แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เนชั่นกะอัมสเตอดัมส์...เอามาจากฟกด.

Fri, 06/04/2010 - 09:45 | by ถูกคอ | Vote to close topic

เอาบทบรรณาธิการของเน ชั่นมาแปลเป็นไทย พร้อมแถลงการณ์โต้ตอบของโรเบิร์ต อัมสเตอดัม ทนายที่ทักษิณจ้างมา ตอนท้ายๆเขาบอกว่าเขาโดนคุกคามเอาชีวิต

ผลของการสืบสวนของทนายทักษิณจะเป็นประเด็นเรื่องความ น่าเชื่อถือ
โดย เดอะ เนชั่น
ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553

?ผู้เชี่ยวชาญ? ต้องระมัดระวังในการเข้ามาร่วมทำงานที่มีผลกับฝ่ายของตัวเองและไม่มีกฎหมาย รองรับ
ศาสตราจารย์ จี เจ คนูพส์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาชญากรสงครามระหว่างประเทศ ควรคิดให้รอบคอบในการที่จะมาร่วมงานกับทีมกฎหมายภายใต้การว่าจ้างของอดีต นายกรัฐมนตรีผู้ที่กำลังหลบหนีคดีชื่อทักษิณ ชินวัตร

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทีมกฎหมายของทักษิณได้ออกแถลงการณ์กล่าวถึงคนูพส์ว่าจะมาร่วมทีมสืบสวน เรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ระหว่างกองทัพของรัฐบาลกับผู้ ประท้วงเสื้อแดง แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันเป็นการส่วนตัวจากคนูพส์แค่อย่างใด คนูพส์ นักวิชาการชาวดัทช์ที่มีรายงานว่าได้ทำงานในคดีสำคัญๆมาแล้วหลายคดีรวมทั้ง คดีรวันดาและเซียร่าลีโอน

แต่ถ้าคำพูดของโรเบอร์ต อัมสเตอดัมโฆษกด้านกฎหมายคนใหม่ของทักษิณ นักล็อบบี้ผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ ที่กล่าวว่าคนูพส์จะเข้ามาร่วมงานเป็นความจริง คนูพส์ก็ควรจะคิดเสียใหม่ว่าการที่จะมาร่วมงานกับอาชญากรที่ถูกพิพากษาให้จำ คุก มาอยู่ใต้อำนาจเงินค่าจ้างของเขานั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ที่กล่าวนี้ไม่ได้หมายความว่าหนังสือพิมพ์เนชั่นจะต่อต้านการทำงานอัน เป็น อิสระของคนกลาง หรือการสืบสวนของคนกลางต่างชาติในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกองทัพกับผู้ ประท้วงเสื้อแดง แต่การสืบสวนที่กระทำและว่าจ้างโดยผู้ที่มีส่วนได้เสีย โดยไม่ต้องคำนึงถึงความจริงที่ว่าผู้ที่มีส่วนได้เสียนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น แล้วผลของมันจะเป็นที่ยอมรับได้อย่างไร

เราต้องถามตัวเราเองก่อนว่ากลไกของรัฐ พูดตรงๆว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศ อยู่ในสภาพที่อืดอาดไม่น่าเชื่อถือ จำเป็นต้องมีคนกลางที่เป็นชาวต่างชาติหรือไม่

ถ้าคำตอบคือไม่ ดังนั้นอัมสเตอดัมและพวกควรจะไปหากินที่อื่นจะดีกว่า

ดูอย่างคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขมรที่พยายามจะเอาผิดกับเขมรแดงสิ เป็นไง อย่างที่รู้กันอยู่ มันไม่ได้ไปถึงไหนเลย เพราะอะไร ก็เพราะรัฐบาลเขมรในปัจจุบันได้ขัดขวางความพยายามของศาลที่จะเอาผิดกับผู้ ต้องสงสัยเพิ่มเติมในคดีสังหารประชาชน 1.7 ล้านคนนั้น

และถ้าทักษิณกับทีมทำงานของเขารักประเทศไทยอย่างสุดซึ้งแล้วละก็ ควรจะทำการสืบสวนกรณีตากใบที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2547 ด้วย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนไทยที่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจในขณะที่ อยู่ในความควบคุมของทหาร เป็นจำนวนใกล้เคียงกับที่เสียชีวิตในเหตุการณ์รุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้ง นี้ ประชาชนเหล่านั้นไม่มีอาวุธ ดังนั้นจึงไม่ควรโต้แย้งว่าใครสมควรที่จะได้รับการตำหนิ

แล้วเรื่องการวิสามัญผู้ต้องหา 2,500 คน ที่เกี่ยวกับยาเสพติดในช่วงเวลา 2-3 เดือนระหว่างปี 2546-47 ภายใต้ ?สงครามยาเสพติด? ของทักษิณอีกล่ะ ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะที่ทักษิณเป็นนายกฯมิใช่หรือ?

ตามแถลงการณ์ที่ปรากฏ บนเว็บไซท์ของอัมสเตอร์ดัม เขากล่าวว่า ตัวเขากับคนูพส์ เคยร่วมงานกันมาหลายครั้งแล้วในรอบหลายปี และเมื่อปี 2549 ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับรัสเซียในฐานะรัฐคู่ขนาน เขากล่าวถีงคนูพส์ว่า “เป็นเจ้าหน้าที่ของโลกในเรื่องอาชญากรสงครามและกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ และมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการสืบสวนในครั้งนี้”

ยังปรากฏบนเว็บไซท์ของเขาอีกว่า ทักษิณได้ว่าจ้างอัมสเตอดัม “ให้ทำการสืบสวนการสังหารประชาชนและการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษย์ชนระหว่าง ประเทศ”

ไม่มีใครเลยในกรุงเทพฯที่เคยรู้จักชื่อเสียง และผลงานของอัมสเตอดัมและคนูพส์มาก่อน เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อก็เมื่อเร็วๆนี้เอง นอกจากนี้ การว่าจ้างทนาย(หรือทีมทนาย) ให้ทำการรวมรวมหลักฐานเพื่อสนับสนุนคดีที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง บุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดก็มีสิทธิทำเช่นนั้นได้ เราไม่ว่ากัน แต่มันยังไกลไปหน่อยที่จะคิดว่าสาธาณะชนจะมองเรื่องการสืบสวนรวบรวมหลักฐาน และการให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่าซื่อตรงและถูกต้องโดยไม่ลำเอียง

ถ้าคนูพส์เป็นอย่างที่อัมสเตอดัมบอก เขาก็ควรจะรู้ถึงความแตกต่างระหว่าง “ การล็อบบี้” กับ “การปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย” ถ้าเขาต้องการมาทำหน้าที่ล็อบบี้ให้กับทักษิณ ก็ไม่เป็นไร แต่เขาควรที่จะกล้าพูดความจริง ไม่ใช่หลบซ่อนมาในอาชีพอื่นเพียงเพื่อที่จะตบตาสาธารณะชนเท่านั้น
*******************************************************************************************
ต่อไปเป็นแถลงการณ์ตอบ โต้จากอัมสเตอดัม ที่ปรากฏบนเวบไซท์ของเขา

การโฆษณาชวนเชื่อที่เกินจริงของไทย ? การโต้ตอบบทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น

บทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์วันนี้ในหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในอาณัติของรัฐบาล ชื่อเดอะเนชั่นได้พาดพิงถึงงานของข้าพเจ้าและเพื่อนของข้าพเจ้า นักกฎหมายที่ชื่อ เกิรต์ แจน อเล็กซานเดอร์ คนูพส์ นอกจากการโจมตีที่เป็นเรื่องปกติ การโกหกตอแหล และคำกล่าวหาว่าผลการสืบสวนออกมาจะเอนเอียง บทความนี้มีเจตนาที่จะไม่ยอมรับผลการสืบสวนของเราล่วงหน้าในเรื่องการละเมิด สิทธิมนุษยชนและเรื่องอาชญากรสงครามซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐไทยในการ จัดการกับการประท้วงเมื่อเดือนเมษาและพฤษภาที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าจะไม่ขอกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะดูเหมือนว่ามันจะถูกทำให้หันเหความสนใจไปจากเรื่องอื่นที่เป็นสาระ สำคัญที่แท้จริง แต่เรื่องนี้มีสิ่งที่ผู้อ่านที่เป็นชาวต่างประเทศต้องนำมาพิจารณาในฐานะที่ เป็นสิ่งบ่งบอกถึงวิถีทางที่รัฐบาลนี้กำลังปฏิบัติอยู่ การหมุนบทความโดยรอบก็เพื่อให้ทุกๆคนได้เห็น(พวกเขาใช้แม้กระทั่งคำว่า ?ชั่วร้าย?) แต่ในเนื้อหากลับหลีกเลี่ยงไม่ยอมกล่าวถึงการกักขังโดยปราศจากข้อหา การตัดสินแบบรวบรัด ใช้กำลังโดยไม่ไตร่ตรอง นี่คือประเทศที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ประชาชนของประเทศเขาเอง 88 คน ถูกฆ่าใหม่ๆสดๆบนถนนในเมืองหลวงของประเทศโดยกองทัพของประเทศเขาเอง และบรรดา

บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย เลือกที่จะอุทิศเวลาของเขาโจมตีนักกฎหมายเป็นการส่วนตัว ประดิดประดอยสรรหาความชอบธรรมในการสลายการชุมนุม เวลาที่เหลือก็เอาไปทุ่มให้กับการโจมตี CNN อย่างไร้เหตุผล ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เห็นภาพอันเป็นที่เศร้าใจของรัฐบาลนี้ให้ชัดเจน มากกว่านี้

ก่อนที่จะตีพิมพ์บทความเห่ยๆเยี่ยงนั้น โดยทั่วไปแล้วผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการควรที่จะติดต่อกับแหล่งข่าวที่ตน เขียนถึงเสียก่อน แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด แล้วคนูพส์หรือข้าพเจ้าจะมีโอกาสชี้แจงกับเนชั่นหรือเปล่า? มันเป็นเรื่องที่กระจ่างแล้วว่าจุดประสงค์ในการสืบสวนของเราก็เพื่อพิสูจน์ ให้เห็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ประท้วงนปช. และรวบรวมหลักฐานและความจริงที่กำลังถูกอำพรางอยู่ในขณะนี้ หมาเฝ้ายามอย่างองค์กรนิรโทษกรรมสากลและองค์กรสิทธิมนุษยชนก็ให้ความเห็น เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ข้อกล่าวหาของเราก็คล้ายๆกัน เราสนับสนุนอย่างเต็มที่กับข้อเรียกร้องให้ดำเนินการสืบสวนโดยคนกลางโดยการ จัดการของข้าหลวงใหญ่ทางด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ โดยคุณนาวี พิลเลย์ และขอสรรเสริญการดำเนินการโดยวิธีนั้น

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงยึดถือสิทธิอันชอบธรรมของการสืบสวนของข้าพเจ้าไว้ ไม่ว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์จะยินยอมให้คนกลางอย่างแท้จริงมาทำการสืบสวน หรือไม่ เมื่อรัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอของนปช.ในการเจรจาโดยปราศจากเงื่อนไขเพื่อให้การ เผชิญหน้ายุติลง และเมื่อพวกเขาปัดข้อเสนอของนปช.ในการที่จะให้สหประชาชาติเข้ามาเป็นคนกลาง การกระทำของรัฐบาลเห็นได้ชัดว่าเหมือนมีบางอย่างจำเป็นต้องปกปิด ข้าพเจ้ายืนยันด้วยหูรับรู้ด้วยตาถึงการแลกเปลี่ยนข้อเสนอระหว่างนปช. และรัฐบาลครั้งนี้ เพราะข้าพเจ้าอยู่ในการชุมนุมในวันท้ายๆนั้นด้วย

สิ่งที่เราสงสัยเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นการโกหกอย่างแข็งกร้าวในสื่อ ของรัฐก็คือ อะไรที่พวกเขากลัวว่าเราจะเจอ? ถ้าหากว่ายังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าใครผิด เหมือนกับที่อ้างกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วจะไปกลัวอะไรกับการทำงานของคนกลาง ตรงกันข้าม เรามองว่าการออกมาตีโพยตีพายอย่างที่เห็น เป็นผลมาจากความอึดอัดอย่างแสนสาหัสที่รัฐบาลนี้ประสพ เกิดขึ้นทุกครั้งที่การโกหกตอแหลสร้างเรื่องถูกเปิดเผยด้วยความเป็นจริงอัน เจ็บปวด พวกเขาทนไม่ได้กับการวิพากษ์วิจารณ์โต้แย้งอย่างเสรีและเปิดเผยของสาธารณะชน ทุกอย่างต้องถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เสียงนกเสียงกาจนถึงเสียงของนักกฎหมายและมืออาชีพที่พวกเขาเพียงแต่ ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น

แต่ก็ยังโชคดีที่ทุกคนได้รับอิสรภาพให้อ่านบทความนั้นได้ เพราะว่าไม่มีรัฐบาลจอมโหดหน้าไหนมาสั่งห้าม โชคยังดีที่ทุกคนได้รับอนุญาตให้ได้ยินที่คนพูดกันว่าทหารและนายกรัฐมนตรี ที่จบการศึกษาจากอ๊อกฟอร์ดแต่ไม่เคยชนะเลือกตั้งว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะว่าไม่มีใครไปข่มขู่คุกคามถึงกับจะเอาชีวิตทนายของเขาและตีพิมพ์ที่ อยู่ของพวกเขาให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรุ้ ข้าพเจ้าผ่านการทำงานมาทั้งในรัสเซีย ไนจีเรีย รวมทั้งเวเนซูเอล่า ข้าพเจ้าไม่เคยพบการกระทำเยี่ยงอันธพาลอันป่าเถื่อนแบบนี้มาก่อนเลย

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลได้ทำการควบคุมสื่อและปิดกั้นช่องทางการรับรู้ทางอื่นอย่าง เหนียวแน่น แสดงให้เห็นว่าพวกอำมาตย์เริ่มที่จะสูญเสียความสามารถที่จะแยกแยะว่าอะไรคือ ความจริงอะไรคือสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นเกินกว่าที่จะเป็นจริงได้ เราเห็นได้จากการแสดงออกในสภาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เมื่อ กรณ์ จาติกวนิช บุคคลคนเดียวกันนี้แหละที่เสนอให้ละทิ้งมาตรฐานประชาธิปไตยแบบตะวันตกเสีย กรณ์กล่าวว่า ?มีเหตุการณ์ที่เป็นที่แน่ชัดว่า กองกำลังติดอาวุธของพวกเสื้อแดงที่เต็มใจฆ่าพวกเดียวกันเอง แล้วโยนความผิดมาให้รัฐบาล? หรือพูดอีกอย่างคือ เรากำลังถูกขอร้องให้เชื่อว่าพวกเสื้อแดงฆาตกรรมพวกเดียวกันเอง
ถ้าพวกทหาร-อำมาตย์ รวมหัวกันเชื่อเรื่องตอแหลนี้จริงๆ พวกเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะปกป้องตนเองจากการกระทำที่พวกเขาก่อขึ้นจากการสืบ สวนของคนกลางอิสระ ในขณะที่หลักฐานการกระทำผิดกำลังถูกรวบรวม แค่รักษาความน่าเชื่อถือของพวกเขาเองเอาไว้ พวกเขาก็แย่แล้ว

* PipPipPip
แล้วเขาทราบมั้ยครับ ว่าเนชั่นเคยตัดต่อภาพผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้
แล้วเรื่องที่ตากใบ คนที่ควรต้องรับผิดชอบโดยตรงคือ พล อ พัลลภ ในฐานะที่มีอำนาจสั่งการในเหตุการณ์นั้น โดยที่นายกฯ ในขณะนั้นไม่ทราบเรื่อง
เรื่องที่ว่าทักษิณเป็นอาชญากรมีหมายจับนั้นก็ถูกต้องครับ เพราะคนในประเทศไทยนี้สามารถเป็นอาชญากรได้ทุกคน(ถ้ารัฐบาลประสงค์ให้เป็น เช่นนั้น) และจะมีหมายจับ(แม้จะฟังตลกที่ตัวบุคคลนั้นถูกกักตัวโดยศอฉ ในค่ายทหารอยู่แล้ว..มันยังจะขอให้ศาลออกหมายจับอีก น่าตลกไหมครับ)
เพราะฉะนั้น แม้แต่คนที่ใช้หนังสติ๊กเป็นอาวุธ(แต่บังเอิญอยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาล)ก็จะ เป็นอาชญากรได้โดยง่าย
แต่คนที่ใช้ปืนเป็นอาุวุธ เช่น คนที่อยู่บนรถกระจายเสียงของพธม ถือรูปในหลวง ยิงไปยังปชช ที่ถ.วิภาวดีหน้าวิทยุชุมชนแท๊กซี่
มีภาพหลักฐานใบหน้าชัดเจน
หรือคนที่มีเจตนาฆ่าจนท ตำรวจเช่น ขับรถชนแล้วถอยมาทับซ้ำ กลับไม่ได้รับการติดตามตัวมาดำเนินคดีแต่อย่างใด
แต่คนเสื้อแดงต่อให้คลุมหน้าเป็นไอ้โม่ง สวมผ้าคาด สวมหมวกกันน็อคแต่มีภาพเบลอกำลังเผาสถานที่ ก็สามารถติดตามตัวมาได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน