Thu, 2010-06-24 22:44
กฤช เหลือลมัย
หลายครั้งเรา ไม่อาจรู้.. แสงหรุบหรู่อยู่ต่อหน้า
คือรุ่งอรุณหรือสนธยา เช้า ? หรือเย็น ?
ความมืดมิด เมื่อยาวนาน การข้ามผ่าน ย่อมยากเข็ญ
เรางุนงงหลงประเด็น ไม่เห็นทาง
ความทรงจำ อันรางเลือน ยิ่งเสมือนดังความต่าง
ภาพและคำ ล้วนอำพราง ความเป็นไป
แต่..รุ่งอรุณหรือสนธยา ห้วงเวลา สำคัญไฉน ?
ในเมื่อมีคนมากมาย เคยมุ่งหน้า..มาก่อนกาล
...............................
ข้าฯ ขอระลึก นึกถึงพวกเขา ผู้คน–เรื่องราว อันวีระอาจหาญ
ภาระ, พันธะ และมโนปณิธาน เราจักสืบสานสั่งสมสืบไป
รุ่งอรุณมืดมนดังแดนสนธยา แลไปข้างหน้าแทบไม่เห็นจุดหมาย
หากฟ้าอีกฟาก แสงจากคบไฟ ยังสว่างไสวอยู่ในใจเรา
อยู่ในความงาม ความจริง ความลวง นำทางเราล่วง พ้นห้วงความเขลา
เรา, ผู้เหยียบยืนอยู่บนรอยเท้า ของผู้ที่ก้าวล่วงมาก่อนกาล
................................
ข้าฯ เคยสงสัย, ว่าที่ผ่านไป..หากไม่มีพวกเขา
ในห้วงเวลาอันเนิ่นนานยาว ในทุกหย่อมย่าน
จะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองไทย เมื่อครั้งวันวาน
หากไม่มีการอภิวัฒน์ครั้งนั้น..จะอยู่กันอย่างไร ?
เราคงยังเป็น “รัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์”
รวมศูนย์ผูกขาด เผด็จอำนาจ โดยถูกกฎหมาย
ลูกหลานเราคงไม่เคยรู้จัก “กษัตริย์นักประชาธิปไตย”
เพราะอาจไม่มี “ประชาธิปไตย” ในบ้านเมืองนี้ !
การรอบัญชาจากฟ้าลงมา เสียเวลาเปล่า
ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ถูกพวกเขาร่างขึ้นที่นี่
คงต้องรอการพระราชทานฯ ไปอีกร้อยปี
เพราะ”...ประเทศนี้ยังไม่พร้อมจะมีการเลือกผู้แทนฯ..”
เราคงมีเพียงอเนกชนนิกรสโมสรสมมุติ
เป็น Absolute เหนือคนอื่นๆ อีกนับหมื่นแสน
แต่งตั้ง - ถอดถอน ทุกตำแหน่งขั้นตอน ได้ทั่วทิศทั่วแดน
ทั่วทุกเขตร์แคว้นในแผ่นดินนี้..ผ่านองคมนตรีสภา !
หากไม่มีพวกเขา, เราคงต้องเสียภาษีสมพัตสร
หรือถูกริบทรัพย์กลับเป็นกรรมกรอย่างอนาถา
หากไม่มีพวกเขา, เราคงยังเสียอากรค่านา
รัชชูปการต่างๆ นานา มาจนเดี๋ยวนี้
หากไม่มีพวกเขา, ก็อาจไม่มี “กรณีสวรรคตฯ”
ไม่มีใครต้องตายอย่างน่าเศร้าสลด ไร้สิ้นศักดิ์ศรี
ผืนแผ่นดินไทยคงยังเป็นบ้านของท่านปรีดีฯ
นายชิต, นายบุศย์, นายเฉลียวคงมีลูกหลานอีกมากมาย
เพราะมีพวกเขา..เราจึงมองเห็นความเป็นมนุษย์
เห็นความฉ้อฉลและความบริสุทธิ์ของทั้งเจ้าและไพร่
เห็นการแก่งแย่งแบ่งสรรอำนาจฝ่ายนอกฝ่ายใน
ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนงมงายได้ทั้งสิ้นทั้งนั้น
ข้าฯ ขอเคารพในความงดงามของความหาญกล้า
นำพาเมืองไทยเดินไปข้างหน้า ในเวลาคับขัน
พวกเขาเคยทำให้เสียงของเราทุกคนเท่าเทียมกัน
แม้ช่วงสั้นๆ..ก่อนชะงักงันมาครึ่งศตวรรษ !
................................
..มืดมิดมาตลอดคืน เราตื่นเช้า
ยังเป็นแผ่นดินเก่าอันเงียบสงัด
หากความคิดเราแจ่มแจ้ง กระจ่างชัด
มุ่งสู่การเปลี่ยนผลัด ในไม่ช้า
.................................
ความคิดเราช่างแจ่มแจ้ง กระจ่างชัด
รอเวลาเปลี่ยนผลัด...ในไม่ช้าฯ
กฤช เหลือลมัย
อ่านที่หมุดเหล็กคณะราษฎร์ ลานพระรูปฯ
24 มิถุนายน2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น