แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ดั่งเทียนผู้ถ่อง แท้แก่คน : บทนำ

จาก: Sanfan Wanmai

"….ตอนนั้นผมเป็นเด็กเลี้ยงควายอยู่ให้เหตุการณ์ด้วย เขาดักยิงถูกขาจิตรก่อน จิตรวิ่งมาถึงใต้ต้นสะเดาที่เคยอยู่ตรงนี้ เขาตามมายิงซ้ำจนตาย ผมเห็นอีกสองคน กำลังจะข้ามเข้ามาช่วยแต่เข้ามา ไม่ได้เพราะถูกยิงสกัดอยู่…. ได้เห็นสภาพศพแว่บนึงก่อนที่เขาจะเผา คอจิตรเป็นรอยเกือบขาด"
"…. ตอนเช้าพวกควายมันได้กลิ่นขี้เถ้าศพ เข้ามาเหยียบมาถ่าย พ่อผมเห็นน่าสงสารก็เลยนำกะโหลกส่วนที่เหลือจากการเผาไปฝังไว้ที่ ใต้ต้นแดง…."
"….เมื่อหลายปีก่อนที่ขุดกระดูกจิตรขึ้นมาครั้ง แรกๆ กระโหลกของจิตรก็ไม่มีแล้ว ผุไปหมดเหลือแต่รอยดินเป็นหลุมกระโหล กอยู่ตรงนี้…."
"….ตอนขุดกระดูกครั้งแรก เจอกระดูกไม่มากนัก อีกหลายปีต่อมาขุดครั้งที่สอง ตอนนั้นค่อยรวบรวมกระดูกได้มากหน่อย…."




เขาตายใน ชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ ยากเย็นค่นแค้นอับจน
เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ ยากเย็นค่นแค้นอับจน

ถึงวันพราก เขาลงมาจากยอดเขา ใต้เงามหานกอินทรีย์
ล้อมยิง โดยกระหยิ่ม อิ่มในเหยื่อตัวนี้ โชคดี สี่ขั้นพันดาว

เหมือนดาว ร่วงหล่น ความเป็นคนร่วงหาย ก่อนตายจะหมายสิ่งใด
แสนคนจนยาก สิบคนหากรวยหลาย อับอายแก่หล้าฟ้าดิน

เขาจึงต่อสู้อยู่ข้างคนทุกข์เข็ญ ได้เห็นได้เขียนพูดจา
คุก ขังเขาได้แต่หัวใจอย่าปรารถนา เกิดมาเข่นฆ่าอธรรม

แล้วอำนาจ เถื่อนมาบิดเบือนบังหน กี่คนย่อยยับอัปรา
สองพันห้าร้อยแปด เมฆดำปรกคลุมฟ้า ด้วยฤทธา มหาอินทรีย์

ร้างเมืองไร้บ้าน ออกทำการป่าเขา เสี่ยงเอาชีวีมลาย
พฤษภาห้า ร้อยเก้า แดดลบเงาจางหาย เขาตายอยู่ข้างทางเกวียน

ศพคนนี้นี่หรือ ชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ ศพคนนี้นี่หรือคือ จิตร ภูมิศักดิ์
ตายคาหลัก เขตป่ากับนาคร

เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินอิสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน
เขาตาย ในชายป่า เลือดแดงทาดินอิสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน

เขาตายเหมือน ไร้ค่า แต่ต้องมาก้องนาม ผู้คนไถ่ถามอยากเรียน

ชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน
ชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน

http://www.esnips.com/doc/27919886-76dd-4837-b06f-563a867619fe/จิตร-ภูมิ ศักดิ์
...

๕ พฤษภาคม ๒๕๐๙

ค่ำคืนที่ผ่านมา แผ่นดินแล้งได้รองรับฝนห่าใหญ่ ภูเขาชื้นชุ่มและท้องทุ่งเจิ่งนองน้ำ ห้วงยามเช่นนี้คนชนบทจะรู้ว่านามีกบเขียดให้หา ในป่ามีเห็ดให้เก็บ เช้าตรู่ ผู้หญิงบ้านคำบ่อที่ขึ้นภูมาหาเก็บเห็ดก็มาปะเข้ากับทับท หารป่า ทีแรกพวกนางแตกตื่นแทบสิ้นสติ เพราะความกลัวความโหดร้ายของ คอมมิวนิสต์ตามที่ได้ยินคำเล่าลือกันมา แต่ครั้นได้มานั่งทำความรู้จักและ พูดคุยจนเป็นที่เข้าใจกัน ท่าทีของพวกนางก็ดูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จนทหารป่าวางใจว่ากลุ่มผู้หญิงจะเดินกลับเข้าหมู่บ้านด้วยความ รู้สึกเป็นมิตร

กระนั้นก็ตาม การที่มีคนมาพบเห็น ในทางจรยุทธถือเป็นการ เสียลับ มีกฎให้เคลื่อนย้ายที่ทันที ปล่อยผู้หญิงกลับไปแล้ว ปรีชากับพวกรีบกินอาหารที่เหลือจากเมื่อคืน แล้วเก็บข้าวของข้ามห้วยปลา หางไปอยู่อีกฟากทุ่ง ไม่ระแคะระคายใจสักนิดว่า ในกลุ่มแม่บ้านที่เจอกันเมื่อเช้า มีคนที่เป็นเมีย อส. รวมอยู่ด้วย แดดเที่ยงไม่ทันเบี่ยงแสงลอดพุ่มไม้ สหายคนที่อยู่ยามเอ่ยกับเพื่อนว่าเขาได้ยินเสียงคน สหายอีกคนลุกไปเมียงมองสังเกตการณ์ ฉับพลันเสียงปืนก็แตกปะทุสนั่นหวั่น ไหว ลูกกระสุนปักลงพื้นและปลิดขั้วใบไม้ร่วงกราว

ทหารป่า ๖ คนแตกออกเป็นสองกลุ่ม แยกกันถอยหนี ไม่มีใครทันได้หยิบเป้สัมภาระ ของตัวเอง สหายสวรรค์ สหายวาริช และสหายปรีชา ถอยไปด้วยกัน ตอนนั้นพวกเขาอาจคิดว่าโชคยังเข้าข้างอยู่บ้างตรงที่ฝ่ายโจมตีหัน ไปติดตามพวกอีก ๓ คนที่แยกหนีไปอีกทาง หรือบางทีอาจเป็นความจงใจของฟ้าดิน ที่เปิดให้เขาเดินไปสู่ชะตากรรมโดยสะดวก ปรีชาบอกกับเพื่อนสหายร่วมทุกข์ยากว่า เราต้องไม่ทิ้งกัน แล้วออกนำหน้าบุกป่ามุ่งไปหาบ้านคำบ่อ ที่นั่นมีแกนบ้านที่ไว้ใจพึ่งพา ได้ แต่ความไม่คุ้นเคยพื้นที่ และไม่มีคนพื้นที่อยู่ในกลุ่ม ทหารป่าหนีตาย ๓ คนจึงเดินขึ้น-ลงเขาหลงป่าอยู่จนล่วงบ่าย และมาถึงท้ายหมู่บ้านเมื่อเย็นย่ำ นี่ละบ้านคำบ่อ สหายปรีชาบอกพรรคพวก พวกคุณสองคนรออยู่ที่นี่ ผมจะเข้าไปสืบสภาพ เขาหายไปชั่วครู่ก็กลับมาแจ้งกับเพื่อนว่า มีแต่บ้านหลังใหญ่ ๆ พวกเขารู้ว่านั่นไม่ใช่บ้านของคนยากจนที่ขอความช่วยเหลือได้ สหายปรีชาพาพวกวนไปซุ่มดูอีกด้านของหมู่บ้าน สักพักมีคนจูงหมูจากบ้านออกมาที่ลำห้วย ปรีชาเดินออกไปหาเขาคนเดียว

จะพาหมูไปไหน ?
เอามันไปล้างน้ำ
นี่บ้านอะไร ?
บ้านหนองกุง
บ้าน คำบ่อไปทางไหน ?
ชายคนนั้นชี้บอกทาง แล้วเดินจากไป

คล้อยหลังไม่ นาน หญิงชาวบ้านอีกคนเดินแบกยอกลับมาจากทางทุ่งนา ปรีชาเข้าไปถามทางไปคำบ่ออีกครั้ง นางชี้ไปทิศเดิม และชวนคนแปลกหน้าให้เข้าไปเที่ยวในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเป็นวันงานบุญพระเวส หญิงคนนั้นเดินเข้าหมู่บ้านไปแล้ว สวรรค์เห็นปรีชายืนรีรอเหมือนกำลังงุนงง หรือครุ่นคิดอะไรสักอย่าง สุดท้ายเห็นเขาเดินออกไปกลางทุ่ง แล้วก็หายไป

สหายที่ซุ่มอยู่ข้างทางแน่ใจว่าปรีชาต้องเดินย้อนเข้าหมู่บ้านไป แล้ว โดยเขาทั้งสองคนไม่ทันเห็น เด็กชายยก หลานกำนันแหลม เพิ่งต้อนควายจากทุ่งนากลับมาถึงบ้าน เห็นชายร่างผอมสวมแว่น ท่าทางอ่อนล้า เดินออกมาจากทางเดินท้ายหมู่บ้าน ไม่พูดไม่จากับใคร บอกแต่เพียงว่าขอข้าวสักปั้น แม่ของเด็กชายและทุกคนในหมู่บ้านรู้ใน ทันทีว่า ชายแปลกหน้าเป็นพวกที่ถูกตีแตกมาจากในป่า เสียงปืนที่ดังอยู่บนภูเขาเมื่อกลางวันไม่ได้ไกลเกินได้ยินมาถึง หมู่บ้าน ทั้งยังเพิ่งถูกกำชับมาจากกำนัน-ผู้เป็นพี่ชายของนางว่า ถ้าเห็นใครเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านให้มาแจ้ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นโทษหนัก เด็กชายได้ยินแม่ตอบชายผู้หิวโซคนนั้นไปว่า ข้าวเหนียวกำลังนึ่ง ยังไม่สุก ให้ขึ้นมานั่งรอบนเรือนก่อน ชายแปลกหน้าปฏิเสธ

เขายืนรออยู่หน้าบ้านจนได้รับห่อข้าว แล้วเดินออกจากหมู่บ้านไป ตามทางเดิมที่เขาเข้ามา แดดผีตากผ้าอ้อมฉาบบนทิวไม้สองข้างทางเหลือง เรืองไปทั้งป่า แมลงในพงหญ้าเริ่มกรีดปีกบรรเลงรอการมาของราตรี ปั้นข้าวเหนียวที่หญิงชาวบ้านคนนั้นให้มาอ่อนอุ่นอยู่ในห่อ หิวจนแสบท้องแต่เขายังไม่ยอมแกะห่อออกกิน เพื่อนอีกสองคนซุ่มรออยู่ที่ชายป่า พวกเขาก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ก่อนแดดวันนี้จะสิ้นแสงทุกคนคงได้อิ่มท้อง เขาจ้ำเท้าอย่างรีบเร่งและมีความหวัง

เสียงอึกทึกของฝ่าเท้าคนจำนวนมากทำเอาแมลงไพรตกตื่นผวา บ้างแตกหนีลงรูดิน ทางเดินในหมู่บ้านตกอยู่ในความสงัด พอเขาเดินออกมาถึงกลางทุ่งโล่งที่คั่นระหว่างชายป่ากับหมู่บ้าน เสียงปืนก็แตกก้องฟ้า กระสุนสาดมาเป็นห่าฝน นัดหนึ่งเจาะเข้าที่โคนขาคนถือห่อ ข้าว เขาชักปืนสั้นวอลเทอร์ยิงตอบโต้กลับไปบ้าง พลางหนีกระเสือกกระสนไปล้มลงที่โคนไม้ริมชายป่า ได้ยินเสียงปืนชุดแรก สวรรค์กับวาริชจะหนุนเข้าไปช่วยปรีชา ตามยุทธวิธีที่ฝึกมา แต่ห่ากระสุนของฝ่ายผู้ล่าหนักหน่วงเกินต้าน จำต้องชวนกันถอยขึ้นไปรออยู่ในดงลึก หลังฟ้าค่ำไปพักใหญ่ สวรรค์ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกนัด แล้วป่าทั้งป่าก็คืนสู่ความเงียบงัน

สวรรค์รู้ว่า ปรีชาเสียสละชีวิตแน่แล้ว เขาด้นป่าฝ่าความมืดไปหาบ้านคำ บ่อ สั่งความให้ทหารบ้านมาสืบข่าวการล้อมยิงทหารป่าที่บ้านหนองกุ ง การพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ศพนิรนามในชุดเสื้อผ้ามัวมอที่ทอด ร่างอยู่บนกองเลือดของตัวเอง ริมชายป่าหมู่บ้านหนองกุง อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เป็นชายไทยเจ้าของบัตรประชาชนเลขที่ ๕๙๘๓๙/๒๔๙๖
ชื่อนายจิตร ภูมิศักดิ์




"เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพัน ชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน"


...

จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นปราชญ์ของไทยอย่างแท้จริง วันนี้หากเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาจารย์ ส. ศิวลักษณ์ เรื่องราวของจิตร ภูมิศักดิ์ มีคนเขียนเอาไว้เยอะมาก ผมคิดจะเขียนเรื่องราวของวีรบุรุ ษท่านนี้นานมาแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมาะที่จะเขียนขึ้น และสืบเนื่องมาจากการที่มีคนเขียนเอาไว้เยอะ ทำให้การเขียนของผมยากลำบาก เพราะไม่ต้องการให้เนื้อหาซ้ำกับผู้เขียน ท่านอื่นมากจนเกินไป แต่ในความยากก็มีความง่ายเพราะการหาข้อมูลสามารถ ทำได้ง่าย

งานเขียนของผมอ้างอิงจากหลายแหล่ง หลายเว็บไซต์มาก เพื่อไม่ให้ผู้อ่านต้องสะดุดในการอ้างอิงที่มาของงานเขียน ผมจะขอสรุปแหล่งอ้างอิงในตอนท้ายสุดของบทความ ซึ่งน่าจะเป็นซีรีย์ที่ยาว และใช้เวลาเขียนนาน และอาจนานเป็นปี ๆ เลยทีเดียว

ผมเปิดตัวโหมโรงบทความด้วยเรื่องราวการตายของจิตร ภูมิศักดิ ซึ่งผมคัดลอกมาจากเว็บนิตยสารสารคดี ส่วนหนึ่ง และ บทบันทึกงานรำลึก 36 ปี การจากไปของ "จิตร ภูมิศักดิ์" อีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากผมเห็นว่าเป็นส่วนที่สมบูรณ์ ในตัวเองอยู่แล้วจึงไม่ได้เขียนขึ้นใหม่ ผมเปิดตัวด้วยเรื่องราว การตายของท่าน ด้วยเหตุที่เรื่องราวที่ผมจะเขียนในตอนต่อ ๆ ไป ผมจะไม่เขียนถึงการตายของท่านอีก ผมเคยดูภาพยนต์เรื่อง The last Samurai ผมประทับใจตอนที่องค์จักรพรรดิเมจิถาม นาธาน อัลเกรนถึงการตายของคัทสึโมโต้

Emperor Meiji: Tell me how he died.
Algren: I will tell you how he lived.

เป็นประโยคที่กินใจผมมาก แน่นอนครับ ผมจะไม่เล่าเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ ว่าเขาตายอย่างไร แต่ผมจะเล่าเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน