แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

จากตาดูดาวเท้าติดดิน..สู่การนำมวลชนเพื่อประชาธิปไตย

ปูนนก

ผมยอมรับด้วยความภาคภูมิใจ... ไม่เคยรู้สึกเสียใจหรือเป็นปมด้อยแม้แต่น้อยที่จะบอกกับใครต่อใครว่า ผมคือคนไทยที่ศรัทธาในแนวทางประชาธิปไตยและใส่เสื้อแดงในฐานะประชาชนที่จะเรียกได้ว่าเป็น คนร่วมสมัยหรืออาจจะเรียกว่าคนรุ่นต่อเชื่อมระหว่าง คนรุ่นก่อนที่ไม่รู้จักเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ กับคนรุ่นใหม่ที่มีวิถีชีวิตที่ขาดคอมพิวเตอร์ไม่ได้ในปัจจุบัน สิ่งที่ได้รับรู้และเห็นมาโดยตลอดก็คือ.. การเปลี่ยนแปลงของโลกที่หมุมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมาก.. โลกเมื่อ 30 - 40 ปีที่แล้วที่เรียกว่ายุคอนาลอค.. แต่ละปีมีการเปลี่ยนไปของวิถีชีวิตไม่มากนัก..หรือบางทีอาจจะมีน้อยจนไม่ รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ..


แต่นับจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เริ่มก้าวเข้ามาสู่ความเป็น เทคโนโลยีแบบดิจิตอล.. ทุกสิ่งเปลี่ยนไปจนไม่อาจจะคาดคิดได้.. จากการคำนวณด้วยลูกคิดแบบจีน.. สไลด์รูท์.. มาเป็นการคำนวณด้วยเครื่องคิดเลขดิจิตอลอันเล็กเท่านามบัตร (หรือเล็กกว่า) .. จากโทรศัพท์สายเครื่องใหญ่เท่าโต๊ะมาสู่โทรศัพท์ไร้สายอันเล็กเท่าไม้จิ้ม ฟัน.. ระบบระหัสมอสที่เคยเป็นนวัตกรรมอันยิ่งใหญ่เมื่อ 100 ปีก่อน ในที่สุดก็ต้องถูกเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ไม่มีใครนำมาใช้อีก..นี่กระมังที่เป็น สิ่งสำแดงให้เห็นถึงการเป็นไปตามกฏของไตรลักษณ์คือ อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตนาหรือที่ทางพระพุทธศาสนาจะใช้คำว่า เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไปเป็นธรรมดา


การเกิดขึ้นของกระแสความนิยมในตัวของท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นไปตามกฏของไตรลักษณ์นี้เช่นเดียวกันคือ..ท่านนายกทักษิณ มาทำงานการเมืองพร้อมกับแนวคิดเพื่อนำพาชาติไทยก้าวไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ให้ทันกับเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนไป.. ท่านมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ต้องการให้ประชาชนไทยมีความเข้าใจและใช้โอกาสที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงนี้ให้ เกิดประโย
ชน์กับทุกๆ คนโดยรวม...


ท่านนายกทักษิณ เป็นนายกไทยคนแรกที่นำเอาระบบการทำงานแบบดิจิตอลมาใช้ในการบริหารและพัฒนา ประเทศ มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลที่ล้ำหน้าใครหลายๆ คนที่เป็นเป็นผู้บริหารประเทศก่อนหน้านั้นอย่างชนิดเทียบกันไม่ได้.. เป็นผู้นำประเทศคนแรกที่มีแนวคิดในการบริหารประเทศแบบ win win คือทุกๆ คนในประเทศนี้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน..(คือการสร้างระบบทุนนิยมเสรีขึ้นมา)


ท่านนายกทักษิณ เป็นนักธุรกิจไทยคนแรกที่เห็นความสำคัญของระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียมและมี ดาวเทียมเ
ป็นของตนเอง.. เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนแรกที่เข้ามาทำงานการเมืองด้วยความมีฐานะเป็นเศรษฐี อันดับต้นๆ ของเมืองไทยในฐานะนักธุรกิจการสื่อสารผู้ประสบความสำเร็จ..


ในฐานะนักบริหารท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนหนังสือแนะนำแนวทางในการดำเนินชีวิตเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ไว้เล่มห
นึ่งชื่อว่า ตาดูดาวเท้าติดดินที่รวบรวมชีวประวัติ..ปรัชญาการทำงาน.. วิธีการดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จของท่าน.. เพื่อให้ผู้คนทั้งหลายได้เรียนรู้และนำไปใช้เป็นแนวทางให้เกิดประโยชน์ใน ชีวิตจริงของตน.. โดยปรัชญาหลักๆ ของหนังสือเล่มนี้ที่น่าจะสรุปรวมได้ก็คือ ฝันให้ไกลและไปให้ถึงนั่นเอง


ท่านนายกทักษิณ ชินวัตร เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และมีความเป็นชาตินิยมสูง ด้วยความรักชาติและคนไทยพี่น้องร่วมชาติ ท่านจึงประสงค์ที่จะเห็นคนไทยทุกๆ คนอยู่ดีมีสุขด้วยกันอย่างถ้วนหน้า..ดังนั้นนโยบายในการบริหารประเทศตลอด 5 ปีที่ท่านอยู่ในตำแหน่ง..จึงเป็นนโยบายที่ทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความ มั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และพัฒนาความรู้ของคนในชาติทั้งสิ้น


ด้วยเหตุนี้ในห้วงเวลาดังกล่าวคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ (ขอย้ำว่าคนไทยส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทุกคน) ต่างก็มีความสุขและชื่นชมยินดีกับการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ในขณะนั้น
..


แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่า ท่านนายกทักษิณ ชินวัตร เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใชนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ เมื่อท่านนำตัวเองเข้ามาสู่การทำงานทางการเมือง.. แม้ว่าจะโดยความปรารถนาดี และมีผลงานที่ดีเพียงใด แต่ท่านก็ยังคงเป็นเพียงแค่นักธุรกิจเท่านั้น ท่านไม่ใช่นักการเมืองอยู่ดี. .


การที่ท่านนายกทักษิณ ถูกลอบวางระเบิดเครื่องบินโดยสาร ที่จะเดินทางไปเชียงใหม่ ในช่วงแรกของการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงการความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่ต้องการทำลายล้างการทำงานของท่านนายกทักษิณ จนถึงกับตั้งเป็นวาทกรรมว่า ระบอบทักษิณซึ่งโดยที่ท่านนายกทักษิณ เอง ไม่สามารถจัดการหรือตอบโต้ใดๆ ได้เลยในทางการเมือง จนในที่สุดก็ถูกทำการรัฐประหารยึดอำนาจไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ...นี่แสดงให้เห็นชัดว่า ท่านนายกทักษิณ ไม่ใช่นักการเมืองที่จะสามารถเป็นผู้นำมวลชนในทางการเมืองได้อย่างแน่นอน..


และแม้ว่าท่านจะถูกรัฐประหารยึดอำนาจไปแล้ว.. ต้องถูกยึดทรัพย์..ถูกตัดสินจำคุก..ถูกตามล่าตามล้างไปทั่วโลก.. ถูกใส่ร้าย.. ถูกกล่าวหา.. ถูกลอบสังหาร.. แต่ในทางการเมืองท่านนายกทักษิณ ยังไม่มีภาพชัดที่แสดงให้มวลชนที่รักท่าน และยอมตายเพื่อประชาธิปไตย (คนเสื้อแดง) เห็นว่า ท่านพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการต่อสู้ร่วมกันในครั้งนี้.. แม้ว่าที่ผ่านๆ มาในการอยู่เบื้องหลัง พรรคพลังประชาชน.. พรรคเพื่อไทย..ก็ตาม.. การโฟนอิน หรือการเขียนลงในทวิสเตอร์ แต่ละครั้ง..ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ท่านนายกทักษิณ ใช้ในการเรียกคะแนนเสียงให้กับนักการเมืองในพรรคเหล่านั้นเท่านั้น.. แต่ยังไม่ใช่การร่วมมือกับประชาชนคนเสื้อแดงในการต่อสู้กับเผด็จการตัวจริง เท่าใดนัก
..


จนกระทั่งแม้แต่ผมเองก็ยังมองไปว่า ท่านนายกทักษิณ ชินวัตร เป็นนักธุรกิจที่เหมาะในการบริหารประเทศ แต่ไม่ใช่นักต่อสู้เพื่อการปฏิวัติประชาธิปไตย ท่านจึงไม่เหมาะที่จะผู้นำในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้ง นี้..


ทว่าการโฟนอินของท่านนายกทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2554 ที่ผ่านมาที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผมคิดผิดการที่ท่านนายกทักษิณ พูดถึง พลเอกผัว พลเอกเมีย.. และเจ้าของบริษัท อย่างชัดเจนเช่นนี้แสดงว่า ท่านสู้แน่แม้ว่าการพูดโฟนอิน ในวันนั้นจะเป็นการพูดกับคนไทยที่ญี่ปุ่น แต่ท่านก็ต้องรู้ได้ว่าในโลกไร้พรหมแดนในปัจจุบันนี้ แม้เข็มตกเล่มเดียวที่ไหนในโลกประเทศไทยก็ได้ยินได้


ผมเชื่อว่าการเปิดหน้าท้าชกเช่นนี้.. ท่านนายกทักษิณ คงจะพิจารณาแล้วจะสถานการณ์โดยรวมของทั้งภายในและต่างประเทศว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศนี้จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นประชาธิปไตย ที่แท้จริ
งเสียที.. และถ้าท่านนายกทักษิณ ไม่แสดงตัวในการนำพาอย่างแท้จริง ประเทศชาติและคนในชาติก็จะต้องเสียโอกาสไปอีกนาน.. เหตุการณ์การปฏิวัติโดยประชาชนที่ประเทศ ตูนีเซีย คงจะเป็นตัวเร่งปฏิกริยา ให้ท่านนายกทักษิณ ตัดสินใจที่จะก้าวออกมานำพาพี่น้องประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตย ต่อสู้อย่างมีทิศทางและมีการนำที่ถูกต้อง


การต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นสงครามใด จำเป็นต้องมีแม่ทัพที่คอยสั่งการ.. แม้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะเป็นการต่อสู้โดยประชาชนก็ตาม แต่ประชาชนก็ต้องการทิศทางและแนวทางในการต่อสู้ทางยุทธวิธีด้วยเช่นกัน.. เมื่อท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ยอมที่จะก้าวออกมาอยู่แถวหน้าและเป็นผู้นำในการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว... ก็ขอให้ท่านได้ช่วยนำพาให้ความคิดและอุดมการณ์ประชาธิปไตยของคนในชาติมี ศูนย์รวมไปใน
ทิศทางเดียวกันด้วย


คนเสื้อแดงไม่มีใครกลัวการรัฐประหารที่อาจจะ เกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้.... เพราะไม่ว่าจะยุทธวิธีในแต่ละสมรภูมิการต่อสู้จะเป็นเช่นไร แต่ถ้ายุทธศาสตร์ความคิดรวมศูนย์ฯ เดียวกัน.. สุดท้ายแล้วก็จะได้ชัยชนะในเป้าหมายที่ต้องการอย่างแน่นอนครับ..

ปูนนก

http://www.internetfreedom.us/thread-11070.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน