แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

จักรภพ เพ็ญแข :เบื้องหลังกรณี “กลอนสมัคร”


กลอน นี้ ผม-นายจักรภพ เพ็ญแข เป็นผู้เขียนขึ้นเอง..ใครก็ตามที่นำงานเขียนชิ้นนี้ไปปรับเปลี่ยนแก้ไข เขาคนนั้นคงต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้แสดงความมั่นคงทางความคิดต่อระบอบราชาธิปไตยของไทยมา ตลอดชีวิต ได้เกิดความแตกหักทางความคิดในบั้นปลาย และได้ระบายความรู้สึกนั้นผ่านกลอนชิ้นนี้..ในแง่เจตนาแล้วถือว่าดี แต่ในเชิงกลอนแล้ว ต้องย้อนกลับไปฝึกพื้นฐานกันใหม่เล็กน้อย

ถึง ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้แต่งกลอนชิ้นนี้ แต่ผมขอประกันด้วยเกียรติของนักประชาธิปไตยคนหนึ่งว่า ความรู้สึกในใจของท่านในบั้นปลายคงไม่ต่างไปจากคำพรรณนาในกลอนชิ้นนี้นัก



โดย จักรภพ เพ็ญแข

ครั้ง แรกที่ผมเห็นกลอนที่มีผู้อ้างว่าเขียนโดย ท่านนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ผู้ล่วงลับ และมีเรื่องเล่าแถมด้วยว่าท่านได้แต่งไว้ก่อนถึงแก่อสัญกรรมไม่นาน เขียนแล้วก็ใส่มือคุณหญิงสุรัตน์ฯ ผู้เป็นภรรยาเสมือนจะฝากไว้ในแผ่นดิน ผมรู้สึกอยู่ในใจว่าช่างผูกเรื่องกันเก่งจริง

ช่วยให้ บรรยากาศทางการเมืองเข้มข้นครึกครื้นยิ่ง ผมจึงเก็บข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ในใจ ไม่อยากออกมาอธิบายว่าแท้ที่จริงกลอนแปดชิ้นนี้มีที่มาอย่างไร และสั่งทีมงานทุกคนที่รู้เห็นให้เก็บเงียบไว้ด้วย

การเปลี่ยน ครรลองการเมืองในภาพใหญ่ของไทยตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๙ เป็นต้นมาเป็นเป้าหมายที่ผมต้องการมากกว่าสิ่งใดๆ แม้แต่เรื่องที่เคยสำคัญต่อผมมากสมัยที่เป็นสื่อมวลชนและนักวิชาการอย่าง เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เหมือน กรณีกลอนสมัครนี้

แต่แล้วเรื่องนี้ก็ไม่จบ มีผู้เข้ามาร่วมถกเถียงและอ้างเป็นผู้รู้กันมากมาย ซึ่งผมได้อ่านและวางเฉยอยู่ ต่อมาความเห็นเริ่มแปลกประหลาด ในทำนองว่าผมเป็นผู้ไปนำกลอนของท่านมาปรับปรุงแต่งเติมให้เป็นกลอนของตนเอง และนำออกมาเผยแพร่ จะเพราะอยากเด่นดัง หรือมีอุปนิสัยฉวยโอกาสอย่างไรผู้แสดงความเห็นท่านก็ไม่ได้พูดหรือเขียนออก มาตรงๆ แต่ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ชักจะไปไกลกันเกินไปหน่อยแล้ว ยิ่งภายหลังผู้นำทางความคิดอย่าง ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ออกมาถามหาข้อเท็จจริงด้วย

เรื่อง ธรรมดานี้ก็ชักจะเป็นเรื่องสำคัญขึ้นมา ผมจึงคิดว่าต้องออกมาชี้แจงเล็กน้อย เพื่อความซื่อสัตย์ในทางประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของปัจเจกชนคนใด

กลอนแปดหรือกลอนสุภาพจำนวน ๑๔ บทนี้ ผม-นายจักรภพ เพ็ญแข เป็นผู้เขียนขึ้นเอง

โดย ได้แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นทันทีที่รู้ข่าวว่าท่านอดีตนายกรัฐมนตรีถึงแก่ อสัญกรรม ในขณะนั้นผมมีพื้นที่ที่ตีพิมพ์งานร้อยกรองอยู่หนึ่งคอลัมน์ในนิตยสารการ เมืองไทยเรดนิวส์ ภายใต้การบริหารของผู้อำนวยการและบรรณาธิการ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น คอลัมน์นี้ชื่อร้อยรักอักษราเป็นอาวุธ และผมได้ใช้ชื่อจริงในการเขียนตั้งแต่กลอนชิ้นแรก จนถึงวันที่นิตยสารนี้ถูกข่มขู่คุกคามจากฝ่ายรัฐจนต้องปิดตัวลง

ผมยังจำความรู้สึกในขณะที่เขียนกลอนชิ้นนี้ได้ดี ผมรู้สึกเศร้าสะเทือนใจแทนท่านนายกสมัครจนน้ำตาไหล ผมรู้สึกเสียใจที่ผู้คนส่วนหนึ่งในบ้านเมืองไม่เข้าใจบทบาทในบั้นปลายของ ท่าน ผมเห็นใจสิ่งที่ท่านยึดถือเป็นสรณะในชีวิตแต่สุดท้ายกลายเป็นมายาให้ท่านได้ เห็นต่อหน้า

ในฐานะที่ร่วมอยู่ในคณะรัฐมนตรี โดยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของท่าน ผมมีโอกาสได้เห็นหัวใจดวงใหญ่ของผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ผมติดตามบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่เป็นนักเรียนนุ่งกางเกงขาสั้น ผมรู้ว่าท่านมิใช่คนที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ แต่ผมก็รู้ว่าท่านมีความดีงามมากพอที่เราจะกราบไหว้รำลึกถึง โดยเฉพาะจุดยืนในขณะที่บ้านเมืองเข้าสู่ การเมืองปลายรัชกาล

การ ตัดสินใจทางการเมืองของท่านหลายครั้งสะท้อนว่า ท่านเอาบ้านเมืองไว้ก่อนอย่างอื่น และเอาเกียรติคุณส่วนตัวไว้ในระดับต่ำสุด หรือไม่เอามาคิดเลยด้วยซ้ำ

กลอน ทั้ง ๑๔ บทนี้ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมชาติและน้ำตาผมก็ไหลในขณะที่เขียน ผมรู้ว่าผมคือผู้ลี้ภัยทางการเมือง คงจะไม่อาจไปร่วมเคารพศพท่านด้วยตัวเอง ความรู้สึกอาลัยรักจึงท่วมท้นหัวใจเป็นทวีคูณ

ผลที่ปรากฏขึ้นคือ:

คอลัมน์ ร้อยรักอักษราเป็นอาวุธ
เรื่อง สมัคร สุนทรเวช
โดย จักรภพ เพ็
ญแข




ณ แผ่นดินถิ่นนี้มีผู้ใหญ่
ผู้เกรียงไกรใจถึงประหนึ่งสิงห์
ตอบสังคมสมศักดิ์รักความจริง
ไม่แอบอิงมายาเป็นอาภรณ์

มากศัตรูมากมิตรชีวิตชัด
รักษาชีพด้วยสัตย์เป็นอนุสรณ์
ผ่านถนนจนคุ้มทั้งลุ่มดอน
ครบวงจรอย่างผู้ใหญ่หัวใจจริง

สมัคร สุนทรเวชท่านจากลับ
ย่อมมิใช่มืดดับทุกสรรพสิ่ง
ทุกร่องรอยตัวตนของคนจริง
ทุกครั้งนิ่งเงียบสงบพบปัญญา

ผู้แผ้วถางทางเองไม่เกรงขาม
ผู้ก้าวข้ามอุปสรรคที่ขวางหน้า
ผู้สร้างตัวไม่กลัวใครในนครา
ผู้จับมือมวลประชาร่วมท้าทาย

และเป็นผู้ผิดหวังครั้งใหญ่ยิ่ง
ผู้ที่ท่านยึดว่าจริงกลับห่างหาย
ผู้ใหญ่กลับสลับคู่เป็นผู้ร้าย
หัวใจท่านจึงสลายเพราะใจจริง

เสมือนสวมพระเครื่องอันเรืองเวทย์
ประณตเกศมอบหัวใจให้ทุกสิ่ง
แต่องค์พระกลับล้วงเข้าช่วงชิง
จนได้รู้ความจริงอันเจ็บใจ

สิ่งที่สูงกลับต่ำนั้นตำเนตร
ใจ สมัคร สุนทรเวชจึงหม่นไหม้
นบนอบมาด้วยประชาธิปไตย
ก็สั่งให้กองทัพมากลับทาง

ยุให้คนผิดกฎหมายท้าทายรัฐ
ยุประชาธิปัตย์เข้าด้านข้าง
ยุให้ศาลเบือนบิดเข้าปิดทาง
และใช้ บ่างสื่อมวลชนคนบริกร

นี่ล่ะหรือเสาหลักอันศักดิ์สิทธิ์
ภาพนิมิตกลับกลอกเป็นหลอกหลอน
นึกว่าว่านสมุนไพรแท้ใบบอน
นึกว่าจริงกลับละครย้อนดูตัว

แต่เกียรติยศแห่ง สมัครจำหลักมั่น
ประชาชนทั้งนั้นท่านรู้ทั่ว
ถึงร่างลับดับขันธ์อย่าหวั่นกลัว
ความจริงจักปรากฏทั่วอย่ากลัวปลอม

พักเถิดครับ...ท่านสมัคร...โปรดพักผ่อน
สิ่งที่ท่านสั่งสอนทั้งตรงอ้อม
จะนำมาปรับใช้จะไม่ยอม
ประชาธิปไตยแมวย้อมจะไม่เอา

ประชาชนได้เป็นใหญ่ใน สมัคร
เขาจึงรักแน่วแน่จนแก่เฒ่า
เผด็จการอำมาตย์ไทยเขาไม่เอา
ท่านคือเบ้าหลอมร่างสร้างผู้นำ

กราบวิญญาณ ท่านสมัครผู้รักชาติ
ผู้สร้างมาตรฐานไว้ไม่ตกต่ำ
หนุนประชาธิปไตยธงชัยนำ
สวนระบอบใจดำผู้อำพราง

ชาว ประชากรไทยรวมใจหวัง
มวล พลังประชาชนคนสืบสร้าง
จะสานต่อ ท่านสมัครผู้สร้างทาง
สละร่างทิ้งหัวใจให้บ้านเมือง.



--------------------------

หลายเดือนต่อมา หลังจากที่ระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตยไทยได้ใช้เล่ห์กลจัดตั้งรัฐบาลที่นำ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาสวมแทนรัฐบาลของประชาชนแล้ว กลอนแปดชิ้นนี้ได้กลับมาปรากฏในโลกไซเบอร์อีกครั้งหนึ่ง แต่ในรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปรไป นั่นคือถูกตัดทอนให้สั้นลง ถ้อยคำถูกแก้ไขในบางส่วน และมีผู้เขียนคำอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้:

สวมพระเครื่องอันเรื่องเวทย์
ประนมเดชมอบดวงใจให้ทุกสิ่ง
แต่องค์พระกลับเข้าช่วงชิง
จนได้รู้ความจริงอันเจ็บใจ

สิ่งที่สูงกลับต่ำนั้นตำเนตร
ใจสมัคร สุนทรเวชจึงหมองไหม้
เฝ้าจงรักภักดีมิรู้คลาย
ขอกัดฟันลาตาย......ไม่ถวายพระพร

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๕ ของประเทศไทย (ผู้ประพันธ์)
มอบให้ในอุ้งมือคุณหญิงภรรยาท่านไว้ก่อนสิ้นใจไม่นาน



ผมเชื่อว่า เจตนาของใครก็ตามที่นำงานเขียนชิ้นนี้ไปปรับเปลี่ยนแก้ไขเป็นเรื่องของความตั้งใจดี เขา คนนั้นคงต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้แสดงความมั่นคงทางความคิดต่อระบอบราชาธิปไตยของไทยมา ตลอดชีวิต ได้เกิดความแตกหักทางความคิดในบั้นปลาย และได้ระบายความรู้สึกนั้นผ่านกลอนชิ้นนี้

การที่ผู้แก้ไขใส่วงเล็บเอาไว้ตอนท้ายด้วยว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๕ ของประเทศไทย (ผู้ประพันธ์) เป็นความต้องการที่จะย้ำหัวตะปูว่ากลอนชิ้นนี้ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ เขียนจริงๆ เพราะเจ้าตัวคงรู้ดีว่ากลอนนี้แท้ที่จริงมาจากไหนและใครเป็นผู้แต่ง

สำนวนเขียนที่ว่า “...มอบให้ให้อุ้งมือคุณหญิงภรรยาท่านไว้ก่อนสิ้นใจไม่นาน...ก็เป็นการเขียนที่เร้าใจ มีลักษณะอย่างที่ชาวละครคงเรียกว่า drama

ในเชิงกลอนนั้น ก็ต้องถือว่าผู้แก้ไขได้พยายามทำให้เนียนที่สุดแล้ว หากศิลปะกลอนนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่มาก หากจะสละเวลาเพื่อการวิจารณ์เชิงวรรณกรรมกันแล้ว ก็ต้องขอแสดงความเห็นไว้ตรงนี้ว่า:

“...สิ่งที่สูงกลับต่ำนั้นตำเนตร
ใจสมัคร สุนทรเวชจึงหมองไหม้
เฝ้าจงรักภักดีมิรู้คลาย
ขอกัดฟันลาตาย......ไม่ถวายพระพร

วรรคสองที่ลงท้ายว่า “...จึงหมองไหม้นั้น ในทางกลอนแล้วจะต้องลงสัมผัสกับคำที่ใช้สระเสียงสั้นเช่นเดียวกับ สระไอ ในคำว่า ไหม้การข้ามไปใช้คำว่าคลายซึ่งเป็นคำที่ประกอบด้วยสระเสียงยาว หรือ สระอา นั้นถือเป็นผิด หรืออย่างน้อยก็ทำให้ขาดความไพเราะ

ผู้แก้ไขคงจะอยากให้คำๆ นี้ไปรับกับวรรคที่ว่า “...ขอกัดฟันลาตาย...ที่ตนหวังให้เป็นประโยคทองชนิดที่คนปัจจุบันใช้คำว่า จบข่าว ในแง่เจตนาแล้วถือว่าดี แต่ในเชิงกลอนแล้ว ต้องย้อนกลับไปฝึกพื้นฐานกันใหม่เล็กน้อย

ประโยคสุดท้ายที่อ้างนี้เองก็ขัดกับหลักการเขียนกลอน ขอกัดฟันลาตาย... ไม่ถวายพระพรมีลักษณะประดักประเดิดและเกินถ้อยคำของกลอน ๘ ไปอย่างน้อยหนึ่งพยางค์ เพราะประกอบด้วย ๑๐ พยางค์ ในขณะที่กลอน ๘ ที่ดีควรมีไม่เกิน ๙ พยางค์

หากจะปรับแต่งกันให้ได้ดั่งใจ ผมในฐานะที่เป็นต้นเค้าของกลอนชิ้นนี้ ขอเสนอใหม่ เฉพาะในบทนี้ว่า:

สิ่งที่สูงกลับต่ำนั้นตำเนตร
ใจสมัคร สุนทรเวชจึงหม่นไหม้
เฝ้าจงรักภักดีพลีหัวใจ
แม้ชาติหน้าฟ้าใหม่... เลิกให้พร



ในฐานะที่เป็นผู้แต่งกลอน สมัคร สุนทรเวชเพื่อแสดงความรักอาลัยต่อท่านอดีตนายกรัฐมนตรีที่ผมก้มกราบได้ทุกเมื่อ ผมขออธิบาย กรณีกลอนสมัครไว้เพียงเท่านี้

เรื่องนี้ล้วนเป็น เรื่องเจตนาดี ไม่ควรให้เป็นความขัดแย้งระหว่างพวกเราชาวประชาธิปไตยเป็นอันขาด ผมขอมอบกลอนชิ้นนี้เป็นสมบัติสาธารณะเพื่อการรณรงค์ต่อสู้ของพวกเราต่อไป

ถึง ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้แต่งกลอนชิ้นนี้ แต่ผมขอประกันด้วยเกียรติของนักประชาธิปไตยคนหนึ่งว่า ความรู้สึกในใจของท่านในบั้นปลายคงไม่ต่างไปจากคำพรรณนาในกลอนชิ้นนี้นัก

ใครที่ยังสงสัย ยังมีบุคคลอีก ๒ คนให้ท่านไปหาทางถามได้ ท่านที่หนึ่งคือ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช เพราะท่านถูกนำมาอ้างว่ารับกลอนชิ้นนี้ไว้ สามารถไปถามท่านได้ว่าได้รับกระดาษเขียนกลอนไว้จริงหรือไม่ อีกท่านหนึ่งคือ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น อดีต สมาชิกวุฒิสภาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้อำนวยการและบรรณาธิการบริหารนิตยสารไทยเรดนิวส์ ผู้กรุณารับพิมพ์งานเขียนชิ้นนี้ไว้ตั้งแต่ต้น

ขอให้ดวง วิญญาณของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีได้สถิตในสุคติ และขอให้การกระทำในช่วงปลายชีวิตของท่านได้มีผลดลใจให้ขบวนประชาธิปไตยของ เรากลับมาตั้งสติได้เหมือนกับตัวท่าน จนเราเดินสู่หลักชัยแห่งระบอบประชาชนได้โดยเร็วด้วยเทอญ.


วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔
--------------------------------------------------------------

Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 3/04/2011 04:07:00 หลังเที่ยง Share on Facebook



1 ความคิดเห็น:

  1. .
    กลอนสุดท้ายสมัคร[ปลอม] ไม่เคารพมวลชนผู้รับสาร ไม่เคารพต่อข้อเท็จจริง
    ไม่เคารพต่อเจ้าของผลงาน เป็นการกระทำที่น่าอับอาย – ไทยอีนิวส์
    .
    กลอนไว้อาลัย ฯพณฯ นายสมัคร สุนทรเวช

    [หัวใจท่านจึงสลายเพราะใจจริง]

    [เสมือนสวมพระเครื่องอันเรืองเวทย์
    ประณตเกศมอบหัวใจให้ทุกสิ่ง
    แต่องค์พระกลับล้วงเข้าช่วงชิง
    จนได้รู้ความจริงอันเจ็บใจ]

    [สิ่งที่สูงกลับต่ำนั้นตำเนตร
    ใจ “สมัคร สุนทรเวช” จึงหม่นไหม้
    นบนอบมาด้วยประชาธิปไตย
    ก็สั่งให้กองทัพมากลับทาง]
    .
    จักรภพ เพ็ญแข
    นสพ.ไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 27
    (ศ. 28 พ.ย.-พฤ. 3 ธ.ค. 52)
    🐓💂🌀🙏🐸🍀🐹🐞🐌🐠
    https://wp.me/pda9sL-1Vc
    .
    #กลอนสุดท้ายสมัคร_ปลอม , ไม่มีแล้วเทวดาบนฟ้านี้, ปีกซ้าย, กลอนไว้อาลัย, ฯพณฯ นายสมัคร สุนทรเวช, จักรภพ เพ็ญแข, Jakrapob Penkair, บางทีมีสัมผัส
    .

    ตอบลบ

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน