วันนี้ ศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่ และชาวเชียงใหม่ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต้อนรับ และอ่านแถลงการณ์ ต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ที่จะเดินทางมารับตำแหน่งใหม่ในวันนี้ ถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นคนสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรที่สำคัญคนหนึ่ง แต่พอทราบข่าวว่าขณะนี้ได้มีประชาชนคนเสื้อแดงเชียงใหม่เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อยื่นหนังสือและรอต้อนรับ ท่านผู้ว่าคนใหม่ที่กำลังตระเวนสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆของจังหวัด ก็ปลีกตัวเปลี่ยนแผนเปลี่ยนเส้นทางมุ่งเข้าศาลากลางจังหวัดทันที เพื่อร่วมพูดคุยกับพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดง นับว่าท่านเป็นนักปกครองที่เข้าใจมวลชน ก็ต้องลองดูกันต่อไปว่าท่านจะทำงานได้ดีกว่าผู้ว่าคนเก่า ที่มีวิสัยทัศน์ในการรักษาเก้าอี้และที่ทำงาน โดยเปลี่ยนศาลากลางให้ไปเป็นคุกที่คุมขังตัวเองและข้าราชการลูกน้อง เป็นที่น่าหัวร่อของผู้ที่พบเห็น ได้หรือไม่
..............................................................................
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่
ที่ 027 / 2553
วันที่ 4 ตุลาคม 2553
เรื่อง ยินดีต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
เรียน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
สิ่งที่แนบ แถลงการณ์ของ ประชาชนชาวเชียงใหม่ผู้รักความเป็นธรรมและรักประชาธิปไตย
ตามที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตามคำสั่งแต่งตั้งจากกระทรวงมหาดไทย และจากการที่ปัจจุบันนี้ประเทศชาติของเราเกิดวิกฤตปัญหาทางการเมืองมีความแตกแยกทางความคิดเป็นฝักเป็นฝ่าย โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่มีกระแสการเมืองที่แข็งแกร่ง มีกลุ่มบุคคลและกลุ่มการเมืองอยู่มากมายหลายกลุ่ม มีการต่อสู้ทางความคิดและการรวมตัวแสดงพลังกันอยู่เป็นประจำในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุสุดวิสัยที่จะทำให้บ้านเมืองไม่มีความสันติสุข เพราะที่ผ่านมาคนเชียงใหม่ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ล้วนมีความเข้าอกเข้าใจต่อกัน มีการประสานงานกัน และร่วมมือกัน ในการแสดงออกตามแนวทางประชาธิปไตยตามกฎหมาย ร่วมกันสร้างความรักความสามัคคี สร้างความสงบสุข ภายในจังหวัดเชียงใหม่ของเรา
ในการมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ของท่านในครั้งนี้ เราประชาชนชาวเชียงใหม่คาดหวังอย่างยิ่งว่า ท่านผู้มีสายเลือดของ องค์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้ทรงริเริ่มก่อตั้งและทรงเป็นปฐมเสนาบดีพระองค์แรกของกระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้สร้างนิมิตหมายอันดีในการเป็นผู้ว่าราชการที่คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุข พัฒนาท้องถิ่น สร้างขวัญกำลังใจ สร้างความรักความสามัคคี ให้แก่ราษฎรประชาชนชาวเชียงใหม่
เราประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่จึงยินดีต้อนรับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในการมาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
ประชาชนชาวเชียงใหม่ผู้รักความเป็นธรรมและรักประชาธิปไตย
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่
..........................................
แถลงการณ์
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่
เรื่อง ยินดีต้อนรับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คนใหม่
ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้ง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เราประชาชนชาวเชียงใหม่ ยินดีต้อนรับท่านผู้ว่าคนใหม่ ผู้ที่จะมาเป็นพ่อเมืองเชียงใหม่ มาเป็นผู้นำในการพัฒนาสร้างเมืองเชียงใหม่ให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ การเมือง สร้างความรักความสามัคคี และความสงบสุขร่มเย็น ต่อจังหวัดเชียงใหม่
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ ที่ท่านดำรงตำแหน่งอื่น เช่นเป็นโฆษกกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จะมีข่าวว่าท่านสนับสนุนต่อบางกลุ่ม ไม่ชอบใจต่อบางกลุ่ม จะเพราะเหตุผลที่ไม่อาจกล่าวถึงอย่างไรก็ดี แต่เราประชาชนชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่ ผู้ที่รักและเคารพต่อ อดีตนายกรัฐมนตรีคนเชียงใหม่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นวีรบุรุษขวัญใจคนรากหญ้าทั่วประเทศ ก็คาดหวังว่าด้วยจิตใจของผู้ใหญ่ และจิตใจของผู้บริหาร จิตใจของชาวมหาดไทย และหลังจากได้ร่วมมือทำงานกับประชาชนชาวเชียงใหม่แล้ว เราจะได้เห็นการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข ที่จริงจังและจริงใจจากท่าน ผู้มีสายเลือดสิงห์มหาดไทยอย่างเข้มข้น
ประชาชนคนเสื้อแดงเชียงใหม่ในนามศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่ เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวกันของพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ทุกอำเภอ เป็นผู้ประสานงานในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย และต่อต้านการใช้อำนาจเผด็จการ มาตั้งแต่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่เราบ่งชี้ว่าเป็นจุดกำเนิดของวิกฤติการณ์ทางการเมืองของประเทศชาติของเราอยู่ในขณะนี้ การรัฐประหารในครั้งนั้นนอกจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้แล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาทุกอย่างให้แย่ลงกว่าเดิม สิ่งที่จะเป็นคุณประโยชน์ของการรัฐประหารมีอยู่อย่างเดียว คือการปลุกจิตสำนึกของประชาชนผู้รักชาติได้ตระหนักว่าระบอบประชาธิปไตยมีคุณค่ามากมายแค่ไหน ประชาธิปไตยสามารถสร้างเศรษฐกิจที่ดีกว่าได้อย่างไรเหมือนอย่างกับที่บอกกันว่าประชาธิปไตยสามารถกินได้ และการรัฐประหารในครั้งนั้นคือการเปิดเผยตัวเองอย่างล่อนจ้อนของผู้มีอำนาจและใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นประชาธิปไตย นั่นก็คือการใช้อำนาจแบบเผด็จการ กดขี่ และเหยียดหยามประชาชน
ประชาชนคนเสื้อแดงเชียงใหม่เป็นกลุ่มประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นในบ้านเมืองของเรา เราก็ไม่อาจนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์เหล่านี้เพราะการนิ่งเฉยของประชาชนอาจทำให้เหล่าเผด็จการคิดไปเองว่าเราให้การสนับสนุนพวกเขา เราจึงต้องออกมารวมตัวกันแสดงพลังว่าเราขอต่อต้านอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ เราได้รับการปลูกฝังในการรักษาบ้านเมืองตามพระราชดำรัสที่ว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” และเราก็เห็นว่าประชาชนต้องออกมาควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ซึ่งก็คือรัฐบาลชุดนี้ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างไม่ชอบธรรม มาเป็นรัฐบาลเพราะได้รับการสนับสนุนและกรุยทางจากทหารและเผด็จการที่ทำรัฐประหารมาก่อนหน้านี้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนทั่วประเทศมาเป็นลำดับที่สอง มี ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้งห่างจากลำดับแรกถึงกว่า 70 คน แต่ด้วยการใช้อำนาจเผด็จการนอกระบอบประชาธิปไตยพลิกแพลงฉันทามติของประชาชน ตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาในค่ายทหาร เราจึงเห็นว่านั่นคือการตบหน้าประชาชนเจ้าของอำนาจทั่วประเทศ
และเมื่อเราประชาชนยืนยันหลักการประชาธิปไตยเดินทางไปทวงถามสิทธิ์ของเรา โดยการเรียกร้องให้มีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่ตามแนวทางที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลทรราชย์ของนายอภิสิทธิ์ไม่แค่เพียงไม่สนองตอบเท่านั้น แต่กลับเข่นฆ่าสังหารชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปอย่างมากมายหลายร้อยคน บาดเจ็บและถูกจับกุมคุมขังในคุกอีกหลายพันคน ในสถานการณ์ไม่ปรกติเช่นนี้ ที่เหตุการณ์รุนแรงยิ่งกว่าสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร รัฐบาลพล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายน้อยกว่านี้ ถามว่าถ้าหากไม่ได้รับการหนุนหลังจากอำนาจเผด็จการที่ครอบงำประเทศแล้ว รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์จะลอยหน้าอยู่เช่นนี้ได้อย่างไร เราจึงเห็นว่าการที่ประชาชนต่อต้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ก็คือการปฏิบัติตามแนวทางพระราชดำรัสในการไม่สนับสนุนคนไม่ดีให้เข้ามาปกครองบ้านเมืองนั่นเอง
จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดใหญ่ก็จริง แต่ในหลายปีมานี้การทำงาน หรือการพัฒนา และแก้ไขปัญหาทุกอย่างของจังหวัดกลับดำเนินไปได้อย่างเชื่องช้า สาเหตุหนึ่งที่สำคัญก็คือการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าราชการบ่อยครั้ง บางท่านมาอยู่ไม่ถึงปี บางท่านมาอยู่ ปี 2 ปีก็ย้ายออกไป ไม่ได้ทำงานแบบต่อเนื่อง ไม่เหมือนจังหวัดสุพรรณบุรีที่เจริญอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ว่าอยู่ทำงานต่อเนื่องถึง 5 ปี แต่จังหวัดเชียงใหม่ยังมีงานพิเศษอีกมากมาย ทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองทหาร เมืองศูนย์กลางราชการของภาคเหนือ ทำให้งานสังคมพวกนี้ ทั้งงานต้อนรับบุคคลสำคัญ งานประสานงาน งานประชุม งานสังคม กลายเป็นงานสำคัญและจำเป็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จนเป็นที่มาของการพูดประชดประชันของบุคคลทั่วไปที่มองว่าหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่คือ “ ฮับแขก แดกเหล้า เฝ้าสนามบิน ตัดริบบิ้น (ตี๋ก๊อง) แล้วไปตี๋กอล์ฟ ”
เรามองเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นผู้นำในการพัฒนาเมือง และเราก็มองเห็นความเป็นจริงที่ว่า ผู้ว่าราชการของเชียงใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาดำรงตำแหน่ง พวกท่านมาแล้วก็ไป ๆ ไม่เคยได้ทำงานให้บ้านเมืองของเรา ปัญหาของจังหวัดเราจึงไม่ได้รับการแก้ไขเพราะขาดคนทำงาน การพัฒนาเมืองของเราจึงไม่เกิดขึ้นเพราะขาดผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขได้ก็โดยแต่การมีผู้นำที่อยู่อาศัยในท้องถิ่น มีผู้นำที่อาสาและแข่งขันกันเข้ามาทำงาน มีวาระในการดำรงตำแหน่งที่แน่นอน ซึ่งนั่นก็คือต้องมีการเลือกตั้ง ต้องให้อำนาจต่อประชาชนคนเชียงใหม่เป็นผู้เลือกคนเข้ามาทำงาน เมื่อนั้นปัญหาต่างๆของจังหวัดเชียงใหม่จะได้รับการแก้ไขที่ถูกจุด เราจึงคาดหวังไว้ว่าเมื่อประเทศชาติของเราเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ประชาชนคนเชียงใหม่จะมีโอกาสเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดของเราโดยตรง
เราจึงขอเสนอให้มีการ “ เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ” เข้ามาทำงานให้จังหวัดเชียงใหม่มีความเจริญทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ที่เจริญแล้วอย่าง กรุงเทพมหานคร
ด้วยความเคารพ
กลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ผู้รักความเป็นธรรม และรักประชาธิปไตย
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่
แถลง ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
วันจันทร์ ที่ 4 ตุลาคม 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น