แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คลิปลับคำสั่งไม่ให้ยุบประชาธิปัตย์

คลิปลับคำสั่งไม่ให้ยุบประชาธิปัตย์
ที่มา มติชนออนไลน์

เปิดคลิปลับ!ล็อบบี้คดียุบพรรคปชป.ทางYoutubeมี5ตอนอ้างมีผู้ใหญ่เดินเกมเจรจาให้โฆษกพท.เปิดโชว์พรุ่งนี้

แพร่คลิปลับต่อรอง "ตุลาการรัฐธรรมนูญ"ไม่ยุบ"ประชาธิปัตย์"ว่อนเน็ต อ้างผุใหญ่เดินเกมเจรจา ทีมโฆษกปชป.รุมซัด"เพื่อไทย"เล่นสกปรก ใส่ร้าย กดดันศาล "จรัญ"คาดฝีมือจนท.แอบถ่าย เผยถกคดีสำคัญห้ามเจ้าหน้าที่เข้าฟัง "มาร์ค" พอใจสู้คดียุบพรรค แต่ห่วงการเมืองกดดันศาล สั่งทีมกม.รวบข้อมูลแจงประชาชน "พท."ชี้นายกฯสู้คดีมุ่งทำลายน้ำหนักพยาน มากกว่าข้อเท้จจริง



เปิดคลิปลับ! ล็อบบี้คดียุบพรรคปชป.ทางYoutubeแล้ว มี5ตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ มีการเผยแพร่ คลิปลับกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ ทางเว็บไซต์ Youtube แล้ว ซึ่งเป็นคลิป ที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่า เป็นการวิ่งเต้นในคดีนี้ของ ส.ส. ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็น แกนนำ กรรมการบริหารพรรค และเป็นหนึ่งในทีมทนายในการสู้คดียุบพรรค เป็นคนไปเข้าพบ ผู้ใหญ่ระดับบิ๊กคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนสนิทของประธานศาลรัฐธรรมนูญโดยตำแหน่ง โดยคลิปลับดังกล่าว มีทั้งหมด 5 ตอน โดยเริ่มเผยแพร่ เมื่อเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา

คลิกดู คลิปลับดังกล่าวได้ที่ เว็บ Youtube
โดยตอนแรกเป็นภาพนิ่ง ให้เห็นถึงการพบกับผู้ใหญ่ระดับสูง ตอนที่ 2-5 เป็นการสนทนากับคนสนิทของศาลรธน. โดยตอนที่ 2 ความยาว 8 นาที ตอนที่ 3 ความยาว 11 นาที ตอนที่ 4 ความยาว 11 นาที ตอนที่ 5 ความยาว 11 นาที ผู้ที่เผยแพร่คลิปลับดังกล่าว ใช้ชื่อว่า " ohmygod3009 "สรุปสาระของแต่ละตอนว่า

ตอนที่ 1 ซึ่งเป็นภาพ"ผู้ใหญ่" พบและปรึกษาหารือบิ๊กตุลาการบางคน โดยอ้างว่า เป็นการพบเพื่อให้ช่วยไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ โดยรับปากว่า หากผ่านวิกฤตนี้ได้จะปูนบำเหน็จด้วยตำแหน่งที่สูงส่ง

ตอนที่ 2 เป็นคลิปและคำสนทนาของส.ส.ในฐานะตัวแทนฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง นัดพบเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อปรึกษาการเตรียมการให้กกต.ที่ให้การเป็นคุณ ในการอ้างข้อกฎหมาย เพื่อให้พรรคไม่ถูกยุบ

ตอนที่ 3 เป็นคลิปตุลาการบางคนปรึกษาหารือเพื่อจะอ้างคำให้การของนายอภิชาต เพื่ออ้างว่ามีอำนาจทำได้และพ่วงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ตอนที่ 4 เป็นคลิปคำพูดหลายคำของวงปรึกษาหารือที่ซ่อนนัยยะหากตัดสินไม่ยุบประชาธิปัตย์ เกรงจะมีข้อครหานินทา จึงจะดึงนายอภิชาตมาร่วมรับในสองมาตรฐาน

ตอนที่ 5 เป็นทรรศนะของตุลาการรัฐธรรมนูญบางคนที่มีต่อ ส.ส.เพื่อไทย ใช้คำว่า "มัน"ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อ


"จรัญ"คาดฝีมือจนท.ถ่าย

ด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีปรากฎคลิปภาพและเสียงบนเว็บไซต์ การประชุมหารือ
ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ยังไม่ได้ดูคลิปดังกล่าว แต่โดยปกติแล้วเวลาตุลาการประชุมหารือข้อกฎหมายจะมีเจ้าหน้าที่นั่งในที่ ประชุมด้วย จึงไม่ทราบว่ามีการบันทึกภาพหรือเสียง ทั้งนี้ หากเป็นกรณีประชุมคดีสำคัญมากๆ ตุลาการจะไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมด้วย

"ตุลาการไม่มีสิทธิห้ามให้บุคคลใดเข้าพบ หรือมาเยี่ยม แต่จะมีวิธีการของแต่ละคน ที่ต้องระมัดระวังต้อง ไม่ให้กลายเป็นที่ครหาได้ แต่โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่จะคอยกรองบุคคล เข้าพบเบื้องต้นอยู่แล้ว"นายจรัญกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คลิปที่เผยแพร่ ซึ่งมีท่านนั่งเป็นลักษณะการแอบถ่าย นายจรัญหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า "คงเป็นเจ้าหน้าที่ เพราะเวลาประชุมข้อกฎหมาย ก็จะมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่เต็มห้อง"


ชี้"มาร์ค"ให้การมุ่งลดน้ำหนักพยาน

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 18 ตุลาคม ว่าคณะทำงานติดตามคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ของพรรคเพื่อไทยพบว่าบันทึกคำให้การของนายอภิสิทธิ์ พบว่าคำให้การของนายอภิสิทธิ์ไม่พูดถึงข้อเท็จจริงในคดีเลย ในการรับเงินจ่ายเงิน แต่จะเน้นหนักในเรื่องการมุ่งทำลายน้ำหนักของพยานหลักฐานตามที่ทีมทนายความ ของพรรคประชาธิปัตย์ได้วางแผนไว้

"ซึ่งคณะทำงานฯเห็นว่าเมื่อพิจารณาพยานทั้งหมดของฝ่ายของประชาธิปัตย์ ไม่มีพยานปากไหนกล้าพูดไปถึงเนื้อหาของคดีตามคำร้องของนายทะเบียนพรรคการ เมือง แต่จะออกไปเป็นแนวทางเดียวกันคือการต่อสู้ในข้อกฎหมาย ว่านายทะเบียนไม่มีอำนาจยื่นคำร้องและพยานหลักฐานที่ได้มาโดยไม่ชอบ รวมถึงการทำลายน้ำหนักความน่าเชื่อถือของพยาน" นายพร้อมพงศ์กล่าว

จี้ตอบ4ปมให้กระจ่าง

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ต้องตอบคำถามดังต่อไปนี้

1. นายอภิสิทธิ์ยังยืนยันข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่นายบัณทิต ศิริพันธุ์ ทนายความพรรคประชาธิปัตย์แนะนำให้ต่อสู้คดีว่า นับแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติให้เงินสนับสนุน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 วินาทีนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถทำป้ายได้เลย นายอภิสิทธิ์ยังยืนยันตามข้อต่อสู้นั้นอยู่หรือไม่

2.หากยืนยัน นายอภิสิทธิ์ในฐานะเป็นรองหัวหน้าพรรคในขณะนั้น ได้รับทราบหนังสือจาก กกต. ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 หรือไม่ เรื่องแนวทางการใช้จ่ายเงินสนับสนุนภายหลังที่ กกต. อนุมัติว่าหากจะเปลี่ยนแปลงโครงการต้องขออนุมัติก่อนหรือไม่ หากรับทราบ ทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่ กกต.กำหนด ถือเป็นเจตนาฝ่าฝืนระเบียบ กกต.หรือไม่

3.หากเห็นว่าข้อแนะนำของนายบัณฑิตที่ให้สู้คดีถูกต้อง เพราะเหตุใดนายอภิสิทธิ์ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค จึงมีมติและทำหนังสือ ลงวันที่ 10 มกราคม 2548 ขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงการ ทำไมถึงต้องทำหนังสือขอ หากคิดว่าพรรคตนเองมีสิทธิดำเนินการ ทำไมต้องมาขอแก้ไข และ

4.จากหนังสือ วันที่ 10 มกราคม 2548 เป็นที่เข้าใจดีว่านายอภิสิทธิ์และกรรมการบริหารพรรค รู้ดีว่าต้องขอแก้ไขก่อน เพราะเหตุใดจึงยอมให้พรรคประชาธิปัตย์สั่งจ่ายเช็ค ลงวันที่ 10 มกราคม 2548 จำนวนเงิน 23 ล้านบาทเศษ ให้กับ บริษัท เมซไซอะฯ และ 2 ล้านบาทเศษ ให้กับ เป๋ โปสเตอร์ ทั้งที่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่ง กกต. ฉบับลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547

แฉมีคลิปส.ส.ปชป.ล็อบบี้ซี้ตุลาการ

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ได้รับข้อมูลว่า มีการวิ่งเต้นในคดีนี้จาก ส.ส. ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นแกนนำ กรรมการบริหารพรรค และเป็นหนึ่งในทีมทนายในการสู้คดียุบพรรค เป็นคนไปเข้าพบบิ๊กคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทของประธานศาลรัฐธรรมนูญโดยตำแหน่ง ซึ่งมีคลิปภาพ และเสียงที่ไปวิ่งเต้นคดีเพื่อไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ ถูกยุบ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างโจ่งแจ้ง ของ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและฝ่าฝืนต่อจริยธรรม อย่างร้ายแรง ซึ่งเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญ และพรรคประชาธิปัตย์ ต้องร่วมกันรับผิดชอบ เพราะปล่อยให้คู่กรณีในคดีมาวิ่งเต้นในเรื่องที่เกี่ยวกับคดีที่กำลัง พิจารณาเพราะจะทำให้การพิจารณาคดี ซึ่งส่งผลต่อรูปคดีได้

นัดแฉคลิปฉาว17ตุลาฯ

"เรื่องนี้ต้องมีผู้ใหญ่ระดับสูงทั้งสองฝ่ายรู้เห็นเป็นใจ เพื่อส่งตัวแทนมาตกลงกัน ซึ่งสันนิษฐานจากหลักฐานที่ได้มาว่า เป็นการวางแผนในการเบิกความสู้ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นพฤติกรรมของพรรค ปชป. และทีมกฎหมาย ที่มักสร้างภาพต่อสังคมว่า พวกตนเองไม่ผิด แต่ในคลิปหลักฐานกลับยืนยันว่า มีการวิ่งเต้นคดี ซึ่งถ้าไม่ผิดจริง จะวิ่งเต้นคดีทำไม ซึ่งผมจะเปิดคลิปดังกล่าวในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ อาจจะมีการร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์รอบ 2 และยื่นถอดถอน ส.ส.คนนี้ด้วย"นายพร้อมพงศ์กล่าว

พอใจสู้คดียุบพรรคฯห่วงกดดันศาล

เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท รีเจนท์ บีช ชะอำ จ. เพชรบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานพิธีเปิดสัมมนารวมพลังสร้างสรรค์กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยมี ส.ส.เขต ส.ส.สัดส่วน สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) และผู้บริหาร กทม.เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า ในวันที่ 18 ตุลาคม ตน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.กทม. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกรรมการบริหารในขณะนั้นจะขึ้นเป็นพยานไต่สวนยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็น 4 ปากสุดท้าย หากศาลไม่เรียกบุคคลมาเป็นพยานเพิ่มเติมก็จบ คาดว่าในเดือนพฤศจิกายนศาลจะอ่านคำวินิจฉัยได้

"ผมไม่อยู่ในฐานะจะบอกว่าเราจะแพ้หรือชนะในคดีนี้ แต่ที่ผ่านมาเราพอใจในการชี้แจงข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือทำอย่างไรไม่ให้การเมืองมายุ่ง เพราะมีความพยายามจะกดดัน ซึ่งเขาทำเป็นกระบวนการ บางคนไม่รู้ข้อเท็จจริงไม่รู้ข้อกฎหมายด้วยซ้ำ แต่พูดอย่างเดียวถ้าไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์แสดงว่าสองมาตรฐาน" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า จึงขอให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคไปรวบรวมข้อเท็จจริงของคดีและคำให้การต่อศาลทั้ง หมด โดยเปรียบเทียบกับคดียุบพรรคการเมืองอื่นๆ แล้วจัดทำเป็นข้อมูลมาตรฐานเพื่อเผยแพร่ให้กับสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป ให้รับทราบ ยืนยันว่าเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นการละเมิดศาลหรือกดดันศาล

ชี้ถ้าหลุด-ติดพ่วงทั้ง2คดี

"วันนี้มีคนคิดว่า เมื่อร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ ก็มากดดันศาลได้ แต่ไม่ควรเป็นอย่างนั้น ศาลต้องตัดสินตามเนื้อผ้า ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ซึ่งหลังหมดคดี 29 ล้านบาทแล้วจะเริ่มคดี 258 ล้านบาท ซึ่งมีความคาบเกี่ยวกับมาก และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือว่าผูกพันทุกองค์กร ดังนั้น โอกาสน้อยมากที่คดีแรกและคดีที่สองจะตัดสินต่างกัน เพราะข้อเท็จจริงและพยานแทบจะเป็นชุดเดียวกัน ดังนั้น ถ้าชนะคดีแรก ก็ชนะคดีที่สอง แต่ถ้าคดีแรกถูกยุบ คดีที่สองก็ถูกยุบ แต่ไม่ได้โดนตัดสิทธิ์ 10 ปี โดนอย่างมากก็ 5 ปี แต่คนที่โดนอาจต่างกัน" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ปชป.ท้าเพื่อไทยเปิดคลิปล็อบบี้ศาลรธน. เย้ยแค่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย

นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุจะเปิดคลิปแฉพฤติกรรมลอบบี้ศาลรัฐ ธรรมนูญในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า คิดว่าเป็นการเสียมารยาทมาก และถือว่าเป็นจิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้ให้การที่เป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มีเหตุผล

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการกระทำที่น่ารังเกียจเหล่านี้ทั้งสิ้น ทั้งการไปพูดคุย การลอบบี้ศาลรัฐธรรมนูญให้มีผลกับการตัดสิน เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ในยามที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ได้แต่เฝ้าดู ไม่เคยไปให้ความเห็นในทางที่กดดัน เราต่อสู้คดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นไปตามกระบวนการ และพร้อมยอมรับในคำตัดสินของศาล

นายสาธิต กล่าวว่า ตนขอท้าให้พรรคเพื่อไทยเปิดคลิปดังกล่าว ซึ่งตนมั่นใจว่าคนของพรรคทุกคนไม่มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา ดังนั้น จึงอยากขอเตือนว่าอย่าเปิดคลิปตัดต่อเหมือนคลิปตัดต่อเสียงของนายกฯ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีความชำนาญในเรื่องแบบนี้

ปชป.ซัดพท.เล่นสกปรกปล่อยข่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ระบุถึงคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวหาว่าทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถตอบข้อเท็จจริงได้ จึงไปให้ ส.ส.อักษร ว. ไปวิ่งเต้นกับศาลรัฐธรรมนูญอักษร พ. เพื่อให้ช่วยเหลือทางคดีว่า ใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์และศาลรัฐธรรมนูญอย่างน่าละอายทีมกฎหมายพรรคได้ ต่อสู้คดีโดยหักล้างข้อมูลของพยานฝ่ายผู้ร้องจนหมดสิ้นทุกประเด็น และยังแสดงเอกสารสำคัญๆ ครบถ้วนทุกประการ จนทำให้พรรคเพื่อไทยที่ตั้งธงจะยุบพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ รู้สึกหวั่นไหว ในที่สุดพรรคเพื่อไทยจึงใช้วิธีสกปรก ปล่อยข่าวและใส่ร้ายทั้งศาลรัฐธรรมนูญและพรรคประชาธิปัตย์

"โฆษกพท."ละเมิดอำนาจศาล


นายเทพไทกล่าวว่า อยากถามว่า คนอักษร ว.และ พ. ที่กล่าวอ้างหมายถึงใคร ถ้าแน่จริงมีพยานหลักฐานหรือมีคลิปจริงก็ให้ระบุมาให้ชัดเจน ขอท้าให้นำไปกล่าวโทษร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลนั้นได้ทันที แต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องเท็จ พรรคเพื่อไทยจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญไปพิจารณาดูข้อกฎหมายว่าการกระทำดังกล่าวของนายพร้อม พงศ์เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลหรือหมิ่นประมาทศาลหรือไม่ เพราะพฤติกรรมเช่นนี้นายพร้อมพงศ์ได้เคยใช้กระทำต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบาง คนสำเร็จมาแล้ว จนตุลาการท่านนั้นต้องถอนตัวจากองค์คณะผู้พิจารณาคดี และหันมาฟ้องนายพร้อมพงศ์แทนจึงเป็นการบั่นทอนและทำลายความน่าเชื่อถือของ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามแผนการที่วางไว้
"จึงขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยยุติการเคลื่อนไหวโดยใช้แนวทางวิชามารที่มี ความถนัดใส่ร้ายปล่อยข่าว พาดพิงสร้างกระแสให้สถาบันและคนอื่นเสียหาย แล้วไปต่อสู้คดีในข้อหาหมิ่นประมาทดาบหน้า ให้หันมาเล่นการเมืองที่สร้างสรรค์ตรงไปตรงมา"นายเทพไทกล่าว

"ชวน"ห้ามทีมกม.คุยโม้รอดยุบ

ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 18 ตุลาคมจะนัดสืบพยานคดียุบพรรคอีกครั้ง รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ ด้วย จากนั้นคงต้องรอว่าศาลให้ดำเนินการเช่นไร หากสืบพยานเสร็จและไม่มีอะไรเพิ่มเติม คงจะให้เวลายื่นแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งต้องรอศาลกำหนดระยะเวลา หลังจากนั้นหากไม่มีอะไรเพิ่มเติมจะนัดฟังคำวินิจฉัยตัดสินได้ สำหรับความมั่นใจของทีมกฎหมายมีความพอใจ แต่ได้ขอร้องและห้ามทุกคนในทีมกฎหมายพูดอะไรที่ไม่ให้เกียรติศาล เช่น คดีนี้สบาย รอดยุบแน่ เพราะจะทำให้เกิดความกดดัน อย่างที่เห็นและเป็นที่ทราบกันที่มีความพยายามของบางฝ่ายทำให้เกิดความกดดัน กับศาล เช่น ใช้คำว่าหากประชาธิปัตย์ชนะแสดงว่ากระบวนการยุติธรรมมี 2 มาตรฐาน หรือหากไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แสดงว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ยุติธรรม เป็นต้น


นายชวนกล่าวอีกว่า เสียดายที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 ท่าน จาก 9 ท่าน ถอนตัวออกไปเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ น่าเสียดายตรงที่มีคนพยายามเรียกว่าใช้การฝ่าไฟแดง คือ พูดโดยยอมให้ถูกฟ้อง ซึ่งจะกลายเป็นคู่กรณีกันไป เมื่อเป็นเช่นนั้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงต้องถอนตัว เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นปัจจุบันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงเหลือเพียง 7 ท่าน แต่คณะทำงานพอใจผลการพิจารณาคดีตลอดระยะ
เวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน


ลิงค์คลิป http://www.youtube.com/view_play_list?p=EBD5A93F2D8F13FE


.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน