
Wed, 2011-02-02 15:40
คำ แถลงต่อคณะกรรมการความเสมอภาคและสิทธิมนุษชนของอังกฤษของนายสันติพงษ์ อินจันทร์ หรือเบิร์ด ผู้ได้รับบาดเจ็บสูญเสียดวงตาข้างขวาจากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10เม.ย. 2553 ซึ่งได้รับเชิญไปให้ข้อเท็จจริง แต่ไม่สามารถไปได้เนื่องจากวีซ่าไม่ผ่าน
สันติพงษ์ อินจันทร์(เบิร์ด)
http://www.youtube.com/watch?v=AIbz1_02W8E&feature=player_embedded
แม้ว่า นายสันติพงษ์ อินจันทร์จะได้รับเชิญจากรองประธานคณะกรรมการความเสมอภาคและสิทธิมนุษยชน (EHRC)* ของอังกฤษให้ไปชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมคนเสื้อ แดงในเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ทว่า วานนี้ (1 ก.พ.) นายสันติพงษ์ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษว่าทางสถานทูตไม่สามารถ อนุมัติการ ออกวีซ่าให้เข้าประเทศอังกฤษได้เนื่องจากมีเงินในบัญชีเงินฝากน้อย
อย่างไรก็ตามนายสันติพงษ์ได้เตรียมคำแถลงเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วซึ่งนาย สันติพงษ์ร่างจดหมายดังกล่าวด้วยตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกันน.ส.ขวัญระวี วังอุดม จากศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม( ศปช.) ได้เดินทางล่วงหน้าไปแล้วและเป็นตัวแทนของผู้อยู่ในเหตุการณ์ทำหน้าที่เสนอ ข้อมูลของผู้ได้รับผลกระทบแทนญาติและผู้บาดเจ็บที่ไม่ได้รับวีซ่าเข้าประเทศ
เนื้อหาด้านล่าง เป็นข้อความในคำแถลงที่นายสันติพงษ์ เตรียมนำไปพูดต่อสภาสูงของอังกฤษ
สวัสดีครับ
ผมชื่อสันติพงษ์ อินจันทร์ ผมปรากฏตัวต่อหน้าท่านทั้งหลาย ร่วมกับแขกผู้มีเกียรติท่านอื่นๆ ในฐานะเหยื่อของเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2553 ซึ่งมีคนตายกว่า 90 คน และผู้บาดเจ็บเช่นเดียวกับผมกว่า 3,000 คน
เป้าหมายร่วมกันของเราก็คือ การกล่าวหาต่อรัฐบาลไทยว่าเป็นอาชญากร ติดตามเอาประชาธิปไตยที่ถูกปล้นไปในการรัฐประหารในปี 2549
ความโหดเหี้ยมจากการปราบปรามประชาชนโดยรัฐบาลส่งผลให้ผมเสียดวงตาข้าง หนึ่ง และยังคงเผชิญความเสี่ยงที่จะสูญเสียดวงตาอีกข้าง ผมมาที่นี่ด้วยความหวังถึงประเทศไทยที่มีความเป็นธรรม มีความเป็นประชาธิปไตยและมีความเป็นมิตรกับพลเมืองมากขึ้น
สำหรับผม ประเทศไทยเมื่อปี 2544 เป็นการเริ่มต้นที่ดีของประชาธิปไตย พวกเราซึ่งเป็นประชาชนได้ใช้สิทธิเลือกตั้งรัฐบาลและนโยบายซึ่งนำพาสิ่งที่ ดีกว่ามาสู่ชีวิต
การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อสีชมพูเป็นความพยายามที่จะทำลายรัฐบาลของเรา
ผมตัดสินใจเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงเพื่อต่อต้านสิ่งเหล่านั้น ผมเข้าร่วมการเคลื่อนไหวไม่ใช่เพราะรักใครคนใดคนหนึ่ง หรือเพื่อผลประโยชน์อื่นใด แต่ผมเข้าร่วมการต่อสู้เพราะผมถูกพรากสิทธิของตัวเองไปอันเป็นผลจากการสมรู้ ร่วมคิดทางการเมืองในการรัฐประหารปี 2549
การต่อสู้ของพวกเราเป็นไปอย่างสันติและปราศจากอาวุธ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยปัจจุบัน รัฐบาลและเหล่าชนชั้นนำ เห็นว่าประชาชนอย่างพวกเราเป็นศัตรูของรัฐ ผมไม่เชื่อว่าพวกเขาจะกล้าฆ่าประชาชนของตัวเองอย่างเลือดเย็น แต่พวกเขาก็ทำ และทำลงไปโดยไม่รีรอ ผมถูกกระสุนยางยิงเข้าที่ตาขวาส่งผลให้ตาบอดทันที พวกเขาคงฆ่าผมได้หากพวกเขามีโอกาสอีกครั้ง
ทุกวันนี้ผมถามตัวเองว่า ทำไมผู้อาวุโสในเมืองไทยซึ่งผมเคยเชื่อว่ารักผมมากถึงกระทำการเช่นนั้นได้ ในความเป็นจริง คำตอบนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ว่าไม่มีนักบุญในชนชั้นปกครองอย่างที่เราเคยถูกทำให้เชื่อ และผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกเขาย่อมสำคัญกว่าชีวิตอันไร้ค่าของพวกเรา ไม่เพียงแต่ประชาชนชาวไทยเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ แต่ผู้สังเกตการณ์ชาวต่างชาติก็เช่นเดียวกัน นายโปลันกี ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวจากอิตาลีก็ถูกยิงเข้าที่หน้าอกและเสียชีวิต อีกครั้ง...คำถามคือ เพราะอะไร
สิ่งที่ผมต้องการจะเห็นในเมืองไทยมีดังต่อไปนี้
1. ความยุติธรรมสำหรับผู้เสียชีวิต และครอบครัวของพวกเขา รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
2.การเคารพในกฎหมายและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้ศาลในประเทศไทยมิได้มีความเชื่อถือในหลักการดังกล่าว
3. ความรับผิดชอบโดยจิตสำนึกจากรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีของไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ซึ่งสั่งสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป็นผลผลิตของระบบการศึกษาจากประเทศอังกฤษ ผมหวังใจว่าเพื่อนนักเรียนและเพื่อนร่วมงานของเขาจะใช้โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ พินิจพิจารณาเกี่ยวกับตัวเขาอีกครั้งและปฏิบัติอย่างเหมาะสม ผมคิดว่าเขาเป็นสิ่งที่น่าอับอายสำหรับประเทศและสถาบันของคุณ
ท้ายที่สุด ผมขอแสดงความซาบซึ้งอย่างจริงใจที่ท่านได้สละเวลา และแสดงความเอาใจใส่ การกดดันจากนานาชาติเป็นเพียงความหวังเดียวของพวกเรา
ขอบคุณ
000
Good afternoon,
My name is Santipong Injan. I appear in front of you, distinguished members of the House of Lords as well as other honorable guests, as one of the victims of the massacre that happened in
For me,
However, the regime of
I ask myself to this day: why the elders of
What I would like to see restored in
1. Justice for the deaths, their families, as well as those who injured.
2. Respect for laws and human dignity, as courts in
3. A responsible government with conscience
Prime Minister Abhisit Vejjajeeva of
Lastly, let me express my true appreciation to your time, devotion, and caring, Only international pressure now is our real hope.
Thank you.
หมาย เหตุ: * ประชาไทแก้ไขข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับผู้เชิญบุคคลทั้งสองเข้าร่วมชี้แจง ซึ่งเดิมระบุว่าเป็น "สภาสูงของอังกฤษ" เปลี่ยนเป็น "รองประธานคณะกรรมการความเสมอภาคและสิทธิมนุษยชน" (EHRC) เทียบเคียงได้กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ขออภัยในความผิดพลาดมา ณ ที่นี้ ( 3 ก.พ.54) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
น้องเบิร์ดเหยื่อ10เมษาชวดไปอังกฤษอีกราย
แม่กมนเกดชวดไปสภาสูงอังกฤษเหตุวีซ่าไม่ผ่านระบุถูกผู้มีอำนาจแทรกแซง
http://prachatai.com/journal/2011/02/32914
น้องเบิร์ดเหยื่อ 10 เมษา ชวดไปอังกฤษอีกราย
Wed, 2011-02-02 07:32
นาย สันติพงษ์ อินจันทร์ (น้องเบิร์ด) เหยื่อจากการสลายการชุมนุมในวันที่ 10 เมษายน 2553 จนทำให้ตาบอด ไม่ได้รับการออกวีซ่าจากสถานทูต ชวดไปนำเสนอข้อเท็จจริงที่อังกฤษอีกราย อ้างเหตุผลเดิมเงินน้อย เจ้าตัวระบุแนบกองทุน ธ.กรุงไทย 1 ล้านบาทแต่ไม่ผ่าน
เวลา 17.00 น. วันที่ 1 ก.พ.54 นายสันติพงษ์ อินจันทร์ หรือ น้องเบิร์ด เหยื่อจากการสลายการชุมนุมที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ถูกยิงด้วยกระสุนยางจนเป็นเหตุให้ตาบอดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จากเหตุการสลายการชุมนุมขอกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษว่าทางสถานทูตไม่สามารถอนุมัติการ ออกวีซ่าให้เข้าประเทศอังกฤษได้เนื่องจากมีเงินในบัญชีเงินฝากน้อย
น้องเบิร์ดได้แสดงความรู้สึกต่อการตัดสินใจของสถานทูตครั้งนี้ว่า "ผมคิดว่าการที่ไม่อนุมัติวีซ่าให้ในครั้งนี้ทั้งๆที่มีหนังสือเชิญจาก House of Lord ของประเทศอังกฤษค่อนข้างเป็นที่น่าสงสัย เหตุผลที่ไม่อนุมัติวีซ่าคือ "เงินไม่พอ" เงินในบัญชีผมมีไม่พอ แต่ผมยื่นในกองทุนเปิดซึ่งผมซื้อไว้มูลค่า 1 ล้านบาทไป ไม่เพียงพอหรือ แล้วการที่ีมีหนังสือเชิญมาจากทางอังกฤษซึ่งระบุชื่อไว้ชัดเจน ซึ่งการเชิญไปครั้งนี้เป็นการเชิญส่วนบุุคคลแล้วพวกผมจำเป็นต้องหาเงินมา เพื่อให้อนุมัติวีซ่าครั้งนี้หรือ ทั้งๆที่ทางอังกฤษก็ดำเนินการทุกอย่างทั้งเรื่องเงินและตั๋วเครื่องบินให้ เรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่า เหตุผลเพราะเงินในบัญชีไม่พอนั้นผมว่ามันไม่ make sense เลยครับ"
อนึ่งก่อนหน้านี้ นางพะเยาว์ อัคฮาด และ นายณัทพัช อัคฮาด มารดาและน้องชายของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด อาสาพยาบาลที่เสียชีวิตเนื่องจากการถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงด้วยอาวุธสงคราม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่วัดปทุมวนาราม ก็ได้ถูกปฏิเสธการออกวีซ่าโดยให้เหตุผลเดียวกัน
สำหรับในงานแถลงข้อเท็จจริงในวันนี้เกียวกับการถูกละเมิดสิทฺธิโดยรัฐจาก การสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่จะจัดขึ้นประเทศอังกฤษ คงเหลือแต่เพียง น.ส.ขวัญระวี วังอุดม จากศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม( ศปช.) เท่านั้นที่ได้เดินทางล่วงหน้าไปและเป็นตัวแทนของผู้อยู่ในเหตุการณ์ทำ หน้าที่เสนอข้อมูลของผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดเพียงคนเดียว ทั้งนี้ งานดังกล่าวได้รับการเชิญโดยรองประธานคณะกรรมการความเสมอภาคและสิทธิมนุษยชน (EHRC)*
หมาย เหตุ: * ประชาไทแก้ไขข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับผู้เชิญบุคคลทั้งสองเข้าร่วมชี้แจง ซึ่งเดิมระบุว่าเป็น "สภาสูงของอังกฤษ" เปลี่ยนเป็น "รองประธานคณะกรรมการความเสมอภาคและสิทธิมนุษยชน" (EHRC) เทียบเคียงได้กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ขออภัยในความผิดพลาดมา ณ ที่นี้ ( 3 ก.พ.54) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
แม่กมนเกดชวดไปสภาสูงอังกฤษเหตุวีซ่าไม่ผ่านระบุถูกผู้มีอำนาจแทรกแซง
http://prachatai.com/journal/2011/02/32912
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น