แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บีบีซีเดินทางไปสัมภาษณ์ชาวบ้าน "แดงอุดร" ชี้ผู้ชุมนุมรู้สึกขมขื่นและสับสน แต่ยังยืนยันพร้อมสู้ต่อ


ราเชล ฮาร์วีย์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปทำรายงานข่าวที่มีชื่อเรื่องว่า "ไทย แลนด์ส เร้ด-เชิร์ตส์ สติลล์ รีลลิ่ง อาฟเตอร์ โพรเทสต์" (กลุ่มคนเสื้อแดงในประเทศไทยยังคงเคว้งคว้างภายหลังการชุมนุมประท้วง) ที่จังหวัดอุดรธานี


รายงานดังกล่าวมีเนื้อหาโดยสังเขปว่า แม้ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครจะได้รับการฟื้นฟูแล้วภายหลังการชุมนุมอันต่อเนื่องยาวนานของ กลุ่มคนเสื้อแดง แต่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย กลุ่มคนเสื้อแดงกลับยังคงดำรงอยู่อย่างเคว้งคว้าง


ชาวบ้านที่ฮาร์วีย์เดินทางไปสัมภาษณ์มีชื่อว่า
"ทองศรี?" (Tongsri) และ "ประจบ?" (Prachob) เธอเจอพวกเขา ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ขณะที่ทั้งคู่กำลังเตรียมตัวเดินทางมาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ จากนั้นฮาร์วีย์ได้พบกับทั้งสองคนอีกครั้งหนึ่งในสถานที่ชุมนุมบริเวณสี่แยก ราชประสงค์

ทองศรีและประจบอยู่ที่กทม.จนถึงช่วงยุติการชุมนุม พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์สงครามกลางเมือง ซึ่งมีกระสุนปืนจากฝ่ายทหารถูกยิงไปยังกลุ่มคนเสื้อแดง


หลังจากเดินทางกลับถึงบ้านที่จังหวัดอุดรธานีด้วยความปลอดภัย ทั้งคู่ก็รู้สึกว่าตนเองต้องพยายามต่อสู้อย่างหนักที่จะให้คำอธิบายต่อ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งผ่านพ้นไป


ในขณะที่พายุฝนในหน้ามรสุมกำลังซัดกระหน่ำเข้าใส่หลังคาบ้านอัน ประกอบไปด้วยสองห้องของพวกเขา ทองศรีและประจบนั่งอยู่บนพื้นคอนกรีตด้านล่างที่รายล้อมไปด้วยเสื้อแดงจำนวน มาก ผ้าคาดหัวสีแดง และธงแดง ซึ่งเป็นเครื่องแบบที่กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลชุดปัจจุบันรักและหวงแหน เป็นอย่างยิ่ง


"ทำไมมันจึงยากเย็นนักกว่าจะได้ ประชาธิปไตยที่แท้จริง?" "อะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย?" ทองศรีถามฮาร์วีย์ ด้วยสีหน้าที่ผสมปนเปกันระหว่างความขมขื่นและ ความสับสนงุนงง ก่อนจะกล่าวว่า "ฉัน รับไม่ได้ที่พวกเขาใช้ทหารออกมาเข่นฆ่าประชาชน"


ในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากข่าวการใช้กองกำลังทหารปฎิบัติการยึดพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อ แดงที่ราชประสงค์แพร่กระจายออกไป กลุ่มคนเสื้อแดงในอุดรธานีก็ได้ระบายความไม่พอใจทั้งหมดลงไปที่สัญลักษณ์ของ อำนาจแห่งรัฐบาลซึ่งปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดที่สุดในจังหวัดแห่งนี้ นั่นคือ ศาลากลางจังหวัด ที่ถูกเผาไหม้เสียหายในเวลาต่อมา


ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าความรุนแรง ณ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เกิดขึ้นโดยไตร่ตรองเอาไว้ก่อน หรือเกิดขึ้นเองโดยสัญชาตญาณอย่างฉับพลันทันใด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นได้แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังอย่างแท้จริงที่ดำรงอยู่ เบื้องหลังเหตุรุนแรงดังกล่าว


"พวกเขาเก็บกักอารมณ์ความรู้สึกเช่น นี้ไว้มาเนิ่นนานหลายปี" วิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีกล่าวกับผู้สื่อข่าวบีบีซีและว่า "จังหวัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของเสื้อแดง จึงต้องใช้เวลาอีกนานในการจัดการกับขบวนการดังกล่าว"


ย้อนหลังกลับไปในเดือนมีนาคม คนเสื้อแดงที่อุดรธานีต่างรู้สึกกระตือรือร้น และเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ในปัจจุบัน แม้แต่ศูนย์กลางชุมชนที่ถูกใช้เป็นสถานที่เก็บรวบรวม ของบริจาคให้แก่คนเสื้อแดง รวมทั้งเป็นที่ประชุมวางแผนในการเคลื่อนไหว ก็แทบจะถูกทิ้งไว้ให้รกร้างว่างเปล่า


รูปภาพของฝูงชนเสื้อแดงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยังคงถูกติดไว้ที่ฝาผนัง ห้องของศูนย์กลางชุมชนดังกล่าว หลายรูปเป็นภาพของประธานชมรมคนรักอุดรฯ
"ขวัญชัย ไพรพนา" ที่กำลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกัน ประตูของสถานีวิทยุท้องถิ่นก็ถูกปิดตาย ด้วยคำสั่งของรัฐบาลภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


มีผู้หวาดกลัวว่าเมื่อปราศจากที่นัดพบปะกันอย่างเปิดเผยเป็นทางการ แล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงจะตัดสินใจ
"ลงใต้ดิน" และดำเนินการต่อสู้ทางการเมืองอย่าง "ถอน รากถอนโคน" มากยิ่งขึ้น


แม้รัฐบาลได้ประกาศว่าจะดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ตนเองนิยามว่าเป็น "ผู้ ก่อการร้าย" เพียงเท่านั้น และจะดำเนินการเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงที่รักสันติ ซึ่งมีเรื่องราวอึดอัดคับข้องใจอย่างแท้จริง ตามโรดแมปแผนปรองดองแห่งชาติ


ทว่าในความเห็นของฮาร์วีย์ หากหวังจะให้โรดแมปดังกล่าวเดินทางไปสู่ปลายทางแห่งความสำเร็จ
รัฐบาลก็ต้องพยายามโน้มน้าวใจชาวบ้านอย่างทองศรีและประจบ ให้ได้เสียก่อน


ย้อนกลับไปยังที่ดินส่วนตัวขนาดเล็ก ๆ ของทองศรีและประจบ ประจบกำลังเล่นดนตรีพื้นบ้านให้ฮาร์วีย์ได้รับฟัง ด้วยพิณสองสายซึ่งเขาประดิษฐ์ขึ้นเอง


บางครั้ง ชาวกรุงเทพฯก็ดูถูกเยาะเย้ยเพลงชนิดนี้ว่าเป็น
"ดนตรีของคนบ้านนอก" แน่นอนนี่ เป็นอีกหนึ่งความอึดอัดคับข้องใจที่ชาวบ้านแถวภาคอีสานรู้สึก


"ฉันพร้อมที่จะต่อสู้อีกครั้ง" ทองศรีกล่าวขณะกำลังกำจัดวัชพืชบนที่ดินของตนเอง "ถ้ามีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอีกครั้ง ฉันก็จะไปเข้าร่วม ฉันไม่สามารถหยุดยั้งการต่อสู้ของตนเองเอาไว้ได้ในตอนนี้"


ฮาร์วีย์สรุปปิดท้ายรายงานข่าวของเธอว่า ความแตกแยกร้าวลึก ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งถูกเปิดเผยออกมาผ่านความโหดร้ายรุนแรงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนโดยกลุ่ม ผู้ประท้วงที่มีความรู้สึกขมขื่นนั้น ยังคงดำรงอยู่อย่างห่างไกลจากสภาวะที่จะได้รับการรักษาเยียวยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน