แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ฟัง "ทูตอียู" พูดถึงปัญหาพรมแดนไทยกับพูชา ชี้อียูรวมตัวสำเร็จด้วยยุทธศาสตร์ "แก้ปัญหาการเมืองผ่านเศรษฐกิจ"



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์

ที่มา ทีมข่าวอิสรา โต๊ะข่าวภาคใต้

18 กุมภาพันธ์ 2554


โอกาส พิเศษยิ่งที่ทีมข่าวอิศราได้ทำการสัมภาษณ์คุณเดวิด ลิปแมน เอกอัครราชทูต และหัวหน้าคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย เกี่ยวกับความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาประเทศไทยของอียู และโยงถึงคำถามแห่งความสำเร็จของการร่วมตัวของประเทศยุโรป 27 ประเทศเป็นกลุ่มสหภาพยุโรป (European Union) หรือที่รู้จักกันในนาม อียู

ไทย อีนิวส์เห็นว่าเป็นบทสัมภาษณ์ที่มีแง่มุมน่าสนใจ และอาจจะเตือนสติให้สังคมไทยฉุกคิดว่ามันมีหลายวิธีที่สามารถแก้ไขความขัด แย้งกับเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งจากบทเรียนของความสำเร็จในการรวมตัวเป็นกลุ่มสหภาพยุโรป คือ "แก้ปัญหาการเมืองผ่านเศรษฐกิจ" ซึ่งหลายรัฐบาลที่ผ่านมาของไทยนับตั้งแต่รัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ดำเนินนโยบาย "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า" จนพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านได้ในระดับที่น่าพอใจ จนมาตกต่ำย่ำแย่ และสร้างความอับอายในสายตานานาชาติ ก็ในยุคอภิสิทธิชนชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกษิต ภิรมย์นี่เอง


"ทีมข่าวอิศรา" ได้ มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายเดวิด ลิปแมน เอกอัครราชทูต และหัวหน้าคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย ถึงมุมมองและบทบาทของสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีต่อปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางออกของปัญหาขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายประเด็น

O อียูมองปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร และวางบทบาทอย่างไรต่อปัญหาที่เกิดขึ้น?

ประการ แรกคือเราติดตามปัญหา มองเห็นความสูญเสียที่เกิดกับชีวิตของผู้บริสุทธิ์ เราให้น้ำหนักตรงนี้ ฉะนั้นอียูจึงทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ซึ่งทำงานในระดับรากหญ้า เน้นที่กระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย องค์กรเหล่านี้เป็นพันธมิตรสำคัญของอียูที่ช่วยให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้ ที่ต้องการอย่างแท้จริง

ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการยุโรปมอบเงิน สนับสนุนโครงการหลากหลายของ องค์กรที่ไม่ใช่รัฐ รวมไปถึงส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและดูแลสิ่งแวดล้อม การส่งมอบบริการทางสังคมขั้นพื้นฐาน การสร้างกระบวนการปรองดองผ่านการดำเนินกิจกรรมพัฒนาชุมชน การต่อสู้กับการกีดกันและทำให้ไม่มีความสำคัญทางสังคม

องค์กร เหล่านี้ก็เช่น ศูนย์ทนายความมุสลิม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เป็นต้น งานของเราเน้นสนับสนุนให้ประชาชนกับรัฐทำงานร่วมกันได้ดี และเน้นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ให้ผู้ถูกจับกุมมีทนายแก้ต่างในคดีได้

O อยากให้ขยายความเรื่องการทำงานในระดับรากหญ้าที่อียูให้ความสนใจ?

เรา เน้นทั้งเรื่องการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจชุมชน และสิ่งแวดล้อม เรามีโครงการช่วยเหลือประชาชนในด้านเศรษฐกิจด้วย เช่น การทำฟาร์มกุ้ง และการสนับสนุนชุมชนเครือข่ายชาวประมงขนาดเล็กของ จ.ปัตตานี นี่คือตัวอย่างขององค์กรภาคประชาสังคมที่ได้รับการสนับสนุนจากอียู โดยทางชุมชนต้องการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และดำรงไว้ซึ่งการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิกชุมชนต้องพึ่งพิงในการดำรงชีวิต ชาวบ้านในชุมชนปาตาบูดี (อยู่ใน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี) ได้ร่วมกันสร้างเพิงพักเรือบริเวณชายหาด เมื่อชาวประมงกลับจากการหาปลาในแต่ละวัน ชาวบ้านที่อยู่บนชายฝั่งก็จะช่วยกันเข็นเรือขึ้นไปพักเก็บไว้ในเพิง นี่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่อียูให้ความช่วยเหลือ

นอกจากนั้นยัง มีทูตอียูจากประเทศต่างๆ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นระยะ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยพาเดินทางลงพื้นที่หลายครั้ง หลายช่วงเวลา แต่สถานที่ที่ไปเป็นสถานที่ที่ทางอียูเลือกเอง ไม่ได้ถูกพาไป หรือบางครั้งคณะทูตก็จะมากันเอง

สิ่งที่ผมอยากฝากก็คือ เราอยากให้เกิดสันติภาพ สันติสุข และการปรองดองแก่คนในพื้นที่ให้มากที่สุด

O การที่อียูมีประสบการณ์เรื่องการรวมตัวกันเป็นสหภาพ ก้าวข้ามเรื่องพรมแดนและเส้นเขตแดนของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนกำลังก้าวตาม อยากทราบว่ามีการจัดการปัญหาหรือข้อพิพาทในระดับทวิภาคีอย่างไร เทียบกับกรณีที่กำลังเกิดปัญหาอยู่ในอาเซียน คือกรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา?

อียูเป็น ดินแดน ที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่สองมา ฝรั่งเศสกับเยอรมนีมีปัญหาชายแดนระหว่างกันเป็นประจำ อียูพยายามแก้ไขปัญหาการเมืองผ่านเศรษฐกิจ พยายามทำให้การค้าสร้างความมั่งคั่งร่วมกัน สร้างความมั่นใจให้กับทุกประเทศ สร้างรายได้ สร้างการค้าร่วมกัน ฉะนั้นเมื่อมีอียูจึงไม่มีสงครามอีก

กรณี ของไทยกับกัมพูชาก็มีอาเซียนดูแลอยู่ ฉะนั้นต้องสนับสนุนให้มีความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยผ่านการเจรจา เพราะการเจรจาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ควรทำสงครามต่อกัน ความเป็นจริงผู้นำของทั้งสองประเทศก็เคยทำงานร่วมกันมาในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศก็มีกลไกหลายระดับ สามารถใช้พูดคุยเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันได้

O โครงการ EU Travelling Tour of Thailand 2011 มีวัตถุประสงค์อะไร และทำไมถึงเลือกมาจัดในภูมิภาค (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา)?

การ จัดกิจกรรมในภูมิภาคเป็นสิ่งสำคัญในฐานะของทูตของสหภาพยุโรปที่ เห็นว่าประเทศไทยมีมากกว่ากรุงเทพฯ เรามีความตั้งใจที่จะเดินทางไปทั่วประเทศทุกภูมิภาค ทั้งเชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่เป็นหลักในภูมิภาคนั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสหภาพยุโรปให้มากขึ้น และในครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จัดกิจกรรม ต่างๆ ขึ้น

O ทุนอีราสมุส มุนดุส เปิดโอกาสให้กับเยาวชนในพื้นที่ภาคใต้แค่ไหน อย่างไร?

ทุน นี้เป็นทุนใหญ่ที่ทางอียูให้กับนักเรียนทั่วโลกและประเทศไทย ปัจจุบันมีนักเรียนไทยได้รับทุนนี้มากถึง 260 คน ทุนอีราสมุส มุนดุสมี 2 แบบ คือทุนที่ให้กับนักเรียน นักศึกษา อาจารย์ บุคลากร กับทุนที่ต้องเซ็นสัญญาตกลงเป็นการเฉพาะกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นทุนที่ให้ในเรื่องการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก รวมทั้งทุนวิจัยทุกด้าน ให้ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

สำหรับ เฉพาะในภาคใต้ ล่าสุดอียูได้เซ็นสัญญาตกลงกับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อให้กันที่ไว้สำหรับนักศึกษาจาก ม.อ.จำนวน 22 ทุน และอีก 29 ทุนเป็นทุนสำหรับบุคลากรกับอาจารย์ กระจายแบ่งกับมหาวิทยาลัยอื่นด้วย

O การจัด English debate training ที่ส่งเสริมการแสดงความคิดเห็นต่าง มีรายละเอียดอย่างไร?

ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่มีการจัดอบรมเกี่ยวกับการโต้วาทีภาษาอังกฤษ ระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย มีนักศึกษาจาก ม.อ.จำนวน 10 คนเข้าอบรมและแข่งขันด้วย นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษได้ดี อยากให้นักศึกษา ม.อ.และสถาบันการศึกษาอื่นๆ ในภาคใต้ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ให้มากขึ้นในปี 2554

อีกโครงการหนึ่ง ที่อียูกำลังทำคือโครงการถนนปลอดภัย หรือ Road Safety เหตุผลประการแรกที่ทำโครงการนี้เพราะเห็นว่าในเมืองไทยมีเยาวชนที่ใช้รถใช้ ถนนอย่างไม่ปลอดภัยจำนวนมาก ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เราจึงร่วมมือกับทาง ม.อ.จัดตั้งศูนย์ Center of Excellence เพื่อให้ความรู้ โดยเน้นการสร้างศักยภาพของบุคลากรในการให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปในเรื่อง การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โครงการนี้ใช้งบประมาณ 16 ล้านบาท เป็นศูนย์สำหรับภาคใต้ทั้งหมดรวมทั้งของเอเชียด้วย โดยจะเปิดศูนย์ในเดือน พ.ค.นี้

O บทบาทของอียูและการมีทูตอียูประจำประเทศไทยช่วยให้ประชาคมโลกมีความเข้าใจประเทศไทยดีขึ้นแค่ไหน?

เมือง ไทยมีกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางและเป็นที่รวมของสื่อมวลชนนานาชาติ ทั้งซีเอ็นเอ็น อัลจาซีราห์ บีบีซี แม้กระทั่งสื่อของฝรั่งเศส สื่อเหล่านี้เป็นกระบอกเสียงทำให้ประชาคมโลกเข้าใจไทยได้มากขึ้นพอสมควร ขณะที่ไทยเองก็ประเทศเปิด มีความเป็นอิสระ ผมทำงานการทูตสาธารณะ เดินทางไปทั่วโลก เห็นว่าสิ่งที่ไทยกำลังทำนั้นดีแล้ว

Posted by TTT at 2/17/2011 05:03:00 ก่อนเที่ยง Share on Facebook

http://thaienews.blogspot.com/2011/02/blog-post_17.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน