แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แท็กซี่ เหยื่อสไนเปอร์-เครียดจะฆ่าตัว


Porsche






ทวงถาม - นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ โชเฟอร์แท็กซี่ หนึ่งในเหยื่อปืนจากเหตุปราบม็อบ
บุกกระทรวงยุติธรรม ทวงถาม การเยียวยาช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่ไม่คืบหน้า ถึงเครียดขู่จะฆ่าตัวตาย


"สมบัติ"จม.จากคุก กระทุ้ง"กก.สิทธิ์" โชเฟอร์แท็กซี่เหยื่อปืนบุกกระทรวงยุติธรรม
ทวง ถามความคืบหน้าค่าสินไหมทดแทน หลังถูกยิงขณะไปชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงหน้าปั๊มเอสโซ่ ซอยรางน้ำ
โดน ส่องแขนทะลุ ลงทุนมาเฝ้าถึงหน้าห้องประชุม รอการพิจารณาเรื่อง แต่ปรากฏว่าเรื่องถูกตัดออกจากวาระ ถึงกับเครียดปีนขึ้นบันไดชั้น 8 ขู่ฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานจึงยอมลงมา ศาลนัดไต่สวน "สมบัติ บุญงามอนงค์" นปช.รุ่น 2 กรณีร้องปล่อยตัวถูกคุมขังตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยมิชอบ ในวันที่ 2 ก.ค. เจ้าตัวยื่นจ.ม.ถึง
กรรมการสิทธิ์ให้สนับสนุนยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอให้ปล่อยตัวประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง

เมื่อ เวลา 16.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 47 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่
พักอยู่ภายในซอยอินทามระ แยก 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. นำเอกสารหลักฐานจำนวนมากเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และมาติดตามเรื่องที่เคยยื่นไว้กับกรมคุ้มครองสิทธิฯ ก่อนหน้านี้ กรณีถูก
เจ้า หน้าที่ยิงแขนซ้ายทะลุขณะร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงบริเวณซอยรางน้ำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 14 พ.ค.
ที่ผ่านมา และเรื่องที่ถูกชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตาซ้ายบวมปูด

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า นายพงศ์พิชาญ เดินทางมากระทรวงเนื่องจากทราบว่าวันนี้ ช่วงบ่ายทางกระทรวงจะประชุมพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนและค่าชดเชยให้กับผู้เสีย หายในคดีอาญา ที่ห้องประชุมชั้น 8 ตึกกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ ที่
ศูนย์ ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน โดยนายพงศ์พิชาญ ขึ้นไปนั่งรอหน้าห้องประชุม กระทั่งประชุมเลิก ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. พ.ต.อ.ทวี ออกจากห้องประชุม เหลือแต่คณะกรรมการคนอื่นๆ จากนั้นนายพงศ์พิชาญ ได้เข้าไปหาคณะกรรมการที่นั่งอยู่ แต่ไม่ได้รับคำตอบเรื่องที่ตัวเองถูกถอดออกจากวาระที่ประชุมในวันนี้ ทำให้เกิดความเครียดและร้องไห้โวยวาย จากนั้นนายพงศ์พิชาญ
ได้วิ่งขึ้น ไปยืนอยู่ตรงบันได ชั้น 8 ทำท่าจะกระโดดลงมาเพื่อฆ่าตัวตายหากกระทรวงไม่ดำเนินเรื่องให้ เจ้าหน้าที่ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะยอมลงมา และนำตัวไปสงบสติอารมณ์ในห้องประชุม พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการดำเนินคดีต่างๆ จนเข้าใจ

นายพงศ์พิชาญ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ตนเดินทางมายื่นเรื่องกรณีที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และทราบว่าวันนี้จะนำเรื่องของตนเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณาจ่ายเงิน แต่ปรากฏว่าในที่ประชุมได้
ตัดเรื่องออกทำให้ตกไปทั้งที่เรื่องตนเป็นผู้ เสียหายจากการกระทำของรัฐ

นายพงศ์พิชาญ กล่าวต่อว่า ในส่วนเหตุ การณ์ที่ตนถูกยิงแขนทะลุ และถูกทำร้ายร่างกายที่ตาซ้ายนั้น
เรื่องถูก ยิงแขน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม วันที่ 14 พ.ค. ขณะตนไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง
บริเวณหน้าปั๊มเอสโซ่ ซอยรางน้ำ ถนนราชปรารภ
ขณะที่ชุมนุมอยู่หน้าปั๊มสังเกตที่ตัวพบว่ามีแสงเหมือนแสง เลเซอร์ส่องมาที่ศีรษะและลำตัวนับสิบจุด
จากนั้นก็ได้ยิงเสียงปืนดัง กระสุนเฉี่ยวหน้าไป จากนั้นตนได้ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ
ก่อนจะมีเสียงปืน ดังตามมาเป็นนัดที่ 2 และ 3 และรู้สึกชาบริเวณท่อนแขนซ้าย มีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก
กระทั่งมีผู้ชุมนุมด้วยกันหามส่งโรงพยาบาลราช วิถี ซึ่งขณะนั้นรถพยาบาลไม่สามารถเข้ามารับได้
เพราะทหารล้อมไว้หมด จึงนั่งมอเตอร์ไซค์ออกไป และในวันนั้นที่ถูกยิงตนยังใส่เสื้อกั๊กมีตราโล่ตำรวจยังถูกยิงขนาดนี้ และในวันนั้นมีคนถูกยิงพร้อมกันตนนับสิบคนเพราะเห็นล้มลงกับพื้น

เหยื่อ กระชับพื้นที่ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ตนถูกทำร้ายร่างกายจนตาซ้ายบวมปูดนั้น เป็นคนละวันกับที่ถูกยิง
โดนทำร้ายประมาณปลายเดือนเมษายน ขณะขับรถแท็กซี่ ทะเบียน ทล-3240 กทม. สีชมพู มาหาคน
บริเวณหน้าโรง พยาบาลหัวเฉียว ถนนบำรุงเมือง ขณะนั้นมีทหารเริ่มตั้งด่านและบีบเส้นทางให้รถวิ่งเลนซ้ายอย่างเดียว เมื่อขับมาถึงด่านตรวจเจ้าหน้าที่สั่งให้จอดและเปิดท้ายรถ แต่กุญแจตนเสียเปิดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟัง
ก่อนจะเปิดประตูรถและ กระชากออกจากรถจนตัวกระเด็นไปล้มอยู่บนฟุตปาธและจับค้นตัวไม่พบอะไร ตนพยายามอธิบายว่าตนมีบัตรนักข่าวตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวก่อนที่ตนจะเดินไปนั่งเบาะรถและเตรียมจะขับออก
แต่ปรากฏว่ามีชายฉกรรจ์ 2 คน แต่งกายนอกเครื่องแบบใช้เท้าถีบเข้ามาในรถ
ทำให้ใบหน้าตนกระแทกกับพวง มาลัยรถจนปูดบวมได้รับบาดเจ็บ และไปแจ้งความไว้ที่สน.พลับพลาไชย 1
แต่ ก็ไม่มีการส่งตัวไปตรวจร่างกายหรือสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน ตนจึงร้องเรียนไปยังสำนักนายกฯ
ขณะนี้ทราบว่าอยู่ระหว่างตั้งกรรมการสอบ สวนตำรวจที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อยู่
และเรื่องได้ถูกโอนมายังสำนัก งานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงาน ป.ป.ช.

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มนปช. บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯและแยกคอกวัว
มีรายงานว่านายพงศ์พิชาญ เคยขับรถแท็กซี่สีชมพูคันเดียวกันนี้ขับชนแท่งปูนบริเวณหน้าประตูทำเนียบ รัฐบาล
จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมก่อนจะปล่อยตัวออกมา

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา
ถนนรัชดาภิเษก นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
หรือ นปช.รุ่น 2 ที่ถูกตำรวจจับกุมข้อหาฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
มาตรา 11 (1) มอบอำนาจให้นายอานนท์ นำภา ทนายความ นปช.ยื่นคำขอปล่อยตัวเนื่องจากการควบคุมตัว
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำ ร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2553 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ควบคุมตัวผู้ร้องจากบริเวณแยกราชประสงค์
ขณะทำกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ การสลายการชุมนุม โดยมีการนำผ้าแดงไปผูกที่ป้ายแยกราชประสงค์
ซึ่งตำรวจ ได้แสดงหมายควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ 116/2553 ของศาลอาญาลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2553
โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งได้มีการนำตัวไปควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 คลอง 5 จ.ปทุมธานี ปัจจุบันผู้ร้องถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 4 วันแล้วและเห็นว่าการควบคุมตัวดังกล่าวเป็นไป
โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เนื่อง จากผู้ร้องไม่ได้มีพฤติการณ์อื่นใดที่จะทำให้เกิดเหตุร้ายแรง และการควบคุมตัวเป็นการใช้อำนาจโดยไม่สุจริต
มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ที่มี ความเห็นแตกต่างทางการเมือง ผู้ร้องจึงขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกและเบิกตัวผู้ร้องมาไต่สวนและ
มีคำสั่ง ปล่อยตัวเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายและเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ของผู้ร้องด้วย

เนื่องจากเป็นการควบคุมตัวโดยมิชอบ โดยไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เนื่องจากการจัดกิจกรรมของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นไปเพื่อการเเสดงออกซึ่งความเห็นทางการเมือง โดยวิธีการสันติและปราศจากอาวุธ ตามสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่า ด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งผูกพันประเทศไทย

ทั้งนี้ นายอานนท์ นำภา ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลได้รับคำร้องนี้ไว้เพื่อรอไต่สวนในวันที่ 2 กรกฎาคม นี้เวลา 09.00 น. ซึ่งตนจะขอให้ศาลทำการไต่สวนนายสมบัติ ผ่านวิดีโอทางไกลผ่านจอภาพ หรือ วิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ พร้อมกับนำพยานหลักฐาน ที่เป็นเอกสาร ภาพถ่าย การทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวมาประกอบการไต่สวนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้เขียนจดหมายเป็นลายมือฝากให้ทนายความนำไปยื่นถึงประธานคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เพื่อขอให้สนับสนุนการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

โดยเนื้อหาจดหมายระบุถึง ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง
และสิทธิทางการเมือง เรื่อง โปรดสนับสนุนการยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และขอให้ปล่อยตัวประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง

เนื้อ ความระบุว่า ตามที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้มีการสลายการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช. โดยใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงคราม โดยอ้างพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนทำให้มีผู้ได้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จนบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดในฝ่ายรัฐ
ที่ออกมารับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิด ขึ้น นอกไปจากการจับกุมประชาชนที่มีทัศนคติอันแตกต่างจากรัฐโดยอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ปัจจุบันการชุมนุมใหญ่บนถนนราชประสงค์ได้ยุติมา 1 เดือนแล้ว สถานการณ์กลับสู่ความปกติ กรณีการอ้างความจำเป็นในการคงไว้ซึ่งประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อติดตามและจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายและผู้กระทำความผิดร้ายแรงนั้น สามารถใช้กฎหมายอาญาปกติได้ แต่รัฐประสงค์ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนฝ่ายตรงข้าม
เพื่อปกปิดข้อเท็จจริงใน เหตุการณ์ และรักษาความนิยมของตนเองที่กำลังถูกตั้งคำถามจำนวนมากต่อการตัดสินใจ
ใช้ กำลังสลายการชุมนุม

ทุกวันนี้สื่อมวลชนถูกพ.ร.ก.ฉุกเฉินปิดกั้น รวมถึงสื่อทางเลือกอย่างอินเตอร์เน็ตก็ยังถูกบล็อกจำนวนมาก กล่าวคือ สถานการณ์การรับรู้ข่าวสารของประชาชน รัฐอนุญาตรับฟังได้จากฝ่ายรัฐเพียงฝ่ายเดียว

ความมั่นคงของรัฐบาล ได้ถูกบิดเบือนเป็นความมั่นคงของรัฐ และดูเหมือนว่า ความมั่นคงนั้นจะไม่มี
"สิทธิ ของประชาชน" อยู่ในนั้น

ในฐานะที่ท่านเป็นองค์กรที่ต้องตรวจสอบ และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชน โปรดร่วมกับประชาชน
ที่ถูกลิดรอน สิทธิเรียกร้องไปยังรัฐบาลเพื่อยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ
คนไทย ในยามที่บ้านเมืองแทบจะมองไม่เห็นความเป็นธรรมในขณะนี้ ด้วยความนับถือ
ลง ชื่อ สมบัติ บุญงามอนงค์ วันที่ 27 มิ.ย. 53

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วย ว่า นอกจากนี้ ในเว็บ ไซต์เฟซบุ๊กของผู้ใช้ชื่อว่า "สหายอ้วน" ได้โพสต์ รูปภาพ ที่ระบุว่า
เป็นข้อความของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ "บ.ก.ลายจุด" เขียนถึงเพื่อนชาวเฟซบุ๊ก จากที่คุมขังกองกำกับการตำรวจตชด. ภาค 1 คลอง 5 ปทุมธานี จำนวน 5 แผ่น โดยแผ่นแรกระบุว่า "ฉันคว้าปากกาสีแดง
แล้ว เดินไปที่ป้ายที่ติดไว้บนตึกนอน หาพื้นที่ว่างบนป้ายนั้น แล้ววาดรูปพระอาทิตย์หกแฉกลงไปข้างตัวอักษร
ที่เขียนว่า ประกาศ" และ "นายตำรวจยศพล.ต.ต.ท่านหนึ่ง ขอนั่งคุยกับผมในฐานะหัวหน้าชุดอะไรสักอย่าง
เขา เป็นผู้ฟังที่ดีมากคนหนึ่งที่ผมเคยคุยด้วย เขาเรียกการสนทนานี้ว่า "การซักถาม" ไม่ใช่การสอบสวน
ส่วนผมบอกกับเขาว่าผมเรียกสิ่งนี้ว่า "การสนทนา" เพียงแต่ว่าบทสนทนานี้จะถูกเขียนเป็นรายงานให้ผู้บังคับบัญชา"

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า
แผ่นที่ 2 ระบุว่า "อย่ามาบอกผมว่า ผมมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์อะไร สิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่ผมมีมาตั้งแต่เกิด
แต่ สิ่งที่คุณพูดคือคุณละเมิดสิทธิของผมอย่างไรต่างหาก" และ "ความคิดที่เสรีบนพื้นฐานสิทธิมนุษยชนไม่ใช่สิ่ง
ที่ต้องถูกควบคุม ความคิดและการกระทำในการละเมิดสิทธิของประชาชนต่างหากที่ต้องถูกควบคุม"

แผ่น ที่ 3 ระบุว่า "ฉันหยิบเสื้อแดงตัวเก่าที่ยังไม่ได้ซักมาใส่ เพื่อต้อนรับเสื้อแดงที่มาเยี่ยม มันคงไม่สกปรกไปกว่า
มือที่เปื้อนเลือด ของใครบางคนที่ล้างไม่มีทางออก" "เมื่อผู้ใหญ่พูด ฉันฟัง แต่ฉันไม่เชื่อ เมื่อฉันพูด ผู้ใหญ่ไม่ฟัง
เขาไม่มีโอกาสที่จะเชื่อ" และ "หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก เข้า ออก
เข้า ออก เข้า ออก นี่น่ะเหรอที่ผู้มีอำนาจอยากให้ฉันทำ หายใจทิ้งไปวันๆ"

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า แผ่นที่ 4 ระบุว่า "เบื้อง บนมีเพดาน เบื้องล่างมีพื้นปูน เบื้องหน้ามีลวดหนาม เบื้องลึกยังมีความคิด
จักยัง ต่อสู้" "ยุงกินเลือดเราแต่น้อย เพื่อมันดำรงอยู่ กระสุนปืนกินเลือดเราหมดร่างเพื่ออำนาจผู้สั่งการดำรงอยู่"

แผ่นที่ 5 ระบุว่า "ห้ามฉันพูด ฉันก็จะพิมพ์ ห้ามฉันพิมพ์ ฉันก็จะเขียน ห้ามฉันเขียน ฉันก็ยังจะคิด หากจะห้ามฉันคิด
ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน" และ"ขอบคุณอภิสิทธิ์ที่พาฉันมาปรองดองที่ค่ายตำรวจตระเวนชายแดน วันหนึ่งคุณคงได้มีโอกาส มานอนปรองดองที่นี่บ้าง ฉันจะรอ"

น.พ.นิรัน ดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์
กรณีนาย สมบัติ บุญงามอนงค์ ประธานกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงเขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเองถึง
ประธาน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้สนับสนุนการยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และขอให้ปล่อยตัวประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง ว่า
เราได้ ติดตามดูการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
โดยเริ่มตรวจสอบการควบคุมตัวนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
ทั้งนี้กรรมการสิทธิฯ จะออกไปติดตามเยี่ยมผู้ต้องหาจากการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 ก.ค.เป็นต้นไป
เพื่อประเมินการบังคับใช้ พ.ร.ก.ทั้งที่กทม.
จังหวัดใหญ่อย่างอุบลราชธานี อุดรธานี มุกดาหาร เชียงใหม่ เชียงราย ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่
จากนั้นจะเปิด รับฟังความคิดเห็น public hearing โดยเชิญนักวิชาการ สื่อมวลชน ภาคประชาชน
มา ร่วมในวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.ค.นี้หรืออาจเป็นสัปดาห์หน้าก็ได้

"เราจะ เร่งทำเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นประเด็นที่คนในสังคมสนใจ
เรา หวังจะรับฟังความเห็นของสังคมเพื่อสรุปข้อเสนอให้รัฐบาลว่าควรประกาศใช้ต่อ หรือไม่
โดย 2-3 กรณี อ.สุธาชัย นายสมยศ นายสมบัติ เหมือนเป็นการใช้พ.ร.ก.แบบป้องปรามมากกว่า
ซึ่งไม่ควรใช้แบบนี้ เพราะเป็นเรื่องความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองที่ไม่ควรใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่อง จาก
จะเกิดความไม่เป็นธรรมได้" กรรมการสิทธิฯ กล่าว

น.พ.นิ รันดร์ กล่าวว่า กรณีนายสมบัติ ถูกจับหลังเดินทางไปผูกผ้าแดงที่แยกราชประสงค์
โดยถูกตำรวจสน.ลุมพินี ควบคุมตัวตามหมายจับข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่นเดียวกับนายสมยศและนายสุธาชัย
ซึ่งกรรมการสิทธิฯได้ทำหนังสือถึงศอ ฉ.ให้ชี้แจงเหตุผลที่ควบคุมตัวนายสมบัติ ล่าสุดตนให้เจ้าหน้าที่กรรมการสิทธิฯ
ไปเยี่ยมนายสมบัติแล้ว หากถูกคุมตัวครบ 7 วัน ก็ต้องดูว่าศาลจะอนุมัติให้คุมตัวนายสมบัติต่อหรือไม่ โดยเราเห็นว่า
การ ชุมนุมเป็นสิทธิของภาคประชาชน ดังนั้นรัฐบาลจะทำให้เกิดการละเมิดสิทธิไม่ได้ ความเห็นต่างทางการเมืองไม่สามารถจำกัดสิทธิประชาชนได้ จะเป็นปัญหาต่อนโยบายปรองดองของรัฐบาลได้


http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVE13TURZMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB6TUE9PQ==

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน