แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไม่เอา 112: โรคระบาดใหม่ทางเฟสบุค ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์

22 กุมภาพันธ์ 2554

ไม่เอา 112: โรคระบาดใหม่ทางเฟสบุค ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว



badges No! Use LML – No! use the lese-majeste law. – NO! 112 ได้ถูกสร้างขึ้นที่โลกอินเตอร์เนทเพื่อให้คนสามารถเอาโลโก้นี้ไปแปะรูปของตัวเองได้ โดยผู้สร้างอธิบายเหตุผลไว้ว่า

เรา ไม่ใช่ไม่เอา ม.112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราต้องการยกเลิกหรืออย่างน้อยต้องปฏิรูปกฏหมายตัวนี้ เพราะไม่สอดคร้องกับหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยในเรื่องความรับผิด ชอบตรวจสอบได้(Accountability)

“..ประเด็นสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ความจริง เป็นประเด็นสาธารณะ ที่ประชาชนทุกคนควรต้องมีสิทธิและเสรีภาพที่จะอภิปรายได้อย่างตรงไปตรงมา..สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ดังนั้นผู้ที่นิยมในระบอบประชาธิปไตยต้องสนับสนุนให้มี สิทธิในเสรีภาพตรงนี้

อ่านความเห็นของสมศักดิ์ เกี่ยวกับกฏหมายตัวนี้ได้ที่นปช.แดงทั้งแผ่นดินกับโทรเลขวิกิลีกส์ ฉบับวันที่ 25 มกราคม 2553

ร่วมลงชื่อ Vote เกี่ยวกับกฏหมายตัวนี้ได้ที่ http://ilaw.or.th/node/183


ขณะนี้ยอดติด badge นี้ในเฟสบุคมีจำนวนกว่าพันคนแล้ว สำหรับผู้สนใจยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ เชิญติด badge NO 112

สำ หรับปรากฎการณ์วันนี้ (22 กุมภาพันธ์) เพียงชั่วไม่กี่ชั่วโมง หลังจากการบุกจับสุรชัย แซ่ด่าน ในโลกเฟสบุค ได้มีการตื่นตัวเป็นอย่างมาก ทั้งการแจ้งข่าวสารการจับกุม การเปิดประเด็นไม่เอามาตรา 112 และการเปลี่ยนรูปของพวกเขาที่มีติดโลโก้ ไม่เอา 112 กันอย่างมากมาย

จริงๆ แล้วปรากฎการณ์ในโลกเฟสบุค เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมายหลงยุคตัวนี้ ได้มีมาอย่างต่อเนื่องและเติบโตมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่มันได้ถูกโหมกระพืออย่างรวดเร็วจากการจับตัวและคุมขังสุรชัย แซ่ด่าน หรือสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์เมื่อคืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554



จรรยา ยิ้มประเสริฐได้ตั้งกลุ่ม "Overcoming Fear of Monarchy in Thailand - เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพ" เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยเขียนในคำให้การว่า

เพื่อนๆ ของข้าพเจ้า และสหายหลายล้านคนในประเทศไทย ยังคงต่อสู้กับปัญหาคอรัปชั่นและความอยุติธรรมในสังคมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ประชาชนหลายหมื่นคนจากทั่วภูมิภาคเดินทางมายังเมืองกรุงเพื่อเข้าร่วมการ ต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาหลายคนยามนี้ มีชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัวว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย จับกุม และคุมขัง

ส่วน หนึ่งอาจจะเพราะความกลัวกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่วนหนึ่งอาจมาจากผลพวงของการเซ็นเซอร์ตัวเอง ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากเพราะความสำเร็จของหลายทศวรรษแห่งการโหมประชา สัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสำนักพระราชวัง เรื่องราวของนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่กี่คดีเท่านั้นที่เป็นที่รับ รู้ในหมู่ประชาคมนานาชาติ


นที อิสสรชน สรวารี ได้มีการตั้งกลุ่มใหม่ในเฟสบุค "ไม่เอากฏหมายอาญามาตรา 112" พร้อมแจงเหตุผล "รณรงค์ให้ยกเลิกการบังคับใช้้ กฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากเป็น กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชน" และเชิญชวน "รณรงค์ส่งต่อเพจนี้ให้มากที่สุด ระดมวิธีการต่อต้านมาตรา 112 ให้มากหลากรูปแบบที่สุด"

สมาชิกกลุ่มได้แสดงความคิดเห็นมากมายถึงเหตุผลของการไม่เอา 112


กฎหมายนี้เอาใว้ทำไม?....ไม่มีประโยชน์ไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย

กฏหมาย ล้าหลังแบบนี้สมควรเลิกใช้ไปนานแล้ว ไม่เพียงแต่ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน มันยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่แสวงหาประโยชน์กับสถาบัน โดยเฉพาะกองทัพ ชอบใช้มาอ้างในการทำรัฐประหาร

ไม่เอา ม.112 ไม่เอา ม.112 ไม่เอา ม.112 จะมีไว้ทำไม มีประโยชน์ เฉพาะพวกเต่าล้านปีเท่านั้น

