ดร.สุนัย จุลพงศธร: แปรการเลือกตั้ง สู่การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ
dr-sunai.blogspot.com
บทความเพื่อประชาชน จากคนธรรมดาที่มีหัวใจประชาธิปไตยไม่เคยเปลี่ยน
แปรการเลือกตั้ง สู่การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ
วิกฤติ การเมืองประเทศไทยที่เห็นด้วยตาเปล่ายาวนานมา 5 ปีเศษนั้น เนื้อแท้เป็นวิกฤติอันเกิดจากระบอบอำมาตย์ที่ครอบงำระบอบประชาธิปไตยมายาว นาน หากแต่กำลังเกิดอาการเน่าเฟะอย่างหนักเพราะเป็นภาวะแห่งธรรมชาติของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แล้วเกิดขึ้นใหม่ แห่งพุทธสัจธรรม
ภาวะปัจจุบัน เป็นยุคปลายของระบอบอำมาตย์ อารมณ์ของบุคคล จึงแสดงบทบาทเป็นกฎหมายและอารมณ์ของบุคคลจึงอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม
อารมณ์ ของบุคคลกลุ่มเล็กๆจึงกลายเป็นจุดกำเนิดแห่งพลังทางการเมืองที่ชี้นำให้คดี ความทางความคิดกลายเป็นความผิดอย่างมหันต์ ร้ายแรงยิ่งกว่าคดีฆ่าคนตายและค้ายาเสพติด
ความผันแปรทางอารมณ์ของบุคคลกลุ่มเล็กๆกลายเป็นพลังทางการเมืองที่กำหนดนโยบายของรัฐแทนมติของรัฐสภา
ความอาวุโสของคณะบุคคลมีความสำคัญกว่าความอาวุโสของระบอบประชาชน การ ป่าวประกาศโค่นล้มคณะบุคคลผู้กุมอำนาจเผด็จการเป็นความไม่ชอบธรรม แต่การป่าวประกาศโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยด้วยข้อเสนอปิดประเทศแห่งคณะเสื้อ เหลือง ณ สะพานมัฆวาน กลับกลายเป็นความชอบธรรม
ภาวะ แห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ จึงนำมาซึ่งภาวะไร้ระเบียบแห่งรัฐ และนำมาซึ่งภาวะไร้ระเบียบทางเศรษฐกิจ และนำมาซึ่งความทุกข์ยากของประชาชน
ภาวะแห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ จึงเป็นภาวะกระอักกระอ่วนแห่งรัฐ ที่ข้าราชการ พ้อค้า คหบดี และประชาชน ต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ภาวะ แห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดโปงตัวเองจนผู้คนทั้งแผ่นดินเห็นชัดแห่งปัญหา แต่พูดจากันไม่ได้ จึงกลายเป็นความปั่นป่วน และกลายเป็นช่องว่างที่ให้ความเชื่องมงายแสดงบทบาทสั่งการทำลายมติมหาชนที่ กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ อันไม่อาจจะก่อให้เกิดความมั่นคงแห่งระบอบรัฐสภาได้ ทั้งๆที่ระบอบรัฐสภาไทยมีเวลาพัฒนาการมายาวนานเกือบศตวรรษแล้ว
การ เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นการเลือกตั้งที่มีลักษณะพิเศษ เพราะเป็นการเลือกตั้งในภาวการณ์ที่สังคมกำลังสับสนกับการหาทางออกจากพลัง แห่งอารมณ์ของคณะบุคคลผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
การ เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นทางเลือกแห่งปฏิทินประชาธิปไตยที่ประชาชนยอมรับและอำมาตย์ก็ต้องยอม รับอย่างจำใจ
ใน ภาวะที่ประชาชนกำลังหาทางออกจากวิกฤติ แต่อำมาตย์ไม่อยากจะออกจากวิกฤติ เพราะวิกฤติเป็นต้นพลังแห่งอำนาจและต้นพลังแห่งความสุขสบายของเหล่าอำมาตย์
การ เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นทางเลือกเดียว ณ เวลานี้ที่ประชาชนจะต้องผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว เลือกพรรคการเมืองที่ไม่ยอมก้มหัวให้ระบอบอำมาตย์และยืนหยัดระบอบอำนาจของ ประชาชนอย่างไม่วอกแวก
การ ตัดสินใจลงคะแนนในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ ต้องก้าวให้พ้นความรักชอบพอบุคคลเป็นส่วนตัว ในแต่ละเขตเลือกตั้งและใช้แนวทางของพรรคแห่งประชามหาชนที่ได้ยืนหยัดพิสูจน์ มาแล้วว่าไม่สยบยอมต่อระบอบอำมาตย์ หรือนัยหนึ่งก็คือพรรคการเมืองที่ไม่ยอมกินเศษเนื้อของคณะทหาร ที่เป็นเนื้อแท้ของระบอบอำมาตย์ที่ก่อภาวะวิกฤติการเมือง
จงใช้มติมหาชนแห่งการเลือกตั้ง ก่อให้เกิดการปฏิวัติประชาชน เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ นำประเทศชาติออกจากภาวะวิกฤติให้ได้
ท่าม กลางความยากลำบากที่ระบอบอำมาตย์ควบคุมการเลือกตั้งทั้งขบวน นับตั้งแต่ศาล ทหาร ตำรวจ และองค์กรอิสระ จึงเป็นความยากลำบากที่ท้าทายขบวนการจิตสำนึกของประชาธิปไตยประชาชน แต่ต้องพยายาม
หาก มติมหาชนไม่อาจก้าวข้ามกระบวนการหลอกลวงและแทรกแซงของระบอบอำมาตย์ในวันที่ 3 กรกฎาคม ได้ ระบอบอำมาตย์นั้นเองคือผู้ประกาศนับถอยหลังแห่งความรุนแรงที่ไม่อาจจะปฏิเสธ ได้
จงปฏิวัติเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ
ด้วยมติมหาชนคนล้นหลาม
ผนึกแน่นคะแนนเสียงเพียงข้ามยาม
จะก้าวข้ามวิกฤติสู่สิทธิ์ประชามหาชน
http://dr-sunai.blogspot.com/2011/05/blog-post_948.html?zx=b840a55d502bde71
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น