แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บันทึกทนายความ ฉ . 3 : ขบวนการหยุดหนูหริ่ง ขบวนการหยุดประชาชน !



Fri, 2011-06-10 00:33

ห้ามฉันพูด ฉันจะพิมพ์
ห้ามฉันพิมพ์ ฉันจะเขียน
ห้ามฉันเขียน ฉันก็ยังคิด
หากจะห้ามฉันคิด ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน

ในช่วงเวลาที่สังคมถูกปกคลุมไปด้วยความกลัว ต้องยอมรับว่าคุณหนูหริ่งหรือ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ คือผู้ที่แหวกม่านของความกลัว และลุกขึ้นท้าทายความอำนาจของปีศาจ และประกาศว่าประชาชนย่อมมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ ไม่มีอำนาจใดมากดหัวให้ความเป็นคนสยบยอมได้

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 ภายหลังจากที่ทหารได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเพียง 2 วัน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และประชาชนจำนวนหนึ่งจึงได้นัดพบปะทำกิจกรรม ณ บริเวณสวนสาธารณะใต้สะพาน เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม โดยได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เช่นการให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาถ่ายทอดเหตุการณ์ รวมทั้งมีประชาชนผู้ที่มีข้อมูลเช่น ภาพถ่ายเหตุการณ์มาแสดงในเชิงนิทรรศการ ทั้งนี้เพื่อเป็นการผ่อนคลายสถานการณ์ โดยในวันดังกล่าวเหตุการณ์ก็มิได้มีการกระทำผิดกฎหมาย หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายแต่อย่างใด ต่อมา นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้เดินทางไปผูกผ้าแดงที่สี่แยกราชประสงค์ และถูกควบคุมตัวตามหมายควบคุมตัวของศอฉ.เป็นเวลาถึง 14 วัน ภายหลังจากนั้นศาลได้มีคำสั่งให้ ศอฉ.ปล่อยตัวเนื่องจากไม่มีเหตุในการควบคุมตัวต่อไปตามกฎหมาย และในวันปล่อยตัว พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางได้นำเขาส่งพนักงานอัยการและฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือว่า เขาได้ชุมนุมกันเกิน 5 คนโดยก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นการมั่วสุมกันเกินกว่า 10 คน ตามพรก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 และ 216… เขาปฏิเสธ !

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2554 เวลา 09.30 น. ศาลแขวงพระนครเหนือได้ออกพิจารณาคดีนัดแรกโดยพนักงานอัยการโจทก์ได้นำพยาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายเข้าเบิกความประกอบรูปถ่ายว่า ในวันเกิดเหตุ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้ร่วมกับประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง ได้จัดกิจกรรมเป็นเชิงนิทรรศการ โดยมีการเอารูปคนตายมาปิดแสดง และมีการพูดทำนองว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม และมีการให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์พูดแชร์ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ได้ประสบมา โดยขณะนั้นได้มีรถมาชลอดู ทำให้รถติด รวมทั้งมีประชาชนจำนวนหนึ่งยืนบนพื้นผิวถนน อันเป็นความผิดตาม พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งห้ามชุมนุมกันเกิน 5 คน และรับว่าภายหลังจากนั้นนายสมบัติ และประชาชนก็ได้แยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ

ฝ่ายนายสมบัติ บุญงามอนงค์ได้นำสืบว่า ตนไปทำกิจกรรมที่มิได้ก่อให้เกิดความรุนแรงเป็นเพียงการจัดนิทรรศการ และพูดจาแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่านั้น ทั้งนี้มิได้มีการตั้งเวทีปราศัย หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายแต่อย่างใด และในขณะนั้น ประชาชนแทบไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน รถราก็น้อยมาก ดังนั้นที่ตำรวจกล่าวหาว่าตนทำให้รถติดนั้นจึงไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าตนเองใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด การที่เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับตนนั้นเป็นการทำโดยมีเจตนาที่จะสกัดกั้นมิให้ ตนเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น ฯ และวันนี้( 9 มิถุนายน 2554 ) ได้มีการสืบพยานจำเลยต่อโดยมี อ.กฤตยา แห่งมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าเบิกความว่า ช่วงเหตุการการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมเดือน เมษายน-พฤาภาคม 2553 รัฐบาลได้มีการประกาสสถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ชอบ และไม่เป็นไปตามกติการะหว่างประเทศ และมีเจตนาจะใช้กฎหมายดังกล่าวสร้างเงื่อนไขในการเข้าสลายการชุมนุม รวมทั้งยังมีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ เป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก และมีอ.ธีระ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าเบิกความให้ความเห็นทางกฎหมายว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดตามพรก.ฉุกเฉิน นั้น ต้องเป็นการชุมนุมเกิน 5 คน และมีลักษณะอันเป็นการก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และต้องตีความประกอบเจตนารมณ์ของกฎหมายแม่บทที่ประกาศดังกล่าวอาศัยเป็นฐาน แห่งอำนาจ และหากจะตีความเพียงว่ามีการชุมนุมตั้งแต่ คนก็จะเป็นความผิดทุกกรณี การตีความเช่นนั้นก็จะเป็นการตีความกฎหมายที่เกิดผลประหลาด ซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนจนเกินความจำเป็น ฯ

อย่างใดก็ตาม ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 14 กันยายน 2554 เวลา 9.00 น.

น่าสนใจว่า กระบวนการยุติธรรมไทยจะมองการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างไร

น่าสนใจว่า นี่จะเป็นกระบวนการหยุด หนูหริ่งมิให้เคลื่อนไหวหรือไม่

และน่าสนใจว่า เมื่อไหร่ประชาชนจะหลุดจากวงจรกฎหมายอุบาทว์เช่นนี้เสียที !

ที่มา: เว็บไซต์สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์

http://www.prachatai3.info/journal/2011/06/35362

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน