ลุงยิ้ม ตาสว่าง
คำขอโทษจากปากนายกรัฐมนตรีกรณีมีผู้เสียชีวิต 91 ศพยังไม่เคยเกิดขึ้นและการออกมาพูดจาด้วยรอยยิ้มเสมือนไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น
สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่รัฐบาลพยายามมุ่งเน้นที่จะแสวงหา “ความปรองดอง” อยู่ในขณะนี้นั้น เราเห็นว่าเป็นความปรองดองโดยวิธีการบีบบังคับ มิใช่ความปรองดองอันแท้จริงตามระบอบประชาธิปไตย หากแต่เป็นอำนาจเผด็จการที่ชนชั้นปกครองในระบบการเมืองอาศัยอำนาจ หน้าที่ กดขี่ข่มเหงน้ำใจคนที่มีความคิดแตกต่าง โดยหยิบยื่นข้อกล่าวหาผู้ก่อการร้ายและกระทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อให้ตนเอง และพวกพ้องนั่งอยู่ในอำนาจเพื่อแสวงหาประโยชน์จากเงินภาษีของประชาชน ดังจะเห็นได้จากปัญหาคอรัปชั่นที่เพิ่มสูงขึ้นยิ่งกว่ายุคใดสมัยใด ทั้งทุจริตซึ่งหน้าและทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โครงการชุมชนพอเพียง” เห็นได้ว่าเป็นการฉ้อราชและบังหลวงโดยนำเอากระแสพระราชดำรัสมาบดบังการ คอรัปชั่น เช่น ตู้น้ำประปาหยอดเหรียญ เป็นต้น
วันนี้ไม่ว่ากระบวนการปรองดองที่ฝ่ายรัฐบาลจะเจรจากับกลุ่มคนหรือบุคคลหนึ่ง บุคลใดก็ตามแต่ ยังไม่เป็นรูปธรรมเพราะขาดความจริงใจ จะเห็นได้จากการยัดเยียดข้อกล่าวหาผู้ก่อการร้ายให้กับแกนนำกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน, การกักขัง จำคุก พันธนาการด้วยโซ่ตรวน การไล่ล่าแกนนำต่างจังหวัด การที่ปรากฏว่ามีแกนนำต่างจังหวัดหรือการ์ด นปช.เสียชีวิตด้วยการฆาตรกรรมโดยไม่มีการติดตามคดีให้คืบหน้า จึงถือว่าเป็นภัยคุกคามสิทธิมนุษยชนที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น
“คำขอโทษโดยนายกรัฐมนตรีกรณีกระชับวงล้อมมีผู้บาดเจ็บกว่า 2 พันรายยังไม่ปรากฎในสื่อใด ๆ คำขอโทษจากปากนายกรัฐมนตรีกรณีมีผู้เสียชีวิต 91 ศพยังไม่เคยเกิดขึ้นและการออกมาพูดจาด้วยรอยยิ้มเสมือนไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด เกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่ต่อต้านเผด็จการจะทน เห็นพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่เดินย้ำกองเลือดประชาชนและนั่งอยู่ใน ตำแหน่งเพื่อบริหารประเทศต่อไป
การออกรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งแล้วพยายามอธิบายความว่า “คนเสื้อแดงต้องหยุด นักการเมืองต้องเดินหาเสียงไปได้ทุกที่อย่างปลอดภัย แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในสังคม ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกของพี่น้องในต่างจังหวัด หากนายกรัฐมนตรียังเข้าใจว่ามีใครสามารถออกคำสั่งให้ประชาชนหยุดคิด หยุดเกลียดชังนายกรัฐมนตรีที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือหยุดเกลียดชังกองทัพ จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาต้องบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า “นายกฯ คิดผิดมหันต์” คนในหมู่บ้านหนึ่งตายเพราะมาบอกให้ท่านยุบสภา คนใน 91 ครอบครัวตายเพียงเพราะบอกให้ท่านยุบสภา คนกว่า 2 พันคนบาดเจ็บสูญเสียอวัยวะ ตา แขน ขา พิการ เพราะหลงเชื่อในสัจจะหรือวาทะกรรมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะสมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่กล่าวว่า “ไม่ว่าจะหนึ่งคนหรือแสนคนรัฐบาลต้องฟัง” เมื่อพี่น้องของเขาตายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมด้วยคำสั่งจากปลายปากกาและ การแถลงข่าวของตัวท่านเองและ ศอฉ. ท่านจึงไม่สามารถจะให้ใครสั่งประชาชนให้หยุดคิดเรื่องเหล่านี้ได้ ความปลอดภัยของตัวท่านที่คาดหวังว่าจะเดินหาเสียงอย่างสง่างามนั้น ชาตินี้คงไม่มีโอกาสเพราะประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวจะไม่ให้โอกาสกับผู้ บริหารที่ปรากฎว่ามีคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
ดังนั้น ท่ามกลางบรรยากาศความปรองดองที่มีแต่วาทะกรรมฝ่ายเดียวของรัฐบาล หรือท่าทีของพรรคฝ่ายค้านที่จำเป็นต้องเดินหน้าสู่แผนความปรองดองเพื่อหลุด พ้นเงื้อมมืออำมาตยาธิปไตยในยุคมืดของสังคมไทย “ประชาชนส่วนใหญ่ที่สวมเสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” จะไม่ขัดขวาง แต่ไม่ขอรับรู้ในทุก ๆ วาทะกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ในทางกลับกันสิ่งที่จำเป็นต้องเรียกร้องต่อสังคมไทย คือ
1.ดำเนินคดีกับฆาตรกรที่สั่งฆ่าประชาชนตามคลิปวีดีโอที่เผยแพร่อย่างแพร่ หลายใน Internet ทหารที่เล็งสไนเปอร์แล้วมีคนชี้เป้า ทั้งคู่ต้องถูกดำเนินคดีโทษประหารชีวิต, ทหารที่ถือปืนเดินอยู่บนรางรถไฟฟ้ายิงคนที่วัดปทุม มีภาพชัดเจน ต้องถูกดำเนินคดีและประหารชีวิต
2.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถดับเพลิงที่ไม่ยอมดับไฟบริเวณ CTW เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ปล่อยให้ลุกไหม้จนกลายเป็นหายนะกลางเมืองหลวง ต้องไล่ออกและดำเนินคดี
3.นายกรัฐมนตรี ต้องลงมากราบเท้าขอขมาครอบครัวของวีรชน ในฐานะผู้กำกับดูแลการสั่งสลายการชุมนุม
4.ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกคุมขังให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับกลุ่มพันธมิตร
5.คืนอำนาจให้ประชาชน ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ก่อนวันที่ 5 ธันวาคม อันเป็นวันมหามงคลของชาวไทยทั้งชาติ
ห้าข้อที่กล่าวมานั้นจะนำมาซึ่งความปรองดองที่ประชาชนจะช่วยนับหนึ่งพร้อม กัน ทั้งนี้เราเข้าใจดีว่าข้อเรียกร้องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นภายใต้การนำของนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า “ท่านขาดภาวะผู้นำและขาดความรับผิดชอบต่อคนไทย ถือว่าหนักยิ่งกว่าจอมพลถนอม กิตติขจร ในยุคสมัยหนึ่งเสียด้วยซ้ำไป...
ด้วยความที่ไม่เห็นท่าทีจากรัฐบาลที่จะแสดงความจริงใจดังกล่าว สมาชิกในโลกไซเบอร์ทั้ง Facebook, Twiter และเว็บไซด์ที่ต่อต้านเผด็จการ จึงร่วมกันทวงคืนความยุติธรรมให้กับ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษา และ 19 พฤษภาคม โดยจัดโครงการ “คาราวานทัวร์นกขมิ้น 91 วัน แฉ 91 ศพ” เพื่อออกเดินทางตลอดระยะเวลา 91 วันทุกพื้นที่ของประเทศไทยโดยไม่แจ้งกำหนดการณ์ล่วงหน้า ขบวนแห่โลงแดงเกียรติยศ, การรับผ้าแดง 91 ผืนสัญลักษณ์แห่งวีรชนจากทุกจังหวัด, การฉายหนังกลางแปลงคลิปสลายการชุมนุม ภาพทหารฆ่าประชาชน, การปราศรัยหรือเสวนาโดยประชาชนทั่วประเทศ
เพื่อตอกย้ำความรู้สึกประชาชนมือเปล่าที่ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม เพื่อแสดงออกและต่อต้านอำนาจเผด็จการอย่างจริงจัง โดยไม่สนใจละครปรองดองแผนตบตาที่จะปลดแอก
ฆาตรกร จึงเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศเตรียมต้อนรับขวนแห่เกียรติยศนี้โดยพร้อมเพรียงกันทั้งแผ่นดิน
ลุงยิ้ม ตาสว่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น