ไข่เขย จันทร์เปล่ง นักโทษการเมืองที่ถูกปล่อยตัวเพียงคนเดียว
นักโทษการเมืองที่ถูกปล่อยตัวเพียงคนเดียว
_________________________________________________________________________________
30 ธ.ค. 53 ศาลได้พิพากษาตัดสิน คดีการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดมหาสารคาม โดยมีจำเลยทั้งหมด 8 คน ถูกตัดสินให้ได้รับโทษจำคุก 5 ปี 8 เดือน และ 6 ปี 8 เดือน โดยศาลได้ตัดสินให้ นาย
รู้สึกอย่างไร ที่ศาลตัดสินให้รอลงอาญา 2 ปี
ผม รู้สึกเสียใจมากที่เพื่อนของผมอีก 9 ชีวิตไม่ได้ออกมา เพราะผมได้สัญญากับเขาว่าจะพยายามให้พวกเขาได้ออกมาก่อน เพราะหลายคนยังเด็ก หลายคนมีลูกเล็กอยู่ เมียต้องมารับภาระคนเดียว ส่วนตัวผมนั้น มีครอบครัวที่เข้มแข็งกว่าคนอื่น จึงอยากให้คนอื่นออกมาก่อน และก็แปลกใจที่เพื่อนบางก็อยู่กับตนตลอดเวลาแต่ไม่ได้ออกมา ในความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับผมขาดส่วนของชีวิตไปแล้ว 9 ส่วน เพราะทั้ง 10 คนคือส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกันไปแล้ว หลังจากนี้ ผมก็คงจะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข เพราะส่วนชีวิตได้ขาดหายไป
ตอนนี้ได้เจอครอบครัวหรือยัง
ยังไม่ได้เจอลูก ได้เจอแต่ภรรยาคนเดียว
อุดมการณ์ที่มีก่อนถูกจับ กับปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างไร
อุดมการณ์ ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผมยังยึดมั่น ในตัวของผมเอง ผมออกมาเคลื่อนไหวโดยที่ผมไม่ได้รู้จักแกนนำหรือคนเสื้อแดงเลย ผมออกมาเพราะผมทนกับการบริหารงานของรัฐที่ไม่ได้เอาประชาชนเป็นใหญ่ไม่ได้ ผมอยากจะถามรัฐบาลจริงๆว่า ร้องเพลงชาติจบ แต่แปลเพลงชาติไทยออกทุกคำรึเปล่า คำว่า เป็น ประชารัฐ แปลว่าอย่างไร คนในประเทศ รับราชการเป็นส่วนน้อยกว่า กรรมกร หรือชาวนา แต่คุณเอาคนที่ทำงานข้าราชการส่วนน้อยเป็นใหญ่ ประชาชนที่เหลือเป็นส่วนน้อย ซึ่งมันกลับกันโดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกตอนนี้คุณไข่เขยอยากทำอะไร
ผม อยากกลับเข้าไปดูแลจิตใจเพื่อนที่อยู่ในเรือนจำเหมือนเดิม เพราะในกลุ่มเพื่อนมีผมคนเดียวที่คอยเป็นที่ปรึกษาและดูแลสภาพจิตใจทั้ง 9 คน ถ้าผมออกมาแล้วสภาพจิตใจของเพื่อนที่เหลือคงจะแย่ลงไปมากกว่านี้ ผมจึงไม่แปลกใจว่าทำไมผมได้ออกมาก่อน
ได้ข่าวว่ามีคนพยายามตามเก็บคุณหลังจากออกมาจริงหรือไม่
ตอน ผมถูกปล่อย มีคนแปลกหน้าพยายามตามความเคลื่อนไหวตลอด จนได้หลบออกไปอยู่เซฟเฮ้าส์ แต่ทนไม่ได้ อยากกลับมาประกอบอาชีพทำงานเลี้ยงครอบครัว จึงตัดสินใจกลับออกมา
ไม่กลัวถูกเก็บหรือ
ใน ใจตอนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกนั้นแล้ว เป็นห่วงเพื่อนที่เหลืออยู่ในเรือนจำมากกว่า เพราะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และถ้าเกิด ผมก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
ตอนอยู่ในเรือนจำเป็นอย่างไรบ้าง
ก็สบายดี เจ้าหน้าที่ก็ดูแลดีเป็นพิเศษ
มีอะไรเข้ามาแทรกแซงในเรือนจำรึเปล่า
มีผู้มีอำนาจเข้ามาพบผมในเรือนจำ แต่ไม่ขอเปิดเผย
มีอะไรจะฝากไหม
ตอน นี้ต้องยอมรับว่าความปลอดภัยของผมมีน้อยมาก ไม่รู้จะถูกเก็บตอนไหน และอยากถามถึงรัฐบาลกับความปลอดภัยของผู้ที่ถูกปล่อยตัว ว่าสามารถรับรองได้แค่ไหน ในความรู้สึกของผมคิดว่าคนอื่นจะได้ออกมาก่อน เพราะต่างเป็นเยาวชน และมีภาระที่ต้องดูแลอีกมาก แต่กลับเป็นผมได้ออกก่อน จึงเดาไม่ออกว่ามีนัยอะไรซ่อนเร้นรึเปล่า แต่ก็จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด และขอฝากไว้คำหนึ่งว่า ความยุติธรรมต้องเป็นไปตามหลักการ ไม่ใช่ไปตามความรู้สึกหรือการกระทำของใครคนใดคนหนึ่ง
หลัง จากให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วนาย ไข่เขยก็เข้าจุดธูปขอพรให้เพื่อนในเรือนจำ และไหว้พระในวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม และได้เดินทางกลับบ้าน ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น