อยู่เย็น พรหมมุนี
พวกคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์ต่างๆที่มีประสบการณ์สูง และมีคนติดตามอ่านมาก ผู้เขียนให้เป็นกูรูหรือเกจิทางสื่อสาร
...ระหว่างเวลาใกล้สิ้นปีเก่า ต่อด้วยขึ้นปีใหม่ เกจิพวกนี้จะออกมาให้โอวาทคนไทยกันมาก คนโน้นว่าไปทางโน้น คนนี้ว่าไปทางนี้ ตามความรู้และประสบการณ์ของตัว ซึ่งชาวบ้านก็รับฟังและเชื่อฟังอยู่มิใช่น้อย
แต่ประเภทที่น่ารำคาญที่สุดในบรรดาเกจิด้วยกัน ผู้เขียนต้องยกให้คนที่ชอบออกมาสั่งสอนว่า สิ้นปีเก่า ขึ้นปีใหม่แล้ว ขอให้คนไทยเลิกทะเลาะกันเสียที
ที่เหลืองก็ให้เลิกเป็นเหลือง
ที่แดงก็ให้เลิกเป็นแดง
ที่เคยเป็นอะไร คิดอะไร ขอให้เลิก แล้วหันหน้าเข้าหากัน รักกัน สามัคคีกัน ฯลฯ
คนพูดแบบนี้ผู้เขียนอยากโห่ฮาป่าใส่หน้าเต็มที เพราะดูไปแล้วก็เป็นคนประเภทแก่มะพร้าว เฒ่ามะละกอ ไม่มีสติปัญญา และไม่มีแก่นสารอะไรที่ประชาชนพอจะพึ่งได้
ผู้เขียนเห็นว่าเกจิประเภทนี้ยังไม่รู้จักความจริงหลายๆอย่างในสังคมไทย และวิเคราะห์ไม่ออกว่าเขาขัดแย้งกันด้วยเรื่องอะไร แล้วดันทะลึ่งมาเสนอทางออกแบบโง่ๆ
โอวาทแบบนี้ถ้าคนไทยเชื่อก็เท่ากับยอมรับให้พระสามัคคีกับโจร ยอมรับการสมานฉันท์ระหว่างผู้กดขี่กับผู้ถูกกดขี่ และยอมรับงานสังสรรค์สมานไมตรีระหว่างนักโทษกับผู้พิพากษาที่กินสินบน
เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
สังคมไทยแตกแยกไม่ใช่เพราะจู่ๆก็ลุกขึ้นมาแตกแยก สังคมไทยแตกแยกเพราะมีคนจงใจทำให้มันแตกแยก
ดังนั้น เมื่อมันแตกแยกแล้วจึงไม่อาจทำให้เลิกแตกแยกได้ เพียงเพราะการเรียกร้องด้วยวลีไพเราะคำสองคำ
ไม่ว่าสังคมไทยหรือสังคมไหนๆมันตั้งขึ้นและดำรงอยู่ได้เพราะมีกฎเกณฑ์ กติกา อันเป็นที่ยอมรับกัน
ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 สังคมไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข มีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เป็นลายลักษณ์อักษรรองรับ จึงมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และมีสภาที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่มีการกล่าวหากันกลางเมืองในเวลานั้นว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ กับมีพฤติการณ์ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์
ข้อกล่าวหานี้สามารถกล่าวหากันได้ แต่ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้แก้ข้อกล่าวหา
แต่นี่ไม่ใช่
กล่าวหาแล้วไม่เปิดโอกาสให้เขาแก้ข้อกล่าวหา กลับใช้วิธีการที่ไม่มีอยู่ในกฎเกณฑ์ กติกาปกครองบ้านเมือง คือใช้วิธีการยึดอำนาจ ซึ่งผิดมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
การยึดอำนาจแล้วไม่ได้ยึดเปล่า ยังบังอาจเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศจากประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขเป็นระบอบเผด็จการ
เมืองไทยมันแตกแยกกันตั้งแต่วันนั้นแล้ว และแตกจนเย็บไม่ติดมาจนถึงวันนี้
คนไทยซีกหนึ่งยอมรับวิธีการนั้นโดยดุษณี
แต่คนไทยอีกซีกหนึ่งไม่ยอม
คุณทักษิณ ชินวัตร นั้นเป็นตัวประกอบดอก ไม่ใช่ตัวหลัก
ดังนั้น การออกมาโฆษณาชวนกันให้สามัคคีเพื่อความสงบสุขและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติในโอกาสวันขึ้นปีใหม่จึงเป็นเรื่องไร้สาระ ไร้สติ
ผู้เขียนเห็นว่า คนทุกวันนี้ยอมแตกแยก และขัดแย้งกันไปสัก 5 ปี 10 ปี หรือ 100 ปีก็ได้ ถ้าไม่ขจัดที่ต้นเหตุของความแตกแยก
จะจับขังกันไปสัก 100 จะทำให้ตายเสียสัก 500 และบาดเจ็บสักกี่พันคนเขาก็ไม่กลัวกันเสียแล้ว
พระธรรมคำสั่งสอนของศาสดาในศาสนาไหนก็เอาไม่อยู่
เว้ยเสียแต่จะได้เริ่มต้นอย่างถูกประเด็น
คือเริ่มสร้างกติกาประชาธิปไตย ต้องมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง ต้องมีสภาใหม่จากการเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญใหม่ที่มีที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง
อย่าเถียงว่าเดี๋ยวนี้ก็มีอยู่แล้ว เพราะนี่คือคำโกหกที่ดำรงมา 5 ปีแล้ว
*******************************
เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 12 ฉบับที่ 2965 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 7 มกราคม 2011
โดย อัคนี คคนัมพร
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=47795
http://www.facebook.com/home.php#!/photo.php?fbid=157718467609822&set=a.101434359904900.653.100001150083953
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น