รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน
แดงเชียงใหม่
กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม
เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน
"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
“ยุทธศาสตร์สันติวิธี”: ทางสายกลางแห่งการต่อสู้ของคนเสื้อแดง.!!!
“ยุทธศาสตร์สันติวิธี”: ทางสายกลางแห่งการต่อสู้ของคนเสื้อแดง.!!!
“คนบ้านปาง”
“ศัตรูของสันติวิธี คือผู้แสวงหาสันติวิธีด้วยการใช้ความรุนแรง”ท่ามกลางการต่อสู้ของคนเสื้อแดง จุดแข็งของคนเสื้อแดงอยู่ที่ “ปริมาณ” ของคนเสื้อแดง ขณะที่จุดแข็งของฝ่ายรัฐบาลอยู่ที่กองกำลัง อาวุธ จิตใจที่คับแคบอำมหิต (เหตุการณ์เมษาเลือด).
สันติวิธี จึงเป็นทางเลือกเดียวในการต่อสู้ครั้งนี้ ทั้งยังทำให้คนเสื้อแดงสามารถบรรลุถึงชัยชนะได้ในที่สุด ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยหลัก 2 ประการ.
ปัจจัยแรก ; “ยุทธศาสตร์สันติวิธี – ปริมาณกำหนดคุณภาพ”
คือต้องอาศัยมวลชนจำนวนมากโดยใช้ยุทธวิธี มวลชนปิดล้อมสถานที่เป้าหมายต่าง ๆ การประชาสัมพันธ์ให้มวลชนเข้าใจถึงเหตุผลในการเข้าร่วมการชุมนุม “แบบสันติวิธี” เพราะเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ต้องอธิบายให้มวลชนเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า “การชุมนุมแบบสันติวิธี” จะนำมาซึ่งชัยชนะได้อย่างไร? เช่น เปรียบเทียบว่าประเทศนี้ คือหมู่บ้านหนึ่ง มีบ้านเรือนอยู่ 100 หลังคาเรือน ถ้าผู้คนในหมู่บ้านนี้-ออกมาร่วมกันจำนวนมากถึง 80 หลังคาเรือน การเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดขึ้น แต่ถ้าออกมาเพียงส่วนหนึ่ง หรือครึ่งหนึ่ง การต่อสู้แบบใช้ความรุนแรงก็อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายที่สูญเสียก็จะเป็นฝ่ายคนเสื้อแดงซึ่งไม่มีอาวุธ ต้องอธิบายให้มวลชนเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า หลักการสำคัญของการเมือง “จำนวนมากกว่าชนะจำนวนน้อยกว่า” สิ่งที่ใหญ่กว่าชนะสิ่งที่เล็กกว่าซึ่งจริง ๆ แล้ว เรื่องนี่ก็คือ หลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย นั่นเอง
“ความยุติธรรม” ก็เช่นเดียวกัน ฝ่ายที่ “มากกว่า-ใหญ่กว่า” ย่อมอาศัยความได้เปรียบกำหนดความยุติธรรมให้กับฝ่ายตนเอง ดังนั้นถ้าประชาชนต้องการความยุติธรรมจำนวนที่ “มากกว่า-ใหญ่กว่า” ก็คือผู้กำหนดความยุติธรรม (ภายใต้ขบวนการและหลักการที่เป็นธรรม) กฎหมายรัฐล้านนา - สมัยโบราณสะท้อนถึงหลักการ “มากกว่า-ใหญ่กว่า” คือฝ่ายที่ได้เปรียบ-ถูกต้อง เช่น กำหนดว่า เรือบรรทุกที่ล่องทวนกระแสน้ำต้องหลบทางให้เรือบรรทุกที่ล่องมาตามกระแสน้ำ , ม้าบรรทุกต้องหลีกทางให้ช้างบรรทุก , ช้างดีต้องหลีกทางให้ช้างบ้า (ช้างตกมัน).
ปัจจัยที่สอง ; “ทำอย่างไร?” จะทำให้ประชาชนที่ “ยัง” ไม่ตัดสินใจเข้าร่วมได้ตัดสินใจเข้าร่วมในการชุมนุมครั้งนี้.!!!
วิธีการคือ ต้องทำให้ประชาชนส่วนนี้ “มองเห็นอนาคต” ว่าคนเสื้อแดงคือ “ฝ่ายของคนส่วนใหญ่”และจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ (ในที่สุด).ถ้าหากความกล้าหาญอยู่ระหว่างกลาง - ความขลาดกลัว กับความบ้าบิ่น“สันติวิธี” ก็คืออุดมการณ์การต่อสู้ที่อยู่ระหว่างกลางของการต่อสู้แบบใช้กำลังอาวุธ กับการต่อสู้แบบไร้ทิศทาง.!!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
นี่คือแนวทางที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
ตอบลบมันจึงกลายเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน"อยู่ในขณะีีนี้
ทุกฝ่าย...ในเสื้อแดง ซึ่งคือคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ตอบลบ“มากกว่า-ใหญ่กว่า” ก็คือผู้กำหนดความยุติธรรม...ถ้าเอาความคิดนี้ ไปใช้ในเรือนจำบางขวาง ซึ่งมีจำนวนนักโทษอยู่จำนวนมากกว่าผู้คุมขัง หากนักโทษขอเรียกร้องหาความยุติธรรมให้ตัวเอง ก็ย่อมทำได้ หรือเปล่า เพราะพวกเขาก็คนหมู่มาก และอยู่ภายใต้ความยุติธรรมและหลักธรรมที่คนหมู่มากพอใจ หรือเปล่า