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า เมื่อเผด็จการมายุ่งเกี่ยวกับระบบประชาธิปไตย แล้วโอกาสที่จะถอนตัวออกไปเป็นไปได้ยาก
เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่อง แปลกอะไรที่ 4 ปี มาแล้วระบบเผด็จการ จึงยังคงอยู่คู่กับระบบประชาธิปไตยไทย ซ้ำร้ายนักการเมืองไทยบางจำพวก ยังดูถูกประชาชนด้วยการขายตัวให้กับเผด็จการ เพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด และอยู่ในอำนาจต่อไป รวมทั้งยังมีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร จนแทบจะกลายวัฒนธรรมของสังคมไทยในปัจจุบันไปแล้ว และที่มักจะดูถูกประชาชนว่าซื้อได้นั้น ในปัจจุบันก็เห็นกันแล้วว่านักการเมืองบางคนซื้อได้ง่ายเสียยิ่งกว่าอีก
ส่วนจะมีโอกาสที่ประเทศไทย จะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่ จากสภาวการณ์ในปัจจุบัน
ผม คิดว่ามีโอกาสแน่ แต่คงต้องใช้เวลานิดนึงในช่วงนี้ เพราะเนื่องจากว่า มีนักการเมืองได้ขายวิญญาณประชาธิปไตยไปให้กับเผด็จการและหวังจะที่ให้เผด็จ การช่วยให้ตนเองสามารถมีอำนาจได้ต่อไปนาน ๆ ซึ่งอันนี้น่ากลัว
อย่าง ไรก็ดีสิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อความร่วมมือกันสองฝ่ายคือประชาชน ต้องใช้พลังของตัวเองในการลงคะแนนเลือกตั้งให้เลือกประชาธิปไตยจริง และนักการเมืองจะต้องเลิกขายจิตวิญญาณของตัวเองและให้อยู่กับประชาชนอย่าง แท้จริง
การเลือกตั้งหากเกิดขึ้นในปัจจุบัน จะใช่คำตอบของประชาธิปไตยไทยหลัง 19 ก.ย.หรือไม่
ผม คิดว่า แม้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่มันก็เป็นการให้โอกาสประชาชนในการชี้ชะตาอนาคตของเค้า เท่าที่เค้าพึงจะสามารถกระทำได้ เพราะกติกาที่รองรับในปัจจุบันมันไม่ค่อยเป็นประชาธิปไตย เพราะกติกา มันต้องแก้ไข
แต่ทีนี้ต้องให้ประชาชนเริ่มต้นด้วยการเลือกตั้ง ให้พรรคการเมืองที่เน้นเรื่องของประชาธิปไตยมาแก้ไขกติกาใหม่ เพื่อในอนาคตระบบประชาธิปไตยไทยจะได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
เพราะ วันนี้เปรียบไปก็เหมือนลิงไต่เสาน้ำมัน ตามความรู้สึกตอนที่เราเรียนคณิตศาสตร์ ไต่ขึ้นไป 3 รูดลงมา 2 มันยังเหลืออีก 1 แต่ในเที่ยวนี้ เราไต่ขึ้นไปถึง 5 ถึง 7 แล้ว แต่มันรูดลงที่ 8 หรือ 9 มันติดลบ
เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นอะไรที่จะต้องช่วยกันทั้งภาคประชาชนและนักการเมือง เพราะ จะไปอาศัยคนอื่นก็คงจะไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนซึ่งแต่เดิมเคยเรียกร้องประชาธิปไตยเคยพูดถึง เรื่องปิดหูปิดตาปิดปาก มาสมัยก่อน แต่วันนี้สื่อมวลชนหลายพวกเป็นสื่อมวลชนที่กระโดดเข้าหาผลประโยชน์มากกว่า อุดมการณ์ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย มาวันนี้ได้ทำประชาธิปไตยเพื่อตัวเองมากกว่าเพื่อสังคมไปเยอะ โดยแม้ส่วนใหญ่ยังดีอยู่แต่ที่เสียไปก็เสียไปเยอะมาก
มองว่านักการการเมืองไทยในระบบปัจจุบันพัฒนาขึ้นหรือเลวร้ายลงหลังการปฏิวัติ 19 กันยายนหรือไม่
ผมว่าไม่ดีขึ้น ไม่ดีขึ้นจริง
เพราะ ส่วนหนึ่งได้ขายจิตวิญญาณไปให้ผลประโยชน์และอำนาจและก็มีความอยากเอาตัวรอด มากกว่าที่จะรักอุดมการณ์ ซึ่งเราต้องเรียกร้องว่า นักการเมืองควรจะเห็นแก่อุดมการณ์มากกว่าอำนาจ เพราะปัจจุบันแม้กระทั่งนักการเมืองฝ่ายค้านบางคนก็ยังขายจิตวิญญาณ หวังแต่งบประมาณ หวังอะไรต่ออะไร
จนอันนี้เป็นเรื่องที่บางคนยอมหน้าด้านกับกติกา โดยไม่คำนึงถึงสังคมโดยไม่คำนึงถึงจะต้องกลับไปอายใคร เอาเงินไว้ก่อนอย่างนี้ก็มี
ขณะที่พรรคเพื่อไทย จะสามารถลงสู้ศึกเลือกตั้งที่อาจจะมาถึงในเร็วๆ นี้ ได้หรือไม่
ผม ว่ามันไหวไม่ไหว มันไม่ได้อยู่ที่พรรคเพื่อไทย แต่มันอยู่ที่ประชาชนยังอยากจะสู้ต่อหรือเปล่า หรือยังอยากที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้ซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือไม่ ยังอยากจะได้พรรคการเมืองที่ทุ่มเทเพื่อประชาชนอยู่หรือเปล่า
มองว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง จะมีมากน้อยเพียงใด
ผม ว่า หากเป็นในเร็วๆ นี้ ผมไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะกล้ายุบสภาหรือเปล่า เพราะเค้ารู้ดีว่ายุบก็แพ้ โดยตนเองมั่นใจว่าประชาชนยังอยากเห็นรัฐบาลที่ทำเพื่อประชาชน รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ยังอยากเห็นกติกาที่เป็นประชาธิปไตย ยังไม่อยากเห็นนักการเมืองที่คอยที่จะไปซุกปีกทหารเพื่อจะให้ตัวเองอยู่หรือ ไปตั้งรัฐบาลผสมในค่ายทหาร เค้าคงไม่อยากเห็นแบบนั้น เรายังอยากให้การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง
ขณะที่หากพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ยังเป็นห่วงเรื่องการปฏิวัติอยู่หรือไม่
ก็ คง..ในเมื่อกติกาเป็นอย่างนี้ แล้วสังคมก็รู้แล้วว่าการกระทำที่ผ่านมาเป็นการกระทำสองมาตรฐานโดยไม่มี ยางอาย ถ้าจะทำอีกเราก็ต้องถือว่าประชาชนเค้าก็จะยืนยันของเค้าอีก จะทำอีกก็ไม่เป็นไรก็ให้ประชาชนยืนยันออกมาเรื่อย ๆ
ผลสุดท้ายระบบ ความยุติธรรม ระบบขององค์กรอิสระก็จะเป็นปฏิปักษ์กับประชาชนเอง หากขืนยังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะสำคัญระบบทุกอย่างต้องรองรับเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่ระบบเพื่อใบสั่ง
ส่วนหากพรรคเพื่อไทย ได้รับชัยชนะ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหรือไม่
ผม.. ผมไม่ได้สนใจเรื่องเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ ตราบใดที่ประเทศไทยมีความยุติธรรม ตราบใดประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ผมคิดว่าก็เป็นประเทศที่น่าอยู่ และผมเองก็เป็นคนที่รักชาติรักบ้านเมืองก็อยากกลับไปอยู่
แต่เมื่อ กลับไปแล้วก็ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องเป็นอะไรอีก อย่างไรก็ดีต้องยอมรับก่อนว่า วันนี้ผมเองเป็นหนี้บุญคุณประชาชนเยอะ ผมต้องคิดว่าจะทำอะไรจึงจะรับใช้เค้าได้ เพราะว่าเค้ามีน้ำใจต่อผม มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องถือว่าผมเป็นหนี้บุญคุณเค้าเยอะ ก็แล้วแต่ว่า... มันคงให้เป็นเรื่องของประชาชนฝ่ายสนับสนุนที่จะทำให้ผมได้รับใช้ประชาชนหรือ ไม่ อันนี้มันก็เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากอำนาจของประชาชน อันนี้ผมก็สุดแล้วแต่ คือ... ถามว่าผมอยากเป็นอะไรไหม เวลานี้ผมก็มีความสุขดี ไม่อยากเป็นอะไร ถ้าหากว่า เป็นสิ่งที่ผมต้องตอบแทนบุญคุณประชาชน หรือว่าได้รับอนุญาตให้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยหรือประชาชนผมก็ทำ ได้ แต่หากไม่จำเป็นก็ขออนุญาตอยู่อย่างนี้ดีกว่า
ส่วนจะมีข้อเสนอแนะอย่างไรเพื่อนำมาปรับปรุงให้กติกาของระบบประชาธิปไตย กลับมาสู่ความถูกต้อง
คือ วันนี้ ต้องสร้างความปรองดองแห่งชาตินั่นแหล่ะคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และที่สำคัญวันนี้คนไทยต้องหันหน้าเข้าหากันและเลิกชี้นิ้วใส่กันและมองไป ข้างหน้าด้วยกันดีกว่า
เพราะถ้าหากเรายังชี้นิ้วใส่กันมันไม่จบหรอก และไม่มีใครยอมใคร มันต้องหันหน้าเข้าหากัน กอดคอกันไปข้างหน้าเพื่ออนาคตของประเทศไทยและลูกหลานเราดีกว่า แล้วก็ ...
มา ตกลงกันว่ากติกาอะไรที่มันจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะว่าคนที่อยู่ในวงการการเมือง ไม่มีใครอยู่จีรังยั่งยืนหรอก ไม่กี่วันก็ต้องล่วงลับลากันไป เปลี่ยนลูกเปลี่ยนหลานกันไปแต่กติกาที่มันจะต้องอยู่
ถามว่า ทำไมฟุตบอลอังกฤษมันถึงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ก็เพราะกติกามันไม่เปลี่ยนเค้ารักษากติกาที่เป็นกลาง กรรมการก็เป็นกลางเวลาแข่งคนดูก็ไม่ต้องตีกัน หากกรรมการไม่เป็นกลาง ก็เท่ากับยั่วยุให้คนดูมาตีกัน
ส่วนคณะกรรมการสมานฉันท์ที่รัฐบาลตั้งขึ้น จะนำไปสู่สิ่งที่พูดถึงข้างต้นได้หรือไม่
ผมว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้ อยู่ที่ว่าคนที่วันนี้อยากเห็นอย่างไร ถ้ายังมองว่าผมไม่จงรักภักดีอยู่มันก็เห็นไม่ได้ มันยาก แต่ถ้ามองว่าที่ผ่านมาผมทำงาน ผมไม่มีอะไรที่แสดงว่าไม่จงรักภักดีเลย มีแต่ใส่ความข้างเดียวและเสียเวลากับการกล่าวหาผมว่าไม่จงรักภักดี จนบ้านเมืองเละเทะหมดเนี่ย ถามว่ามันคุ้มไหม จับหนูตัวเดียวเผาบ้านทั้งหลังเนี่ย เวลานี้ หนูไม่อยู่ในบ้านแล้วยังไม่เลิกเผาบ้าน
หากมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดการเจรจากับบุคคลระดับสูงในรัฐบาลคิดว่าจะเจรจากับผู้ใดจึงจะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้
อึ ม...ผมพูดกับคนได้ทุกคนยกเว้น เสือ สิงห์ กระทิง แรด เพราะผมพูดภาษาเสือ สิงห์ กระทิง แรด ไม่เป็น พูดแต่ภาษามนุษย์ธรรมดา และผมเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรเลย นอกจากเห็นบ้านเมืองมีสันติสุข และความปรองดอง
หากเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เปิดเจรจาเอง จะมีความเป็นไปได้หรือไม่
ก็ เรียนไง ผมคุยได้กับทุกคน ถ้าทุกคนคิดว่าผมเป็นคนไทย และเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน เคยทำงานให้บ้านเมืองมา ก็ต้องย่อมมีความรักชาติ รักประชาชน และสถาบัน ซึ่งหากคิดมองผมในมุมนี้ คุยกับผมได้ทุกคน
มุมมองที่มีต่อบทบาทของทหารหลังเหตุการณ์ 19 กันยายนต่อการเมืองไทยในปัจจุบัน
(เซ็นเซอร์)
ทหารต้องเป็นทหารอาชีพ
มองว่าปัญหาการเมืองจะทำให้ประเทศชาติต้องสะดุดการพัฒนาไปอีกนานเพียงใด
ผม ว่าวันนี้ เราต้องเลิกคิด ... วันนี้ หลายคนไม่ได้มองรอบตัวเอง เพราะมองแต่ตัวเองมากไป คืออย่าไปคิดว่าประเทศไทยเราจะอยู่คนเดียว วันนี้เราเชื่อมโยงกับโลกไปมาก หลายประเทศเค้าก็หวังจะติดต่อกับประเทศไทย เราต้องเลิกระแวงซึ่งกันและกันได้แล้ว เราต้องหันกลับไปดูกติกาที่มันเป็นธรรม กรรมการต้องถูกควบคุมด้วยระบบไม่ใช่ถูกสั่งด้วยคน
เปิดใจ เบื้องหลังการถูกปฏิวัติ 19 ก.ย.:ในช่วงก่อนหน้าวันที่ 19 ก.ย. เคยทราบว่าก่อนหรือไม่ว่าทหารจะมีการปฏิวัติ ในช่วงเวลาดังกล่าว
ผม....ก็ ทราบว่ามีความไม่พอใจ มีความพยายาม แต่ไม่ทราบละเอียดก่อนหน้านั้น เพราะว่าหน่วยข่าวกรองของผมมันแย่ ทำงานด้านการข่าวแย่มาก อีกทั้งผมอยู่เมืองนอกนานไปหน่อย เพราะหากผมอยู่ที่เมืองไทย ในช่วงนั้น ก็คงไม่มีการปฏิวัติ แต่ผมมั่นใจว่าการลอบฆ่า ผมก็ยังจะคงเกิดขึ้นต่อไป
ส่วน หากย้อนเวลาได้ จะแต่งตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. เป็น ผบ.ทบ หรือ แต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นแม่ทัพภาค 1 หรือไม่
คือประเทศไทยนะครับ ผมเคยพูดตลอดเวลาว่า (เซ็นเซอร์)
ขณะที่ผิดหวังกับบทบาทของทั้งคู่หรือไม่ ภายหลังร่วมกันปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.
ผม .... มัน ...ผมเฉย ๆ ครับ เพราะว่ามนุษย์ เนี่ย ยากแท้หยั่งถึง เพราะแม้กระทั่งคนในพรรคของผมเอง บางคน ไม่มีอะไรเลย ผมให้โอกาสเค้าจนเติบโตขึ้นมา เค้ายังหักผมได้เลย บางทีคนเราบางทีก็มีสิทธิหลงได้ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
ด้าน รู้สึกผิดหวังกับบุคคลใดที่เคยทำงานอยู่ร่วมกัน แต่สุดท้ายแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด หลัง 19 ก.ย. โดยเฉพาะในรายกรณีของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ในอดีตถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดมากคนหนึ่ง
ผม.. เฉย ๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร ก็มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของ ...แต่ละบุคคลทุกคนมีสิทธิเลือกครับ ทุกคนสามารถเลือกชีวิตของตัวเองได้ ไม่มีปัญหา
ผมเองก็คงไม่สามารถ รับผิดชอบชีวิตใครได้ ใครอยากจะอยู่ก็อยู่ ใครอยากจะไปก็ไป แต่ที่แน่ ๆ ก็คือว่าวันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรากำลังอาสาประชาชนมาทำงาน เราก็คิดว่าเราต้องให้ประชาชนทำให้บ้านเมือง แต่ว่าจะทำแบบไหน แล้วก็ทุกคนก็ต้องมีวัฒนธรรม อริยธรรม จริยธรรม ที่จะต้องคำนึงว่า จะทำอะไรแล้วจะเกิดความละอายหรือไม่ละอาย หิริโอตัปปะ ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
จะร่วมงานกับ นายเนวิน ชิดชอบ อีกครั้งได้หรือไม่
ผม.... ไม่พูด ครับ เพราะผมไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้ว ตอนนี้ เพราะผมเป็นคนตกงาน กำลังหางานให้ตัวเองทำอยู่
เคยวิตกกังวลกับบุคคลฝ่ายตรงข้าม ที่สุดท้ายกลับมาร่วมกันต่อสู้ในนามกลุ่มเสื้อแดงว่าจะเป็นไส้ศึกทางการเมืองหรือไม่
อัน นี้..ก็เป็นเรื่องของแกนนำเสื้อแดง ผมไม่รู้เค้า ผมไม่เคยไปยุ่งกับเค้าในเรื่องรายละเอียดใด ๆ เลย มีอะไรก็จะคุยกันเฉพาะอุดมการณ์ทางการเมืองมากกว่าในรายละเอียดไม่เคยไปยุ่ง ปล่อยเค้า...
สามารถรับฟังเสียงสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้ง 2 ตอนเต็มๆ ได้ที่ โทร *7172113 ค่าบริการนาทีละ 3 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) สำหรับลูกค้าเครือข่ายดีแทค
***************
มวยคู่เอก "ไทยรัฐ" VS "ศอฉ"
ที่มา www.go6tv.com
พลันที่คลิปเสียงสัมภาษณ์พิเศษ "อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร" จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ ได้ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 กันยายน มีคำถามมากมายจากผู้อ่านข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น?
เพราะ สามปีที่ผ่านมา หลังจากท่านนายกฯทักษิณ ออกนอกประเทศและไม่กลับมาอีกเลยตั้งแต่ช่วงก่อนโอลิมปิค แทบไม่มีสื่อใดได้เคยไปพบหรือเสนอข่าวของท่านอีกเลย ยกเว้น จอม เพชรประดับ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่เคยขอสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ และคุณจอมต้อง "ตกงาน" ทันทีจากช่อง11
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับสื่อยักษ์ใหญ่ ที่อยู่ดีๆกล้าลองของกับ "ศอฉ" ?
ไล่ เรียงกันสักนิดพอประติดประต่อ เริ่มต้นเมื่อวันอังคารที่ 31 ส.ค. พันเอกไก่อู สรรเสริญ แก้วกำเนิดได้กล่าวเปรยๆ ถึงเรื่องมีสื่อบางฉบับลงข่าวในทำนองยุยงปลุกปั่น โดยเอ่ยชื่อลอยๆมาสองชื่อย่อคือ ไทย-เรด จะด้วยพูดไม่จบหรือพูดค้างประการใดไม่ทราบจริงๆ
สำนักข่าว INN นำไปแปลความหมายและลงทันทีทางทวิตเตอร์ว่า ศอฉ หมายถึงจะปิด "ไทยเรดนิวส์"
สำนักASTVผู้จัดการออนไลน์ และ โพสต์ทูเดย์ จึงออกข่าวตามว่า เขาจะปิด "ไทยเรดนิวส์"
ไทยเรดนิวส์ ทราบข่าวและตรวจสอบ กลับกลายเป็นว่า ชื่อที่เขาพูดคงหมายถึง ไทยรัฐ และ เรดพาวเวอร์ (ของ คุณสมยศ) จึงได้ชี้แจงไปยังASTVผู้จัดการออนไลน์และโพสต์ทูเดย์ว่า ชื่อ "ไทย-เรด" ไม่น่าจะใช่ เพราะไทยเรดนิวส์ ปิดไปตามคำสั่ง ศอฉ.ตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงปัจจุบันแล้ว
ต้นเหตุที่มีชื่อ "ไทยรัฐ" และ "เรดพาวเวอร์" มาโผล่ว่าสมควรโดนปิด สำหรับ เรดพาวเวอร์แล้วไม่มีข้อกังขาเพราะเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐฯ แต่ "ไทยรัฐ" นี่สิ ทำผิดอะไร?
"ไทยรัฐ" ลงข่าวชิ้นหนึ่งเมื่อวันจันทร์กรอบบ่ายหรืออังคารกรอบเช้าที่ผ่านมาว่า "รัว เอ็ม16 ถล่มแดงเชียงใหม่ปางตาย" โดยกล่าว อ้างว่าหมายถึงกลุ่มทหารสีเขียว เปิดยุทธการไล่ล่าเสื้อแดงตามต่างจังหวัดไม่ให้โงหัวขึ้น ทันทีที่ข่าวนี้แพร่บนแผง เลยน่าจะกลายเป็นที่มาข่าวจะปิดนสพ.ไทยรัฐ พอสื่อฯ ไปถามท่านสุเทพ รองนายกฯ กลับลำบอกแค่ จะตรวจสอบว่าข่าวไม่รุนแรงหรือบิดเบือน แต่อีกฉบับคงปิดเพราะยั่วยุ
ไทยรัฐ ไม่ทราบว่าไปกินยาดีอ่ะไร เริ่มตั้งป้อมถล่ม "ศอฉ." โดยเริ่มแฉว่า มีกลุ่มไล่ล่าจริง
ตาม ด้วยการลงข่าว ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ประชุมหารือต่อสู้ฟ้องร้องจากเหตุการณ์ พฤษภาอำมหิต ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไทยรัฐ "จงใจ" ใช้คำว่า "เหตุการณ์ พฤษภาอำมหิต" ทั้งที่แต่ก่อนจะเลี่ยงใช้คำว่า "เหตุการณ์ไม่สงบ"
ตามมาด้วยวันนี้ เปิดเทปคำสัมภาษณ์ ทักษิณ ชินวัตร ชนิด"ด่ากระจาย" ออกมาตบหน้า ศอฉ. ฉาดใหญ่ ตามประสา สื่อฯไม่กลัวน้ำร้อน
เราเห็นว่านี่แค่ศึกยกแรกเท่านั้น...
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 9/03/2010 08:36:00 ก่อนเที่ยง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น