รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน
แดงเชียงใหม่
กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม
เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน
"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม นายมาร์ค อภิสิทธิ์ยังคงสร้างเรื่องเบี่ยงประเด็นหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
วัน ที่ 19 กุมภาพันธ์ มีรายงานว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทองเข้าแจ้งความ (ไม่ใช้การดำเนินคดีในศาลตามที่สื่อบางฉบับรายงาน) ต่อกองบังคับการปราบปราม โดยกล่าวหาว่าผม อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และบรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน นายธนพล อิ๋วสกุล กระทำผิดตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มีนายงานว่านายวัชระจะยื่นจดหมายร้องเรียนแนบสุดปกขาวต่อศาลฎีกา ปกหน้าจดหมายร้องเรียนของนายวัชระเป็นรูปการ์ตูนพินอคคิโอตัดต่อแบบแย่ๆเข้า กับหน้าผม มันจึงเป็นเรื่องยากที่ใครจะเห็นว่าข้อกล่าวหาจอมปลอมนี้เป็นเรื่องจริงจัง ไปมากกว่าภาพหนังสือการ์ตูนสีสันสดใสของเด็ก
แต่การโจมตีอันไร้สาระของพรรคประชาธิปัตย์ในประเด็นกฎหมายหมิ่นพระบรมเด ชานุภาพไม่ใช่เรื่องใหม่ ในกรณีของนายวัชระ เขากล่าวหาผมครั้งแรกว่าละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อเดือน พฤศจิกายน ในเวลานั้น ผมได้ตีพิมพ์คำตอบโต้อย่างชัดเจนและปราศจากข้อสงสัย ซึ่งยังคงใช้ได้กับกรณีนี้ว่า “สมุดปกขาวไม่ มีข้อ ความที่อาจเป็นการละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงคือ ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวนี้ได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่อยู่ในหนังสือหลายร้อยเล่ม และวัชระอาจจะรู้ลึกประหาดใจว่า หากมีการจับกุมคนด้วยข้ออ้างดังกล่าวเกิดขึ้น คงจะมีคนถูกจับกุมจำนวนไม่น้อยทีเดียว”
สื่อไทยให้ความสนใจต่อเรื่องเรื่องไม่เป็นเรื่องของนายวัชระอย่างมาก ถึงแม้ว่าเรื่อง ดังกล่าวจะไม่มีมูลใดเลยก็ตาม อาทิเช่น สมุดปกขาวเผยแพร่เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 แต่เหตุใดสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จึงใช้เวลาตั้งสี่เดือนตัดสินใจว่าหนังสือ ดัง กล่าวผิดกฎหมาย และหลังจากเงียบหายไปสามเดือน เหตุใดจึงกลับกล่าวหาในเรื่องเดิมอีก และให้เหมือนกับว่าเป็นเรื่องใหม่?
พรรคประชาธิปัตย์กำลังหาตัวช่วยออกแบบยุทธ์ศาสตร์ของพวกเขาเพื่อที่จะ รักษาธรรมเนียมการละเว้นโทษ อาทิเช่น เหตุใดพรรคถึงไม่พยายามอ้างว่าคำร้องศาลอาญาระหว่างประเทศละเมิดกฎหมายหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ? เพราะอย่างน้อยที่สุด ก็ยังเป็นประเด็นที่ใหม่กว่า แต่นั้นแหละ หากทำเช่นนั้น เหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้คนอื่นอ่านเอกสารดังกล่าวด้วย หรือ อีกตัวอย่างคือ หากพวกเขาต้องการ โยนทนายต่างชาติเข้าคุกด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกำมะลอ ทำไมถึงไม่อนุญาตให้เขาเดินทางเข้าประเทศได้ก่อน? แต่กลับประพฤติตามสัญชาตญาณดิบของจนเอง : ซึ่งลึกๆแล้วพวกเขารู้สึกผิดต่อการะกระทำของตนเอง
ระยะเวลาการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโจมตีคนอื่นของนายวัชระ ซึ่งชัดเจนว่าเป็นหุ่นเชิดของนายอภิสิทธิ์ได้ถูกวางไว้แล้ว คนเสื้อแดงเข้มแข็งขึ้นทุกวัน ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสังหารหมู่ในกรุงเทพมหานครเริ่มจะถูกเผยแพร่และ สะท้อนให้เห็นถึงการสังหารในประเทศอียิปต์และเอสโตเนีย นอกจากนี้แรงกดดันจากนานาชาติเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่การยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ระหว่างประเทศ ข้อมูลดังกล่าวถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง รวมถึงหนังสือพิมพ์บราซิลที่มีผู้อ่านมากทั้งในบราซิลและเอสโตเนีย จำนวนผู้ชุมนุมก็เพิ่มมากขึ้นในทุกอาทิตย์ ในขณะที่เหยื่อจากความรุนแรงของรัฐรู้สึกโกรธแค้นกับคำโกหกอันเลวร้ายและการ ปฏิเสธที่จะสอบสวน ดำเนินคดี หรือจัดสรรความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสังหารในเดือนเดือน เมษายนและพฤษภาคมจากรัฐบาล
วันนี้คนเสื้อแดงกำลังฉลองชัยชนะที่สำคัญต่อการต่อสู้ที่ยาวนานของพวกเขา เพราะในที่สุดพวกเขาก็บีบบังคับให้รัฐบาลปล่อยตัวนายณัฐวุติ ไสยเกื้อ นายแพทย์เหวง โตจิราการณ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และแกนนำเสื้อแดงอีกสี่คนที่ถูกคุมขังและกักตัวด้วยข้อหาจอมปลอมอย่างไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย รัฐบาลรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีมูลที่จะกักตัวนักโทษทางการเมืองเหล่านี้ และเนื่องจากแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องถอย เพื่อตั้งหลักและมองหาจุดยืนใหม่ แต่ในวันเดียวกัน พวกเขาจับกุมนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อพยายามกลบความอ่อนแอของพวกเขาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ชัดเจนต่อผู้สังเกตการณ์มือสมัครเล่นคือ รัฐบาลเผด็จการที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไทยพยายามสร้างสถานการณ์ และ “สร้างเรื่องเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญ” ทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการทำสงครามที่พระวิหาร ไปจนถึงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพื่อหนีความรับผิดต่อการกระทำอาชญากรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน และพยายามกุมอำนาจโดยไม่คำนึงถึงสิทธิการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยของ ประชาชน
จึงเป็นเรื่องที่เสียเวลาหรือพยายามจะถือการเบี่ยงเบนประเด็นดังกล่าว เป็นเรื่องจริงจังจนกว่านายมาร์ค อภิสิทธิ์จะตอบคำถามที่ของเราในคำร้องศาลอาญาระหว่างประเทศในเหตุการณ์การ สังหารประชาชนทั้ง 91 ราย เกี่ยวกับสถานภาพพลเมืองอังกฤษของเขาที่อาจทำให้คดีดังกล่าวตกอยู่ภายใต้ อำนาจพิจารณาคดีของศาลอาญาระหว่างประเทศ จนถึงทุกวันนี้อภิสิทธิ์แค่พูดว่าเขาไม่ใช่คนมอนเตเนโกร และเขาต้องปฏิบัติตามกฎการเข้าเมืองของประเทศอังกฤษ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ไม่ใช่คำตอบที่ตรงไปตรงมา ผมไม่เห็นด้วยกับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทั้งหมด แต่หากผมต้องคิดหาข้อกล่าวหาที่เหมาะสมต่อการกระทำผิดร้ายแรง มันควรจะเป็นการกระทำอาชญากรรมที่ใช้สถาบันรัฐในการสร้างความชอบธรรมให้กับ การสังหารผู้บริสุทธิ์ ข้อเท็จจริงคือ พรรคประชาธิปัตย์กระทำผิดอาชญากรรมดังกล่าว และได้ห่อหุ้มตัวพวกเขาด้วยผืนธงชาติตามแนวทางชาตินิยมเพื่อหลบเลี่ยงความ ผิด และพฤติกรรมนี้ควรจะเป็นหลักฐานที่เพียงพอที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะโยนพวก เขาเข้าคุกเดียวกันกับฆาตรากรกัดดาฟี่
จริงๆแล้ว เราเริ่มมาทำอย่างนั้นกันเถอะ!
http://robertamsterdam.com/thai/?p=714
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น