คนเหนือคน
โดย : อ่างขาง
________________________________________________________________________
ตำนานกล่าวไว้มากมาย ของผู้คนที่กล้าเก่งเกินกว่ามนุษย์ที่ควรจะเป็น “โม เสด”เคยนำทาสออกจากอียิปต์ ด้วยคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า “สปาตาคัส”เคย นำทาสปลดแอกจากผู้ปกครองโรมัน “คุนต้าคุนเต้”ทาสผู้ผู้ทรนงเป็น เยี่ยงของการต่อสู้ของเหล่าทาสในอเมริกา
เหล่านี้เป็น “คนเหนือคน” ทั้งสิ้น สละสิ้นแล้วทุกอย่างของชีวิต แม้ร่างกายก็ไม่เสียดายที่จะมอบให้ เพียงเพื่อจะต่อสู้ให้ได้มาซึ่งการเท่าเทียมกันของมนุษย์
“พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” นามนี้คือทหารยศนายพลของประเทศไทย
ในปี พศ.2553 เป็นนายทหารท่านเดียวที่เอาร่างกายตนเองเข้าแลกกับอิสรภาพให้กับมวลหมู่ มนุษย์ร่วมชาติ ท่านเลือกที่จะยืนอยู่กับประชาชนที่ออกมาสู้กับระบบอำมาตย์ด้วยมือเปล่า ภายใต้เครื่องจักรสังหารที่เป็นคู่ต่อกรของท่าน ท่านไม่เคยท้อถอยหรือยี่ระไดๆทั้งสิ้น
ในขณะที่สงครามกำลังเข้มข้น สภาพกดดันเหลือคณานับ อาหารน้ำถูกสกัดกั้น ผู้มาชุมนุมถูกล้อมจับล้อมฆ่า ต้องกินนอนถ่ายบนท้องถนน เสื้อผ้าไม่เคยเปลี่ยน การสื่อสารแทบจะเป็นศูนย์ ลูกน้องถูกเก็บทีละคนสองคน ท่านยังคงสู้อย่างเต็มความสามารถ เป็นขวัญกำลังใจให้กับพี่ๆน้องๆที่เชื่อในอุดมการณ์ มาร่วมด้วยช่วยกัน แม้ แต่คำพูดคำเดียวที่ออกมาจากปากของท่าน “ยอมแพ้” ไม่เคยมีให้ได้ยิน แสดงถึงความเป็นผู้นำอย่างหาญกล้า ไม่กลัวตาย ท่านเป็นแบบอย่างที่น่าจดจำอย่างยิ่งจนนาทีสุดท้ายของชีวิตท่าน
ในวันที่ท่านจากไป ท่านยังคงรับราชการทหารอยู่ ท่านถูกสังหารอย่างโหด...มด้วยอาวุธปืนที่ยิงจากระยะไกล ขณะที่ท่านกำลังให้ สัมภาษณ์ กับนักข่าวต่างประเทศ ท่านยังแต่งเครื่องแบบของนักรบกล้าขณะที่ถูกลอบสังหาร ท่านถูกยิงจากคนขี้ขลาด ที่ไม่กล้าแม้แต่เผชิญหน้าในขณะยิง ท่านถูกสั่งการให้ต้องตายด้วยน้ำมือของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นคนดี แต่ใจทราม ไม่เคยรับผิดชอบไดๆทั้งสิ้นแม้ท่านตายไปแล้ว ผู้สั่งการที่เป็นถึงผู้นำของเหล่าทหารกล้าทั้งหลาย ยังไม่กล้าแม้แต่แสดงออกอย่างเปิดเผย “ข้าฯเองนี่แหละเป็นผู้วางแผนสังการ” ทั้งที่กฎหมายก็เข้าข้างตนเองแท้ๆ
ขลาดเขลา จนต้องเลือกใช้วิธีหลบซ่อน กลัวความจริงที่ดำมืด อาศัยมุดอยู่ใต้กระโปรงเหมือนไม่รู้ไม่เห็น “ปากก็ตะโกนออกมาว่า กูไม่เกี่ยว”
ร่างไร้วิญญาณของท่านได้รับพระราชทานเพลิงศพ ผู้คนล้นหลามเป็นหมื่นหลายหมื่นคนมาร่วมงานศพในวันนี้ ทั้งที่งานนี้ยังอยู่ในขณะประกาศพรก.ฉุกเฉิน
โชคดีอยู่บ้างที่ผู้มีอำนาจในแผ่นดินนี้ยังคงได้เล่าเรียนมา ยังรู้จักคำว่า “กาละเทศะ” ไม่สกัดกั้นการมาในงานศพของประชาชนและไม่มีทหารคอยสกัดจับคนเสื้อแดงที่ถูก หมายหัวเอาไว้
ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงกับโฆษกคู่ใจของนายกฯที่วันนี้ไม่ถ่อย ไม่ออกมาโวยวายตามประสาสุนัขที่ห่วงนาย ว่า ประชาชนที่มางานศพถูกจ้างวานมา เหมือนเช่นที่เคยๆทำ
ต้องขอขอบคุณไก่อู ที่วันนี้ไม่ออกมาลอยหน้าลอยตาออกทางทีวีกล่าวร้ายเหมือนเช่นเคยทำ ให้เสียบรรยากาศกับงานพระราชทานเพลิงศพในครั้งนี้
และขอขอบคุณ ศอฉ.ทุกท่านครับ ที่ยังแสดงความเป็น “คน”อยู่บ้าง ในครั้งนี้ ที่ไม่แสดงอาการตอแหลเกินเหตุ ไม่แกล้งทำเป็นคนดีออกมาแสดงความเสียใจกับบุตรสาวของท่าน เหมือนตนเองไม่รู้เรื่อง นับว่ายังมียางอยู่บ้างถึงจะน้อยเต็มทีก็ตาม
วันนี้น่าจะเป็นวันเศร้าของประชาชนชาวไพร่
ผมจึงไม่อยากเขียนอะไรที่มันรุนแรงมากนัก ทั้งนี้เพื่อให้เกียรติกับ พณ.ฯ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล นักรบของประชาชน เพียงคนเดียวในยุคนี้
ผมจึงขอแค่ตั้งคำถามเล็กๆ กับ บุคคลที่เกี่ยวข้องไว้ดังนี้ เท่านั้น
1.ท่านที่สังการฆ่า ท่านคิดว่างานศพของตัวท่านเองจะเป็นอย่างไร จะมีคนทั้งประเทศมาในงานศพของท่านได้หนึ่งในสิบของพล.ต.ขัตติยะหรือไม่
2.เมื่อท่านสิ้นชีวิตลง ประชาชนจะสาปแช่งท่าน หรือร้องไห้เพื่อท่าน อะไรจะมากกว่ากัน
3.การมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ของท่าน กับพล.ต.ขัตติยะที่สิ้นชีวิตไปแล้ว ใครมีความสุขมากกว่ากัน
4. ถ้าระบบการสื่อสารด้วยอินเตอร์เน็ตยังคงอยู่คู่กับโลกนี้ ชื่อนี้ “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล”ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และอีกหลายๆภาษาในโลก จะกลายเป็นตำนานกันไปเลย เหมือนเช่นเหล่าผู้กล้าที่กล่าวไว้ “โมเสด สปาตาคัส คุนต้าคุนเต้
แล้วชื่อของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าล่ะ ท่านจะถูกเปรียบเทียบกับใครในโลกอินเตอร์เน็ต ฮิตเลอร์ มุโสลินี พลพต
อยากจะบอกว่า ใน100ปีที่ผ่านมา ถ้าจะยกให้คนไทยคนหนึ่งได้เป็น “คนเหนือคน” ผม ไม่ลังเลเลยที่คนคนนี้จะเป็น “พล.ต.
ขอคารวะท่านฯไว้ในข้อเขียนนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=RoO7f5oW9mw
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น