แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ศาลรัฐธรรมนูญแห่งอินโดนิเซีย กับการตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น

โดย สุภัตรา ภูมิประภาส
ที่มา ประชาไท
11 พฤศจิกายน 2553

ผู้ เขียนอยู่นอกประเทศไทยจึงมีโอกาสได้ดูคลิปที่มีการอ้างถึงคณะตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญทุกชุดแบบไม่สะดุดเลย และได้ติดตามอ่านรายงานข่าวที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านแถลงข่าวตอบโต้ ภาพที่ปรากฎในคลิปชุดดังกล่าว รวมไปถึงการที่บรรดา ตัวช่วยออกมาตามรุกไล่สืบค้นเพื่อจัดการกับผู้นำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ และล่าสุด กระทรวงไอซีทีปฏิบัติหน้าที่เป็น ตัวช่วยอีกแรงหนึ่งโดยตามรายงานข่าวระบุว่ากระทรวงไอซีทีได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) โดยให้ไอเอสพีใช้วิจารณญาณในการพิจารณาว่า สมควรจะบล็อกเว็บที่เผยแพร่หรือไม่ เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของศาลรัฐธรรมนูญก็จะหมาย ถึงเรื่องของความมั่นคงของประเทศด้วย

ปฏิกิริยาตอบโต้เหล่านี้ ทำให้ผู้เขียนอยากเล่าเรื่องศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนิเซียที่กำลังเผชิญข้อ กล่าวหาคล้ายๆ กันกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของประเทศไทย

แต่วิธีการที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนิเซียจัดการกับข้อกล่าวหานั้นต่างจากของไทยแบบลิบลับเลย

กรณี ที่เกิดขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนิเซีย คือ อดีตผู้ชำนาญการกฏหมายของศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งชื่อนายเรฟลี (Refly) ได้เขียนบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Kompas ฉบับวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมานี้ โดยเขาได้กล่าวหาว่ามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนรับสินบน

ในบทความ ดังกล่าวนี้ นายเรฟลีอ้างถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในจังหวัดปาปวนที่กล่าวระหว่าง การประชุมว่า ต้องมีการจ่ายเงินอย่างต่ำ 10 พันล้านรูเปีย (ประมาณ 11,200 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณสามแสนบาท) ในการที่จะให้ข้อพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้งในท้องถิ่นถูกนำขึ้นสู่การ พิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้นายเรฟลี ยังได้อ้างว่าเขาเคยเห็นกับตาว่ามีผู้นำเงินสดจำนวน 1 พันล้านรูเปียมามอบให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่ง เขายังอ้างอีกว่ายังมีข้อมูลที่เขาได้รับการบอกเล่าโดยตรงจากบุคคลที่ถูก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งเรียกร้องเงินจำนวน 1 พันล้านรูเปียในการพิจารณาคดีเพื่อให้ผู้ถูกเรียกร้องเงินคนนี้เป็นฝ่ายได้ เปรียบ แต่บุคคลดังกล่าวนี้ไม่สามารถนำเงินไปจ่ายให้ได้ตามกำหนดเวลา จึงยังไม่มีการจ่ายเงินเกิดขึ้น

ปัจจุบันนายเรฟลีเป็นอาจารย์ประจำ ที่ Indonusa Esa Unggul University ในกรุงจาการ์ตา เขาเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญระหว่างปี 2003-2007

นายเรฟ ลีบอกกับสื่อมวลชนว่าสิ่งที่เขาวิพากษ์วิจารณ์นั้นเพราะต้องการรักษาชื่อ เสียงเกียรติภูมิของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เขาได้กล่าวยกย่องประธานศาลรัฐธรรมนูญ คือ นายมาห์ฟุด (Mahfud MD) ว่าเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต

ก่อนหน้าที่บทความของนาย เรฟลีตีพิมพ์นั้น เริ่มมีข่าวลือเรื่องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนรับสินบนมาก่อนหน้านี้แล้ว และนายมาห์ฟุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญได้จัดแถลงข่าวเพื่อตอบโต้ข่าวลือนี้ทันที โดยประธานศาลรัฐธรรมนูญให้คำมั่นสัญญาผ่านสื่อมวลชนว่าหากได้รับหลักฐานที่ ชัดเจนน่าเชื่อถือเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว เขาจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการปราบปรามทุจริตดำเนินการทันที

นอกจากนี้ ประธานศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนิเซียยังประกาศผ่านสื่อด้วยว่าเขาจะออกค่าเดิน ทางและค่าที่พักให้กับบุคคลใดก็ตามที่นำหลักฐานที่น่าเชื่อถือมามอบให้

ณ เวลานี้ 12.46 น. ของวันที่ 19 ตุลาคม เรายังบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซนต์นายมาห์ฟุด กล่าวไว้ ณ วันแถลงข่าว
ต่อ ข้อกล่าวหาที่ปรากฎในบทความของนายเรฟลีนั้น ประธานศาลรัฐธรรมนูญท้าทายให้นายเรฟลีทำความจริงให้ปรากฎ โดยแต่งตั้งให้นายเรฟลีเป็นประธานคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงต่อกรณีที่ศาล รัฐธรรมนูญถูกกล่าวหาดังกล่าวนี้โดยให้เวลา 1 เดือนในการที่คณะกรรมการฯชุดนี้จะดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริง

ท่าทีใน การตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญอินโดนิ เซียเช่นนี้ได้รับการยกย่องชื่นชมจากสื่อมวลชนในประเทศโดยทั่วถ้วน แม้ว่าบางคนจะวิพากษ์วิจารณ์ว่า

มันเป็นเรื่องไร้เดียงสาเกินไปที่จะ ยอมรับคำท้าทายของประธานศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการนำหลักฐานมาแสดง เพราะอาจมีเหตุผลมากมายหลายพันประการว่าทำไมพยานหรือผู้เกี่ยวข้องจึงลังเล ที่จะออกมา

มีทั้งความเสี่ยงสูงมากที่พวกเขาต้องเผชิญโดยลำพัง และค่าใช้จ่ายในการนำเรื่องขึ้นสู่ศาล

แต่ อย่างไรก็ตาม ท่าทีของประธานศาลรัฐธรรมนูญต่อการเผชิญข้อกล่าวหานั้นทำให้สาธารณชนเชื่อ ถือ และเป็นท่าทีที่เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นควร เอาเป็นแบบอย่าง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน