วันนี้ หนังสือพิมพ์และแหล่งข่าวหลายแห่งพากันกล่าวถึงการจัดอันดับ “เสรีภาพในโลก” ขององค์กร Freedom house ในวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ประเทศไทยยังคงถูกจัดอยู่ในประเภทของ “ประเทศที่มีเสรีภาพเพียงบางส่วน” โดยอยู่ในประเภทดังกล่าวติดกันเป็นเวลา 4 ปี ส่วนลำดับของสิทธิทางการเมืองและเสรีภาพของพลเรือนยังอยู่ในลำดับเดิม ตั้งแต่ปีที่แล้ว องค์กร Freedom House กล่าวอย่างคร่าวๆว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เสรีภาพของพลเรือนลดลงอย่างต่อเนื่องในหลายปี ที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ หากพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
แม้องค์กร Freedom House จะสังเกตเห็นว่าว่า ความเป็นประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้นตกต่ำลง แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ควรจะดีใจที่องค์กร Freedom House ไม่ได้ประนามรัฐบาลรุนแรงกว่านี้ เพราะมันยากที่จะเชื่อว่าเสรีภาพโดยรวมของประเทศไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจาก ปีที่แล้ว เพราะมีการใช้พรก.ฉุกเฉินติดต่อกันเป็นเวลาถึง 9เดือน จะเห็นว่ารัฐบาลไทยได้ประโยชน์จากการจัดลับดับที่เต็มไปด้วยอคติขององค์กร Freedom House ที่มีมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น นักรัฐศาสตร์อย่าง Kenneth Bollen ได้แสดงทัศนะว่าองค์กร Freedom House มักจะผ่อนปรนกับเผด็จการที่เป็นมิตรกับรัฐบาลอเมริกามากกว่า เราลองจินตนาการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการจัดลำดับเสรีภาพในเวเนซูเอล่าหาก Hugo Chavez สังหารผู้ชุมนุมกว่า 90 รายบนท้องถนนกรุงคาราคัส หรือบิดเบือนการใช้กฎหมายฉุกเฉิน ข้อเท็จจริงคือ ลำดับของสิทธิพลเรือนในเวเนซูเอล่าลดลงอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา แม้ Hugo Chavez ไม่ได้กระทำเรื่องดังกล่าวเลยก็ตาม
นอกจากนี้ ใครก็ตามที่หวังดีกับประเทศไทยอย่างแท้จริงก็ต้องรู้สึกแย่เมื่อต้องทนดู ประเทศไทยกำลังจมดิ่งลงสู่หุบเหวภายการนำของรัฐบาลนี้ เพราะการจัดลำดับ “สิทธิทางการเมือง” ในประเทศไทย (ได้คะแนนลำดับ 5) ถูกจัดให้อยู่ในลำดับเดียวกับประเทศอย่างประเทศบูร์กินาฟาโซ, บุรุนดี, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, แกมเบีย, อูกานดา, กินี, อิรัค, โคโซโว, คีร์กีซสถาน, เลบานอน, โมรอคโค, ไนเจอร์, สิงคโปร์, ศรีลังกา, โทโก และเวเนซูเอล่า ในขณะที่คะแนนในเรื่อง “สิทธิพลเรือน” นั้นดีกว่านิดหน่อย (ได้ 4คะแนน) และอยู่ในลำดับเดียวกับประเทศอาร์มาเนีย, บังคลาเทศ, โคลัมเบีย, โคโมรอส, ติเมอร์ตะวันออก, ฟิจิ, กัวเตมาลา, กินี-บิสเซา, ฮอนดูรัส, โคโซโว, ลิเบอร์เลีย, มาดากัสการ์, มาลาวี, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, โมรอคโค, เนปาล, นิคาร์รากัวร์, ไนเจอร์, ไนจีเรีย, สิงคโปร์, ศรีลังกา, โทโก, อูกานดา และแซมเบีย
แม้ว่ามาตรฐานของระบอบประชาธิปไตยของไทยจะตกต่ำเป็นเวลาหลายปี แต่การที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ลำดับเดียวกับประเทศเหล่านั้นถือเป็นสิ่ง ที่น่าอับอาย
ประการแรกคือ ประเทศไทยพัฒนาไปไกลกว่าประเทศอื่นที่อยู่ในลำดับเดียวกันในการจัดลำดับ สิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเรือน ซึ่งยกเว้นประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่พัฒนากว่าประเทศไทยในแง่ของความ มั่งคั่ง อายุขัยของประชากร และระบบการศึกษาเท่านั้น แต่ทั้งสองประเทศนี้ไม่ได้เป็นประเทศตัวอย่างที่ดีในแง่ของเสรีภาพและระบอบ ประชาธิปไตยเลย ประเทศอย่างแซมเบีย, แกมเบีย, มาลาวี, กินี,สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ,บูร์กินาฟาโซ, ลิเบอร์เลีย, กินี-บิสเซา, บุรันดี และไนเจอร์ถูกจัดให้อยู่ใน 20 ลำดับสุดท้ายของประเทศด้อยพัฒนาที่สุด
ประการที่สอง สถาบันทางประชาธิปไตยในประเทศไทยได้เริ่มพัฒนามายาวนาน โดยประเทศส่วนใหญ่ที่ถูกจัดให้อยู่ในลำดับเดียวกับประเทศไทยนั้นต่างเคยเป็น ประเทศในอาณานิคมของตะวันตกมาก่อน และเมื่อไม่นานมานี้มีเหตุการณ์วุ่นวายและสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในบาง ประเทศเหล่านี้ด้วย ส่งผลให้ประชาชนหลายแสนคนเสียชีวิต เป็นเวลากว่า 8ทศวรรษแล้วที่ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยยังคงถูกจัดให้อยู่ในลำดับเดียวกันกับประเทศอย่างเลบานอน, ลิเบอร์เลีย, ไนจีเรีย หรือศรีลังกา
ประเทศที่องค์กร Freedom House จัดให้อยู่ในลำดับเดียวในประเทศไทยนั้น อาจมีข้ออ้างที่ฟังขึ้นว่าเหตุใดจึงไม่มีความเป็นประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยนั้นหมดข้ออ้างไปนานแล้ว ปัญหาของระเทศไทยไม่ได้อยู่ที่เรื่องความไม่พัฒนาหรือขาดความคุ้นเคยกับ ประชาธิปไตย แต่อยู่ที่ตัวของผู้นำ กลุ่มอำมาตย์ที่ปกครองประเทศโดยไม่ฟังเสีียงประชาชนมักชอบอ้างว่าตนเองนั้น เป็น “คนดี” และ “มีคุณธรรม” ท้ายที่สุดแล้ว ประเทศไทยสมควรมีรัฐบาลที่ดีเท่ากับประชาชน แต่เป็นที่ชัดเจนว่า หนทางนั้นยังอีกไกล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น