" เมื่อคืนสำนักงานทนายความอัมสเตอร์ดัมได้ส่งคำฟ้องไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศแล้ว
โดย มีรายละเอียดชัดเจนว่า ระหว่างการประท้วงของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคมปีที่แล้ว ได้มีการใช้กระสุนจริงในการสลายการชุมนุมอย่างชัดเจนและมีการยิงฆ่าอย่างมี หลักฐานชัด
โดยสรุปได้แบ่งความผิดเป็นข้อๆดังนี้
* กองทัพจงใจสลายการชุมนุมเข่นฆ่าประชาชน โดยเฉพาะแกนนำ เมื่อ 10 เมษายน
* กองทัพจงใจสลายโดยเข้าสลายจากทุกจุดพร้อมกัน จงใจปิดล้อมจงใจฆ่าหมู่ไม่มีช่องทางให้หนีออกไปได้
* เมื่อไม่สำเร็จก็ใช้สไนเปอร์ิยิงจากระยะไกล มีการใช้สไนเปอร์อย่างเป็นทีมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีคำสั่งให้ใช้สไนเปอร์เป็นทีมตั้งแต่ 10-19 พ.ค.
* การใช้อาวุธต่างๆ ได้มีหลักฐานวิดิโอทั้งหมด ซึ่งเป็นวิดิโอจากกองทัพ
* กรณีชายชุดดำ รัฐพยายามบอกว่าชายชุดดำคือคนเสื้อแดง แต่ไม่เคยจับชายชุดดำได้เลยแม้แต่คนเดียวทั้งที่มีภาพข่าวและหลักฐานทาง โทรทัศน์มากมาย
* มีหลักฐานและพยานมากมายว่าผุ้ชุมนุม ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ
* การทำลายล้างโดยทหารและ ศอฉ. เกิดขึ้นจริง และมีการทำลายหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดโดยรัฐฯ (เช่นที่วัดปทุมฯ ทีทุบพื้น เทปูรอบโบสถ์ลบรอยกระสุนทิ้งทั้งหมด)
* มีหลักฐานในมือแล้วว่าคนเผาตึกเซ็นทรัลเวิร์ล ไม่ใช่คนเสื้อแดง เป็นชายชุดดำที่เตรียมการ ทั้งชุดและอุปกรณ์อย่างดี โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือ
* การพิจารณาคดีในประเทศไทยนั้น ยาวนานเกินไป และหยุดนิ่งมานานเกินควรแล้ว
* ช่วงเมษา- พ.ค. เกิดสังหารหมู่ใหญ่ที่สุดใน ประวัติศาสตร์ไทย แต่ก็ไม่มีใครออกมาร้องขอความยุติธรรมให้กับคนกลุ่มนี้ คนกรุงเทพนิ่งปิดปากกับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น จึงเป็นหน้าที่ที่เสื้อแดงต้องรุกนำคดีขึ้นสู่ศาลทุกศาลในโลกนี้
* เหตุการปี 1976 / 1976 / 1992 ในประเทศไทยเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ เมื่อมีการสอบสวนสักพักก็หายเงียบไป
* รัฐบาลไทยยังคงอยู่ได้ ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ และรู้สึกมั่นใจอย่างสูงในอำนาจพิเศษที่ปกป้องตน
* ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นที่โดนฆ่าตายโดยไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนใดๆ ก็เป็นหลักฐานหนึ่งที่รัฐพยายามจะถ่วงเวลา ปิดกั้นและทำลายหลักฐานทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหลักฐานต่างๆมากมายตรงหน้ายืนยันว่าการฆ่าเสื้อแดงเป็นการฆาตกรรมหมู่ จึงอดรนทนไม่ได้ที่จะไม่นำคดีขึ้นฟ้อง และไม่สามารถทนได้ที่จะนิ่งเฉยปล่อยกระบวนการยุติธรรมของไทยดำเนินไปยังล่า ช้า
* หลังรัฐประหาร มีผู้มีบารมี ออกมาใช้กำลังทางการทหาร และตลอดจนการสลายการชุมนุมก็มีการชี้นำจากผู้มีบารมี มีคำสั่งให้ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารยิงสไนเปอร์ มาในลักษณะ มือที่สาม เพื่อโยนความผิดให้ฝั่งคนเสื้อแดง
คำถามจากบางกอกโพสท์ว่า ไอซีซี รับเรื่องหรือยัง
ตอบ ได้ยื่นเรื่องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ปกติศาลจะไม่รับทันที แต่จะยังตรวจสอบหลักฐานต่อไป ซึ่งเหตุเพราะนายกฯ เป็นคนสัญชาติอังกฤษ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นสัญชาติของนายกฯให้ชัดเจน
คำถาม หากนายกฯ ใช้สัญชาติอังกฤษ จะมีปัญหาอย่างไรกับคดี
ตอบ ผู้มีสัญชาติในคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ มาตรา 12บี ระบุว่าสามารถดำเนินคดีได้ทันทีกับจำเลยที่มีสัญชาติที่เป็นสมาชิกได้ (หมายถึง ประเทศอังกฤษเป็นสมาชิกภาคีระหว่างประเทศของศาล และนายกฯ ก็เป็นคนในสัญชาติอังกฤษพอดี)
เขียนโดย Go6 TV
Thai crackdown on ‘red shirts’ planned years ago, report alleges
The Thai government’s crackdown on “red shirt” protesters last spring was planned nearly four years in advance and modelled on the
The report also alleged two
The report, prepared by the red shirts’ Toronto-based legal team, is expected to be filed with the International Criminal Court on Monday. It is asking the court to investigate whether the Thai government’s actions constituted crimes against humanity.
An estimated 90 people died and nearly 2,000 were wounded in clashes with government forces after demonstrators took to the streets of
A draft of the report, obtained by the Star, alleges Abhisit, along with senior government and army officials, began drawing up plans for suppressing anti-government protesters shortly after he assumed power in a military coup in 2006.
The plans included the construction of a full-scale mock-up of
Thai military personnel, including snipers, rehearsed at the mock-up as early as February 2007, the report alleges.
Immediately after the 2006 coup, the country’s leaders came to a consensus that the red shirts would eventually rise up in protest, so they began planning military countermeasures, says the report, which names 15 senior Thai government, army and police officers.
“It is safe to say that the Royal Thai Army carried out an attack against the red shirt civilian population according to a ‘state or organizational policy’ devised and approved at the highest levels of the country’s civilian and military leadership,” lawyers Bob Amsterdam and Dean Peroff argue in the report.
It was prepared on behalf of the National United Front for Democracy against Dictatorship, the formal name for the red shirt movement.
As part of their application to have the court investigate the events of last spring, the lawyers say they have affidavits from 88 witnesses who saw soldiers shoot at unarmed civilians, including three nurses, in a Buddhist temple on May 19, as well as affidavits from another 255 who witnessed the deadly April 10 confrontations.
Many of the witnesses are quoted in the report.
The application also includes a statement from “Anonymous Witness No. 22” — described as an amalgamation of testimony from several active-duty officers in the Thai military, who would be in grave danger if their identities were exposed, though the lawyers say they will provide all names to the court’s prosecutors.
That Thai military officials would provide evidence to assist the red shirts isn’t entirely surprising. Last month, The Economist magazine reported many army and police officers secretly support the protesters and feel the government crackdown was unjustified.
While loyally patrolling
One potential obstacle the red shirts face in getting the court to consider their complaint is whether
But
The court has the authority to investigate and prosecute people who are citizens of countries that are its members, which the
While
เขียนโดย Go6 TV
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น