เราไม่เอา กฎหมายที่มีไว้ทำลายคนคิดต่าง


นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม "รวมพลังต้านกฎหมายกดขี่ 112" และผู้คนมีคอมเมนต์ และข้อเสนอเพื่อกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับกฎหมายอาญามาตรา 112


เรา หวังว่าการพยายามของ ILaws ที่สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายตัวนี้ และรณรงค์ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตัวนี้ซึ่งมาจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

***************


อาจารย์ สมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้เขียนบทความ "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" โดยได้เขียนเรื่องความเป็นมาของกฎหมายตัวนี้อย่างละเอียด แต่เราขอนำเสนอถึงความเป็นมาของกฎหมายมาตรานี้ และบทลงโทษไว้พอสังเขป ดังนี้

ความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้ปรากฏครั้งแรกใน พระราชกำหนดลักษณะหมิ่นประมาท ด้วยการพูดฤาเขียนถ้อยคำเท็จออกโฆษณาการ รัตนโกสินทรศก 118 ในหมวดที่ว่าด้วย หมิ่นประมาทพระผู้เปนเจ้า พระอรรคมเหสี พระบรมโอรสาธิราชแลพระเจ้าแผ่นดินต่างประเทศในมาตรา 4

ต่อ มาเมื่อมีการจัดทำประมวลกฎหมายอาญาแบบของตะวันตก ความผิดดังกล่าวได้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในกฎหมายลักษณะอาญาร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) โดยได้มีบทบัญญัติในเรื่องนี้ไว้ในมาตรา 98

ผู้ใดทนงองอาจ แสดงความอาฆาฎมาดร้าย หรือหมิ่นประมาทต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี สมเด็จพระมเหษีก็ดี มกุฏราชกุมารก็ดี ต่อผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในเวลารักษาราชการต่างพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวก็ดี ท่านว่าโทษของมันถึงจำคุกไม่เกินกว่าเจ็ดปี และให้ปรับไม่เกินกว่าห้าพันบาทด้วยอีกโสตหนึ่ง

ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการ ประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 โดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงใน 2 ประเด็น คือ

ประเด็น แรก มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติในมาตรา 104 (1) ซึ่งเดิมให้สิทธิแก่บุคคลในการแสดงความเห็นที่แม้จะทำให้เกิดความดูหมิ่นต่อ พระมหากษัตริย์ แต่ถ้ากระทำไปภายใต้ความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญก็จะไม่ถือว่าเป็นความผิด ในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 ได้มีการนำบทบัญญัติดังกล่าวมาบัญญัติไว้ในมาตรา 116 โดยส่วนหนึ่งเป็นการคงสาระตามบทบัญญัติเดิมไว้ แต่ได้มีการตัดเอาส่วนของการดูหมิ่นต่อพระมหากษัตริย์ออกไป ทำให้บทบัญญัติของมาตรานี้เป็นเรื่องของการกระทำที่มุ่งต่อรัฐบาล หรือมุ่งสร้างความไม่สงบที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐเป็นการเฉพาะเจาะจง

ประเด็นที่สอง บทบัญญัติในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ถูกแก้ไขใหม่ในมาตรา 112 ให้มีข้อความดังต่อไปนี้

ผู้ ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

คณะ รัฐประหาร 20 ตุลาคม 2519 ได้ออกคำสั่ง คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเมื่อ พ.ศ. 2519 ได้เพิ่มโทษ บทบัญญัติของความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ได้กลายเป็นบทบัญญัติที่สืบเนื่องมา โดยเฉพาะการเพิ่มบทลงโทษจากจำคุก ไม่เกินเจ็ดปีเป็นจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี"

อ่านบทความอาจารย์ สมชาย ปรีชาศิลปกุล ฉบับเต็ม หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ


***************

เราขอจบบทความนี้ด้วยบทกวี "มาตรา 112" ของ MuhammadHaris Kayem ที่เขียนไว้ที่เฟสบุค ได้อย่างน่าประทับใจ

โปรดเย็บลวดหนามปิดปากข้า

หากกังวลว่าคำพูด

และโปรดควักหัวใจของข้าออกมาด้วย

อย่าให้มันเดือดดิ้นในร่างทรงแห่งความโป้ปด

ทุกสิ่งกำลังเคลื่อนไหว ทุกสิ่ง

พวกมดกำลังกลิ้งจักรวาล

ผงคลีดินขดตัวเป็นลายก้นหอย

พายุหมุนเกลียวขึ้นจากใต้ยุ้งฉาง

หอบพัดเมล็ดพันธุ์ร่วงลงเหนือหลังคาเวียงวัง

ชูช่อโน้มลงดิน

สิ่งนี้มิใช่หรือ ที่สูงค่ากว่า

ข้ามิปรารถนาละเมิด

Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 2/22/2011 11:01:00 หลังเที่ยง Share on Facebook

http://thaienews.blogspot.com/2011/02/112_22.html



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน