แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เอกภาพในยุทธศาสตร์ หลากหลายในยุทธวิธี

เอกภาพในยุทธศาสตร์ หลากหลายในยุทธวิธี
โดย...สึ-นามิ

20 ธันวาคม 2551

ในยามนี้ เครือข่ายอภิสิทธิ์ชนที่ประกอบด้วยกองทัพ ตุลาการภิวัตน์ สื่ออนุรักษ์ นักวิชาการหลงผิด และกลุ่มทุนอนุรักษ์ผูกขาด ที่ได้ทำข้อตกลงลับกับปีศาจที่หื่นกระหายแห่งอำนาจทางการเมือง และปล้นชิงประชาธิปไตยจากมือของปวงชนไปอย่างละโมบด้วยการรัฐประหารเงียบ (หลังจากที่รัฐประหารเปิดเผยล้มเหลวลงไป) กำลังพากันเริงร่าอย่างลิงโลดกับชัยชนะของพวกเขาในการทำลายล้างโครงสร้างของ สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า”ระบอบทักษิณ”อย่างค่อนข้างเด็ดขาด เพื่อปูทางไปสู่หนทางประชาธิปไตยแบบสั่งการที่พร้อมจะใช้อำนาจนอกระบบรัฐ ธรรมนูญ ซึ่งตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยของปวงชนอย่างแท้จริง

ปรากฏการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเข้มแข็งขึ้นจนสามารถกุมสภาพได้เบ็ดเสร็จในกำมือแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้ว มิใช่เช่นนั้นเลย พวกเขากำลังตกอยู่ในสภาพ ‘ปากกล้า ขาสั่น’ จนกระทั่งกล้าสุ่มเสี่ยงกับการใช้อำนาจทั้งในและนอกรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนิน การทำสงครามทางชนชั้นในขั้นแตกหักกับพลังประชาธิปไตยของปวงชนชาวไทยทั้งมวล

ต้นทุนของพวกอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้ในการดำเนินการอย่างหื่นกระหาย ทั้งการกำจัด”ระบอบทักษิณ” และปล้นชิงประชาธิปไตยจากปวงชน กำลังกัดกร่อนทำลายอำนาจของพวกเขาเองที่เคยดำรงกันกันมายาวนาน รวมทั้งสถาบันกองทัพ สถาบันตุลาการ และกระทั่ง สถาบันกษัตริย์ที่พวกเขาอ้างว่าต้องการปกป้อง

โดยเฉพาะอย่างหลังสุดนั้น เราได้เห็นความเป็นปฏิกิริยาในฐานะทุนผูกขาดอนุรักษ์ที่อาศัยคราบของซากเดน ความคิดอันคร่ำครึหลอกลวงปวงชนมายาวนาน ถูกแสดงออกมาอย่างล่อนจ้อนถึงธาตุแท้ที่ไม่อาจปิดบังสายตาของผู้รัก ประชาธิปไตยทั้งหลายทั่วโลกได้อีกต่อไป

เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศและทั่วโลก ตอกย้ำว่า พลังปฏิกิริยาของพวกเขาในการสร้างเครือข่ายขัดขวางมิให้สังคมไทยเป็น ประชาธิปไตยของปวงชนอย่างแท้จริง ตรงกันข้ามกับคำโกหกเพื่อสร้างภาพของ ธรรมิกราช (หมายถึงเป็นราชาโดยฝูงชน)ที่สมมุติตามคติทางพุทธศาสนา เพื่อเยินยอว่าพวกเขาเชื่อใน ‘อเนกนิกรสโมสรสมมติ’ อันจอมปลอมมากเพียงใด

3 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายอภิสิทธิ์ชนกลุ่มนี้ ได้ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับชักนำประเทศไทยให้เผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเมือง ระลอกแล้วระลอกเล่า โดยผ่านการจัดตั้งอย่างเป็นระบบผ่านปฏิบัติการของพลังสื่อ มวลชนบนท้องถนน พลังกองทัพ พลังในรัฐสภา และพลังตุลาการ ที่สอดรับกันโดยไม่คำนึงถึงถึงต้นทุนความเสียหายของประเทศที่กำลังขับ เคลื่อนไปบนการเป็นชาติกึ่งอุตสาหกรรม และมีเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง

การขับ เคลื่อนเพื่อปล้นชิงประชาธิปไตยของปวงชนนั้น เราได้เห็นชัดเจนว่า ได้กระทำพร้อมกันไป 4 แนวรบ คือ

1) ในรัฐสภา
2) บนท้องถนน
3) ใช้ช่องทางกฎหมายผ่านระบบตุลาการที่เอียงกระเท่เร่
4) ในระบบอมาตยาธิปไตย ทั้งทางกองทัพ และข้าราชการพลเรือน

ไม่เพียงเท่านั้น การเมืองบนท้องถนนของพวกเขา ที่แม้จะกล่าวอ้างแนวทางอารยะขัดขืนบังหน้า แต่ข้อเท็จจริงคือได้ยกระดับขึ้นเป็นกองกำลังติดอาวุธแบบทหารนอกประจำการที่ ชัดเจน

พฤติกรรมอันน่าขยะแขยงประเภท ‘ยิ่งหวั่นกลัว ยิ่งกระทำสิ่งน่าอัปยศ’ ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงอันล่อนจ้อนว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการประชาธิปไตยของปวงชนที่แท้จริง ตามเจตนารมณ์ 24 มิถุนายน 2475 แต่กำลังต้องการลากจูงสังคมไทยไปสู่การเมืองใหม่ ซึ่งแท้จริงแล้วคือ การย้อนหลังกลับไปสู่เผด็จการรูปแบบเก่าที่อมาตยาธิปัตย์และเครือข่าย อภิสิทธิ์ชนมีอำนาจแทรกแซงการเมืองได้ตามอำเภอใจ โดยใช้ข้ออ้างคร่ำครึที่ไร้เหตุผลว่าคนส่วนใหญ่ในชนบทเป็นพวกมี "การศึกษาต่ำ" เกินไป จนไม่สามารถลงคะแนนเสียงได้อย่างมีวิจารณญาณ

พลัง ของเครือข่ายอภิสิทธิ์ชนนี้ ได้อธิบายให้เห็นชัดเจนว่า เหตุใดรัฐบาลประชาธิปไตยของปวงชน ที่ใช้การต่อสู้เพียง 2 ด้านคือ การเลือกได้เสียงข้างมากในรัฐสภา และ การมีมวลชนจำนวนมากบนท้องถนนสนับสนุน จึงไม่สามารถต่อกรและรับมือกับแรงกดดันจากการกระทำอันสามานย์ของเครือข่าย ดังกล่าวได้

เพื่อปกป้องและสืบทอดเจตนารมณ์ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งยืนยันชัดเจนในความตอนหนึ่งของประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 ที่ว่า 'ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง..มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญ คุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กินว่า ราษฎรยังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้ เพราะราษฎรโง่ คำพูดเช่นนี้ใช้ไม่ได้’ ผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายจึงต้องเร่งทบทวนยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีในการรับมือของสงครามแห่งชนชั้นที่นับวันจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้นใน อนาคตอันใกล้

ที่ผ่านมา ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของปวงชน แม้จะเกิดขึ้นเป็นที่ประจักษ์แล้ว และยังมีความคึกคักเข้มแข็ง แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ และอยู่ในช่วงของการลองผิดลองถูก จนไม่สามารถเป็นฝ่ายกระทำได้อย่างมีประสิทธิผลต่อเครือข่ายอภิสิทธิ์ชน หลายครั้งเกิดความอ่อนหัดในการต่อสู้ เคลื่อนไหวช้า สับสน และตกเป็นฝ่ายตั้งรับถ่ายเดียว จนต้องถอยร่นมาครั้งแล้วครั้งเล่า

หาก ผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย ไม่ต้องการตกอยู่ในสภาพเป็นทาสใต้อำนาจนำของเครือข่ายอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องปรับขบวนให้การต่อสู้ของปวงชนชาวไทยนับ จากนี้ไป ต้องเป็นการต่อสู้หลายระดับในลักษณะของเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตย ด้วยเข็มมุ่งที่เข้าใจยุทธศาสตร์ที่เป็นเอกภาพร่วมกันเพื่อสร้างประชาธิปไตย ของปวงชนที่แท้จริง ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ ภายใต้ยุทธวิธีที่ยืดหยุ่นและกระจายศูนย์ เพื่อยืนหยัดในภารกิจของตนเอง

ใน ยามที่พลังผู้รักประชาธิปไตย ยังอยู่ในสภาพเป็นรองอย่างปัจจุบัน เพราะเครือข่ายอภิสิทธิ์ชน ยังกุมอำนาจนำเหนือรัฐเอาไว้ได้อย่างครอบคลุม มีแต่หนทางการต่อสู้ 3 ระดับนี้เท่านั้น จึงจะหลีกเลี่ยงความสูญเสีย และแปรความคับข้องให้กลายเป็นพลังในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

* การต่อสู้ในรัฐสภา จะต้องดำเนินต่อไป เพื่อชี้ให้เห็นความสำคัญของอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่ยอมให้อำนาจเผด็จการเข้ามาสร้างทางตัน เพื่อลิดรอนเสรีภาพของปวงชนโดยอาศัยความชอบธรรมของกติกาที่ผิดจากคลองธรรม ของนิติรัฐ
* การต่อสู้บนท้องถนน และสื่อมวลชน จะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อเพิ่มแรงกดดันมิให้ศัตรูของประชาธิปไตยลอยนวลได้โดยอ้างถึงความชอบธรรม ที่ไร้เหตุผลในการปล้นชิงประชาธิปไตยจากปวงชน
* การสร้างกองกำลังติดอาวุธ เพื่อป้องกันตัวและเคลื่อนไหวสนับสนุนยุทธศาสตร์หลัก โดยมีเป้าหมาย ‘ทำประเทศไทยให้กลายเป็น 3 จังหวัดภาคใต้ ภายในเวลาที่กำหนด’ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะหลบเลี่ยงเพียงใด เพราะศัตรูของประชาธิปไตยนั้น พร้อมที่จะใช้กำลังอาวุธและความรุนแรงได้ทุกเมื่อ

มีแต่ยุทธศาสตร์ที่เป็นเอกภาพ และยุทธวิธีที่กระจายศูนย์เช่นนี้เท่านั้น พลังของผู้รักประชาธิปไตยจึงจะเติบใหญ่ขึ้นท่ามกลางการต่อสู้ที่เป็นจริงและ นับวันจะเข้มข้นยิ่งขึ้นในสงคราม แตกหักทางชนชั้นระหว่างปวงชนกับเครือข่ายอภิสิทธิ์ชน

เราต้องไม่ยอมให้ศัตรูของประชาธิปไตยลอยนวล เพื่อสังคมไทยจะได้ดูสงบลงชั่วคราว ท่ามกลางความอยุติธรรมที่แพร่กระจายไปทั่วทุกหัวระแหง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน