คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ผู้นำหาย
โดย กาหลิบ
ใน ขณะที่ผู้นำลึกลับแห่งระบอบอำนาจโบราณไทยกำลังใช้อำนาจและสยายปีกเต็มที่ ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยกลับหายตัวไปอย่างผิดสังเกต ปล่อยให้ประชาชนเผชิญหน้ากับอำนาจนอกรีตเหมือนกำลังสู้รบกับภูตผีปิศาจตาม ลำพัง
นี่ไม่ได้หมายถึงผู้นำ นปช. บนเวทีสนามหลวง ทำเนียบรัฐบาล ผ่านฟ้า และราชประสงค์ ผู้คนเหล่านั้นท่านไม่ใช่ผู้นำประชาธิปไตยในระดับระบอบ แต่ท่านเป็นผู้นำเวทีประท้วงกลางเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งชิ้นจากหลายร้อยหลายพันชิ้นที่รวมขึ้นเป็นขบวนประชาธิปไตย บัดนี้ท่านก็ถูกไล่ล่า กักขัง หรือสังหารผลาญชีวิตอย่างหนัก ก็ต้องหาทางดิ้นรนไป จะมานำเวทีอะไรตอนนี้คงไม่ได้
เราหมายถึงผู้นำ ของระบอบประชาธิปไตยที่ใหญ่กว่าเวที ผู้ต้องสร้างเครือข่ายและขบวนการประชาธิปไตยขึ้นสู้กับระบอบเผด็จการโบราณ ในระดับที่เท่ากันหรือมากกว่าฝ่ายเขา
ขณะนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ทราบชัด รู้แต่ว่าการนำหายไป
ความ จริงมีเสียงที่ส่งมาเป็นระยะๆ แต่เสียงนั้นกลับบอกให้รู้ว่า แนวทางยังย่ำเท้าอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไปข้างหน้า ไม่มีความก้าวหน้าอย่างที่เราต่างมุ่งหวัง
เสียงนั้นยังสื่อความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าเราจะฟื้นอำนาจที่เขาฉุดกระชากไปจากประชาชนด้วยความหน้าด้านใจดำด้วยกลไกการเลือกตั้ง
เหมือน จะเสนอต่อขบวนประชาธิปไตยว่ามาช่วยกันสร้างรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ภาค ๒ หรือรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ๒ กันเถิด แล้วทุกอย่างจะดีไปเอง
ปัญหา คือผู้คนเขาไม่ได้ลืมง่ายเหมือนก่อน เขาจำได้ว่านายกรัฐมนตรีที่ชื่อสมัครต้องหล่นจากเก้าอี้เพราะรายการทำกับ ข้าว และนายกรัฐมนตรีที่ชื่อสมชายต้องหมดอำนาจเพราะพรรคการเมืองหลักของรัฐบาลถูก ยุบจนหมดสภาพลง
เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ทักษิณมีอำนาจเต็มมือ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่ารัฐบาลเลือกตั้งชุดใดๆ ในประวัติศาสตร์ เป็นรัฐบาลที่เสนอแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ เป็นรัฐบาลที่ไม่มีปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าเพราะประเทศชาติกำลังเฟื่องฟูก้าว หน้า สถานะระหว่างประเทศกำลังสูงส่งอย่างไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน
เป็น รัฐบาลที่ได้รับความนิยมจากประชาชนส่วนใหญ่ มีทีท่าว่าจะได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งที่สี่ที่ห้า หลังจากที่ชนะเลือกตั้งแบบรวดเดียวมาแล้วถึง ๓ ครั้งซ้อนๆ
แล้วอย่างไรเล่า? ก็ถูกเขายึดอำนาจเหมือนไม่ได้มีความหมายอย่างไรเลยในประเทศนี้
ประชาชนเขายังจำสิ่งเหล่านี้กันได้ครับ
การ นำขบวนประชาธิปไตยชั่วโมงนี้ ท่านต้องนำแนวทางมากกว่านำการปฏิบัติ อย่าเอายุทธวิธี เช่น การเลือกตั้ง เป็นต้น มาทดแทนภาวะผู้นำที่ต้องเริ่มต้นจากการคิดให้ใหญ่เท่าระบอบของเขาและวาง เครือข่ายให้เป็นสัดส่วนกันกับเครือข่ายของฝ่ายเขา แล้วชี้ให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเราจะออกจากหลุมดำทางการเมืองได้ด้วยวิธี นี้
จะนานเป็นเดือนเป็นปีเขาก็ทนได้รอได้ รอบนี้ก็กลั้นใจมาเกือบครึ่งทศวรรษแล้ว
ขอเพียงให้รู้ว่าฝ่ายเรามีแนวทางอย่างไร เขาก็จะเกิดความเชื่อมั่นว่าชีวิตเลือดเนื้อของเขามิได้สูญเปล่าไปเลย
บางคนบอกว่าชูเลือกตั้งเพื่อลับลวงพราง ก็ต้องถามว่าจะลับลวงพรางไปถึงไหนอีก
เขาเผาบ้านช่องของฝ่ายประชาธิปไตยไปเกือบหมดแล้ว จะให้กระซิบเบาๆ แทนที่จะตะโกนให้กึกก้องไปว่าไฟไหม้ๆ อีกหรือ
เหมือนบางคนที่บอกว่า รู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่อย่าเอ็ดไปนะ
สู้แบบกราบเขาไป กลัวจะเอ่ยชื่อเขาออกมา แสดงความเล็กกระจ้อยร่อยของเราเขาจะได้มองไม่เห็น ฯลฯ
เหล่านี้เป็นสภาพที่ขาดการนำ หรือไม่ก็นำอย่างขลาดทั้งสิ้น
ลุกขึ้นมาทำเสียให้ถูกครับ เวลาไม่คอยท่าแล้ว.
---------------------------------------------------------------------------------
เขียนโดย Nangfa ที่ 12:50:00
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น