แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บทความเพื่อประชาชน จากคนธรรมดาที่มีหัวใจประชาธิปไตยไม่เคยเปลี่ยน


ดร.สุนัย จุลพงศธร: แปรการเลือกตั้ง สู่การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ

dr-sunai.blogspot.com

บทความเพื่อประชาชน จากคนธรรมดาที่มีหัวใจประชาธิปไตยไม่เคยเปลี่ยน

แปรการเลือกตั้ง สู่การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ

วิกฤติ การเมืองประเทศไทยที่เห็นด้วยตาเปล่ายาวนานมา 5 ปีเศษนั้น เนื้อแท้เป็นวิกฤติอันเกิดจากระบอบอำมาตย์ที่ครอบงำระบอบประชาธิปไตยมายาว นาน หากแต่กำลังเกิดอาการเน่าเฟะอย่างหนักเพราะเป็นภาวะแห่งธรรมชาติของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แล้วเกิดขึ้นใหม่ แห่งพุทธสัจธรรม

ภาวะปัจจุบัน เป็นยุคปลายของระบอบอำมาตย์ อารมณ์ของบุคคล จึงแสดงบทบาทเป็นกฎหมายและอารมณ์ของบุคคลจึงอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม

อารมณ์ ของบุคคลกลุ่มเล็กๆจึงกลายเป็นจุดกำเนิดแห่งพลังทางการเมืองที่ชี้นำให้คดี ความทางความคิดกลายเป็นความผิดอย่างมหันต์ ร้ายแรงยิ่งกว่าคดีฆ่าคนตายและค้ายาเสพติด

ความผันแปรทางอารมณ์ของบุคคลกลุ่มเล็กๆกลายเป็นพลังทางการเมืองที่กำหนดนโยบายของรัฐแทนมติของรัฐสภา

ความอาวุโสของคณะบุคคลมีความสำคัญกว่าความอาวุโสของระบอบประชาชน การ ป่าวประกาศโค่นล้มคณะบุคคลผู้กุมอำนาจเผด็จการเป็นความไม่ชอบธรรม แต่การป่าวประกาศโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยด้วยข้อเสนอปิดประเทศแห่งคณะเสื้อ เหลือง ณ สะพานมัฆวาน กลับกลายเป็นความชอบธรรม

ภาวะ แห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ จึงนำมาซึ่งภาวะไร้ระเบียบแห่งรัฐ และนำมาซึ่งภาวะไร้ระเบียบทางเศรษฐกิจ และนำมาซึ่งความทุกข์ยากของประชาชน

ภาวะแห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ จึงเป็นภาวะกระอักกระอ่วนแห่งรัฐ ที่ข้าราชการ พ้อค้า คหบดี และประชาชน ต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ภาวะ แห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดโปงตัวเองจนผู้คนทั้งแผ่นดินเห็นชัดแห่งปัญหา แต่พูดจากันไม่ได้ จึงกลายเป็นความปั่นป่วน และกลายเป็นช่องว่างที่ให้ความเชื่องมงายแสดงบทบาทสั่งการทำลายมติมหาชนที่ กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ อันไม่อาจจะก่อให้เกิดความมั่นคงแห่งระบอบรัฐสภาได้ ทั้งๆที่ระบอบรัฐสภาไทยมีเวลาพัฒนาการมายาวนานเกือบศตวรรษแล้ว

การ เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นการเลือกตั้งที่มีลักษณะพิเศษ เพราะเป็นการเลือกตั้งในภาวการณ์ที่สังคมกำลังสับสนกับการหาทางออกจากพลัง แห่งอารมณ์ของคณะบุคคลผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ

การ เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นทางเลือกแห่งปฏิทินประชาธิปไตยที่ประชาชนยอมรับและอำมาตย์ก็ต้องยอม รับอย่างจำใจ

ใน ภาวะที่ประชาชนกำลังหาทางออกจากวิกฤติ แต่อำมาตย์ไม่อยากจะออกจากวิกฤติ เพราะวิกฤติเป็นต้นพลังแห่งอำนาจและต้นพลังแห่งความสุขสบายของเหล่าอำมาตย์

การ เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นทางเลือกเดียว ณ เวลานี้ที่ประชาชนจะต้องผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว เลือกพรรคการเมืองที่ไม่ยอมก้มหัวให้ระบอบอำมาตย์และยืนหยัดระบอบอำนาจของ ประชาชนอย่างไม่วอกแวก

การ ตัดสินใจลงคะแนนในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ ต้องก้าวให้พ้นความรักชอบพอบุคคลเป็นส่วนตัว ในแต่ละเขตเลือกตั้งและใช้แนวทางของพรรคแห่งประชามหาชนที่ได้ยืนหยัดพิสูจน์ มาแล้วว่าไม่สยบยอมต่อระบอบอำมาตย์ หรือนัยหนึ่งก็คือพรรคการเมืองที่ไม่ยอมกินเศษเนื้อของคณะทหาร ที่เป็นเนื้อแท้ของระบอบอำมาตย์ที่ก่อภาวะวิกฤติการเมือง

จงใช้มติมหาชนแห่งการเลือกตั้ง ก่อให้เกิดการปฏิวัติประชาชน เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ นำประเทศชาติออกจากภาวะวิกฤติให้ได้

ท่าม กลางความยากลำบากที่ระบอบอำมาตย์ควบคุมการเลือกตั้งทั้งขบวน นับตั้งแต่ศาล ทหาร ตำรวจ และองค์กรอิสระ จึงเป็นความยากลำบากที่ท้าทายขบวนการจิตสำนึกของประชาธิปไตยประชาชน แต่ต้องพยายาม

หาก มติมหาชนไม่อาจก้าวข้ามกระบวนการหลอกลวงและแทรกแซงของระบอบอำมาตย์ในวันที่ 3 กรกฎาคม ได้ ระบอบอำมาตย์นั้นเองคือผู้ประกาศนับถอยหลังแห่งความรุนแรงที่ไม่อาจจะปฏิเสธ ได้

จงปฏิวัติเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ

ด้วยมติมหาชนคนล้นหลาม

ผนึกแน่นคะแนนเสียงเพียงข้ามยาม

จะก้าวข้ามวิกฤติสู่สิทธิ์ประชามหาชน

http://dr-sunai.blogspot.com/2011/05/blog-post_948.html?zx=b840a55d502bde71

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน