แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เปิดโจทย์ปฏิรูปประเทศไทย เปิดไพ่ใบสุดท้าย "ชนชั้นนำ" ภารกิจ "นิธิ" ใต้เงา "นายกฯร้อยศพ"

บทสัมภาษณ์"ได้ใจ"จากนิธิ เอียวศรีวงศ์

เอามาฝากเพื่อนๆค่ะ ยาวไปหน่อยแต่อ่านแล้ว"ได้ใจ"และน่าให้กำลังใจอ.นิธิ

***************
เปิดโจทย์ปฏิรูปประเทศไทย เปิดไพ่ใบสุดท้าย "ชนชั้นนำ" ภารกิจ "นิธิ" ใต้เงา "นายกฯร้อยศพ"

สัมภาษณ์พิเศษ โดย หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ, อริน เจียจันทร์พงษ์


"...เวลานี้อำนาจอยู่ในมือคุณอภิสิทธิ์คนเดียวหรือเปล่า ผมว่าไม่ใช่ ยังมีในมือคนอื่นๆ อีกเยอะแยะไปหมดทั้งที่พูดได้และพูดไม่ได้ การตัดสินใจจึงไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของแกเอง แต่อยู่บนพื้นฐานที่ทำให้แกกับกลุ่มอำนาจที่ถือร่วมกันสามารถอยู่ร่วมกันต่อ ไปได้ ซึ่งในแง่นี้ผมคิดว่าคือการเชือดคอตายทางการเมือง..."

แม้ "ประเทศไทย" จะก้าวผ่านเหตุการณ์ "เมษา-พฤษภาวิปโยค" มาแล้ว

แต่ "สังคมไทย" ยังจมอยู่ในวิกฤต

"คนไทย" ยังถูกกำกับการใช้สิทธิด้วยพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

เป็นผลให้รัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ซึ่งเป็นทั้ง "ผู้ปกครอง-คู่ขัดแย้งหลัก" เด้งหนี "มุมอับ" ด้วยการปลุกกระแสปฏิรูป

จึงถึงเวลาที่ "นักวิพากษ์" ต้องผันตัวมาเป็น "นักปฏิบัติ"

"นิธิ เอียวศรีวงศ์" กรรมการปฏิรูป เปิดฉากสังเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพบว่า "โจทย์เก่า" ที่ยังแก้ไม่ตกคือการ "สมคบกันใช้อำนาจ" ของชนชั้นนำ

เขาจึงไม่รีรอการเข้าร่วมขบวนปฏิรูปประเทศไทย!

หลายคนเหนือความคาดหมายกับการตอบรับเข้าร่วมเป็นกรรมการปฏิรูป

ส่วนตัวคิดว่าเป็นโอกาสพอสมควรที่จะผลักดันสิ่งที่เราเห็นมานาน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปที่ดิน การปฏิรูประบบภาษี ฯลฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยหวังจะขยายไปสู่ความสนใจของสังคมในวงกว้างมากกว่าบทความของผม ว่าอย่างนั้นเหอะ (หัวเราะ)

คุณอานันท์ ปันยารชุน ประธานกรรมการปฏิรูป โน้มน้าวอย่างไรถึงยอมมาร่วมวง ทั้งที่ไม่ได้ศรัทธารัฐบาลชุดนี้เท่าไร

คือ.. เท่าที่ผมรู้จักคุณอานันท์ ผมไว้ใจคุณอานันท์ เราอาจจะมีความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน แต่ผมคิดว่าคุณอานันท์เป็นคนแฟร์ (เป็นธรรม) และเปิดให้ความเห็นที่ไม่ตรงกัน เมื่อไหร่ที่แกรู้สึกว่าเถียงกับเราไม่ได้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ชนะทั้งคู่ แกก็ยอมวางสิ่งนี้เอาไว้ว่า โอเค.. คุณมีความเห็นอย่างนี้ ผมมีความเห็นอย่างนี้ แม้แต่สิ่งที่แกอาจจะมีความนับถือที่สุด ถ้าเราเห็นไม่ตรงกัน เถียงไปเถียงมาก็ไม่สามารถเอาแพ้เอาชนะกันได้ แกก็พร้อมจะวางมันไว้ ผมว่าแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ มนุษย์เราจะเอาแค่ไหน (หัวเราะหึๆ ในลำคอ)

เตรียมใจรับคำวิจารณ์อย่างไร เพราะแม้แต่ลูกศิษย์ก็มองว่าเป็นคณะกรรมการที่เอาแต่จัดงานสัมมนาไปวันๆ

ก็.. รับได้ ถ้าผมเป็นเขา ผมก็ต้องคิดอย่างเดียวกันว่าจะมีประโยชน์อะไร

ต้องแบกรับความคาดหวังจากสังคมว่าคนชื่อ "นิธิ" จะเข้าไปผลักดันเรื่องต่างๆ

ในคณะกรรมการปฏิรูปน่ะหรือ โอ้ย! ผมไม่แบกหรอกอย่างนี้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ไง สิ่งใดที่คุณคาดหวังอยากให้เกิดขึ้น คุณทำได้ครึ่งหนึ่งจากที่คาดหวังไว้ก็ดีถมถืดแล้ว และผมคิดว่าคณะกรรมการชุดนี้ โดยเฉพาะคุณอานันท์ก็กล้าหลายเรื่องนะ อย่างเรื่องการยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรรมการผ่านมตินี้ไปโดยไม่คิดว่ารัฐบาลจะเชื่อนะ แต่คิดว่าถูกต้อง เราก็เสนอไป กรรมการหลายคนก็คิดว่าเฮ้อ! เขาไม่ทำหรอก ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะทำ แต่ต้องเสนอ เพราะรัฐบาลชุดนี้อยู่ได้ด้วย พ.ร.ก. เขาจะอ้างเหตุผลอย่างไรกับท่านประธานก็แล้วแต่ แต่ทางการเมืองรู้กันว่าถ้าเลิกแล้วคุณอยู่ลำบาก ซึ่งมติที่ออกมาก็สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลได้พอสมควร

บอกว่าเป็นความสำเร็จแรกของคณะกรรมการปฏิรูปได้หรือไม่

คงไม่สำเร็จอะไรหรอกครับ แต่ทำให้เห็นชัดขึ้นว่ากรรมการไม่ได้เป็นลูกกระจ๊อกของรัฐบาล

แต่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องความไม่ลงรอยระหว่างนายกฯกับกองทัพ เป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯจะยืมมือคณะกรรมการปฏิรูปชงเรื่องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อกดดันกองทัพอีกแรง

โอ้ย... ผมคิดว่าคุณอภิสิทธิ์รู้ตัวดีว่าถ้าไม่มีทหารซัพพอร์ท (สนับสนุน) แกอยู่ไม่ได้หรอก ไม่รู้นะ อันนี้ผมดูจากข้างนอก ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาแตกแยกกัน ถ้าพูดกันตรงไปตรงมา ผมเพิ่งมาพบความจริงในช่วงที่เกิดวิกฤตว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนแหย แกแหยอย่างคาดไม่ถึงเลย ดังนั้นผมไม่เชื่อหรอกว่าแกจะกล้าอยู่ในอำนาจโดยไม่มีทหารคุ้มอยู่

อาการแหยของนายกฯ แสดงออกให้เห็นอย่างไร

เยอะแยะเลย ถามว่าเวลานี้อำนาจอยู่ในมือคุณอภิสิทธิ์คนเดียวหรือเปล่า ผมว่าไม่ใช่ ยังมีในมือคนอื่นๆ อีกเยอะแยะไปหมดทั้งที่พูดได้และพูดไม่ได้ การตัดสินใจจึงไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของแกเอง แต่อยู่บนพื้นฐานที่ทำให้แกกับกลุ่มอำนาจที่ถือร่วมกันสามารถอยู่ร่วมกันต่อ ไปได้ ซึ่งในแง่นี้ผมคิดว่าคือการเชือดคอตายทางการเมือง คุณจะหวังกับนายกฯที่ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้หรือ (เงียบไปพักหนึ่ง) อย่างตอนเสนอเรื่องให้มีการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ฝ่ายรัฐบาลเป็นฝ่ายยุติการเจรจาเองนะ แล้วก็เปิดทหารลุยเข้ามาเลย ไม่ต้องคนวงในหรอก เราซึ่งเป็นคนวงนอกก็คิดได้ว่าถ้าคนเสื้อแดงยอมสลายการชุมนุมต้องใช้เวลา เท่าไร มันต้องมีท่าทีให้มวลชนเห็น แหม! คุณนำมวลชนมาเป็นแสน จู่ๆ จะบอกว่าไม่เอาแล้ว เฮ้ย! กลับบ้าน มันเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ จะพลิกกลับ มันต้องให้เวลาเขาหน่อย ถามว่าคุณอภิสิทธิ์รู้ไหม รู้ แม้ไม่เคยนำมวลชนมาก่อนก็ตาม

แต่การตัดสินใจของคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้อยู่ที่ตัวแกคนเดียว อยู่ที่รอบข้างเต็มไปหมด ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ผมคิดว่าเป็นทางตันทางการเมือง ไอ้นายกฯ 100 ศพเนี่ย คุณจะลบมันออกไปได้อย่างไร ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ฉลาดพอก็ต้องทิ้งคุณอภิสิทธิ์ในสมัยหน้า ต้องเลือกหัวหน้าพรรคคนอื่น แต่ทีนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่า ปชป.จะไม่แหยนะ เพราะมันก็แหยมาตลอดทางเหมือนกัน (หัวเราะ)

ในเมื่อมีภาพ "นายกฯ 100 ศพ" ติดตัว เหตุใดชนชั้นกลางและชนชั้นนำยังสนับสนุนนายอภิสิทธิ์

ไม่มีตัวเลือกอื่น เวลานี้ตัวเลือกมีอยู่อย่างเดียว ถ้าไม่เอาอภิสิทธิ์ก็รัฐประหาร ไม่มีตัวเลือกอะไรเหลืออยู่เลย ผมยังเชื่ออย่างนี้ด้วยซ้ำไป แต่อันนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์นะ ผมเชื่อว่าชนชั้นนำของสังคมไทยฉลาดมาก เพราะเขาชักใยอยู่เบื้องหลังมาเป็นสิบๆ ปี เขามีประสบการณ์มาก จริงๆ ถ้าพรรคเพื่อไทย (พท.) มีหัวหน้าพรรคที่สามารถเจรจากันได้ในระดับหนึ่ง เขายอมทันที แต่เวลานี้เสี่ยงไม่ได้ คุณจะเอาปลอดประสพ (สุรัสวดี รองหัวหน้า พท.) เป็นนายกฯหรือ มันไม่ได้หมดน่ะ คนที่จะขึ้นแต่ละคนคือคนที่คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกฯ) คุมได้หมด ดังนั้นคุณเสี่ยงไม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นยามปกติ พรรคการเมืองต้องมีคนพร้อมเป็นนายกฯ เช่น คุณชวลิต (ยงใจยุทธ ประธาน พท.) แต่แกผันแปรไปได้ทุกวัน แต่ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคุณชวลิต เขาเปลี่ยนได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่สักอย่าง

กำลังจะบอกว่าการเมืองไทยถูกออกแบบและล็อคสเปคโดยชนชั้นนำว่าต้องเอานายอภิสิทธิ์เท่
านั้น

คือไม่ใช่มีคนดีไซน์ (ออกแบบ) แต่ถามว่าคุณมีตัวเลือกอื่นไหม เนวิน (ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย) ไหวไหม ก็ไม่ไหว มันไม่มีใครเหลืออยู่นี่

แสดงว่าการอยู่ หรือไปของรัฐบาล ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของผู้บงการระดับบนว่านายอภิสิทธิ์หมดประโยชน์หรือยัง

แน่นอน แต่ทีนี้ถึงคุณอภิสิทธิ์หมดประโยชน์อย่างไรก็แล้วแต่ แต่มันไม่มีตัวเลือกอื่นในช่วงนี้

นาทีนี้ชนชั้นนำไม่เหลือไพ่ใบอื่นให้เล่นเลยหรือ

นาทีนี้ผมว่าไม่มีเหลือนะ แต่วันข้างหน้าไม่รู้นะ

เป็นเพราะคนถือไพ่เป็น "มือที่มองไม่เห็น" หรือเปล่า ถึงยากจะคาดเดาว่ามีไพ่ใบอื่นอีกหรือไม่

(ผงกศีรษะก่อนยิ้มรับ) เออ.. (ลากเสียงยาว)

มีข่าวลือหนาหูในวงบิ๊กการเมืองว่าคณะกรรมการปฏิรูปเป็นกระบวนการที่ถูกเซ็ต จากผู้มา
กบารมี เพื่อจัดทำข้อเสนอไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

(นิ่งคิดพักหนึ่ง) ไม่รู้นะ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีเค้าเรื่องนี้ให้เห็นเลย ไม่ว่าประธาน หรือใครก็แล้วแต่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ ตัวประธานด้วยซ้ำไปที่บอกว่าเราจะไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง นี่เป็นข้อตกลงที่กรรมการคุยกันตั้งแต่ต้น

ความเป็นไปได้ในการเกิดขึ้นของรัฐบาลแห่งชาติไม่มีเลยหรือ

เป็นไปได้ แต่ทีนี้รัฐบาลแห่งชาติมันหมายถึงการฉีกรัฐธรรมนูญนะ คุณกล้าฉีกรัฐธรรมนูญไหมล่ะ ถ้าคุณฉีกรัฐธรรมนูญเดี๋ยวนี้ คนที่จะขึ้นมาแล้วทำให้เกิดความสงบไม่ปั่นป่วน มันมีไหม สมมุติคุณฉีกรัฐธรรมนูญปุ๊บจะมีคนเข้าข้างเสื้อแดงอีกเท่าไร จะมีการต่อต้านทั้งบนดินและใต้ดินอีกเท่าไร คนที่จะขึ้นมาได้เนี่ย ผมมองไม่เห็นนะ เห็นคนอย่างคุณอานันท์ ถามว่าคุณอานันท์จะขึ้นมาไหม ผมว่าแกไม่เอา

เพราะอะไรถึงคิดว่านายอานันท์ไม่เอา

(ตอบโดยไม่หยุดคิด) ผมคิดว่าแกไม่โง่พอ คือมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะคุณอานันท์เองก็เสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนจำนวนไม่น้อยจากการไปงาน ศพอะไรอย่
างนี้ ส่วนไปทำไม ผมไม่รู้ แต่ภาพที่เอามาลงมีคุณสนธิ (ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) มากระซิบอยู่ข้างหูแก มันมันส์ฉิบ.. (หัวเราะ)

ก่อนและหลังเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคม เงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่อย่างไร

ผมไม่แน่ใจ แต่คิดว่าทำให้เรามองเห็นความขัดแย้งถนัดขึ้น เห็นกลุ่มคนว่าแตกต่างกันอย่างไร เห็นปัญหาที่อยู่เบื้องหลังมากขึ้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าชนชั้นนำยังไม่ยอมปรับตัวหรือเปล่า

ถูก ซึ่งน่าตกใจมากๆ เลย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นได้กำหนดชะตากรรมประเทศ ไอ้ชะตากรรมนายกฯอภิสิทธิ์มันไม่มีความหมายหรอก แต่ทำให้รู้สึกว่าประเทศเราไม่สามารถเปิดพื้นที่การต่อรองในระดับใดๆ ได้โดยสงบ ซึ่งอันนี้น่ากลัว

การต่อรองบนท้องถนน ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

(พยักหน้ารับ) ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน คือ.. ไม่จำเป็นว่าการต่อรองบนถนนต้องประสบความสำเร็จนะ แต่มันมีการยืดหยุ่นกัน ซึ่งข้อเสนอสุดท้ายของรัฐบาลที่ให้ไปเลือกตั้งกันในเดือนพฤศจิกายน นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังลงเอยด้วยการสูญเสียชีวิตเป็นร้อย อันนี้ผมว่ามันกำหนดชะตากรรมของประเทศค่อนข้างมาก

เหตุที่สังคมแตกเป็นหย่อมๆ เป็นเพราะไม่มีอำนาจนำเด็ดขาดหรือเปล่า

ผมว่าส่วนหนึ่งใช่เลย และมันไม่เคยมีมาก่อน อย่างน้อยที่สุดคุณเคยมีอำนาจนำที่สามารถเข้ามาจัดการความแตกแยกในลักษณะนี้ ได้ แต่บัดนี้ผมคิดว่าไม่มีแล้ว ไม่เหลืออำนาจนำ ไม่เหลืออาญาสิทธิ์อะไรเข้ามาผลักดันและจัดการความแตกแยก นอกจากใช้ความรุนแรง ใช้การปราบปรามอย่างที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่าไม่ได้ทำอะไร เพราะมันก็ยังแตกแยกกันอยู่

ขณะเดียวกันอำนาจนำทางเลือกก็ไม่กล้าโผล่ขึ้นมาด้วย

(พยักหน้า) ฮะ ถึงได้บอกว่าการกระทำของรัฐบาลในการปราบคนเสื้อแดงมันกำหนดชะตากรรมประเทศ เลย ซึ่งน่าเศร้ามาก สังคมเราเดินมาถึงจุดที่ต้องปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ซึ่งทางเลือกหนึ่งคือการใช้ความรุนแรงเพื่อให้ไม่ต้องปรับตัว นั่นคือทางเลือกที่เลวที่สุด เพราะทำให้เกิดทางตันขึ้น

คณะกรรมการปฏิรูปจะทลายทางตันอย่างไร

ประเด็นที่กรรมการชุดนี้พูดกันมากคือการจัดการทรัพยากร เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากในสังคมไทยเกิดจากการจัดการที่ดินที่ใช้ ไม่ได้ เราต้องแก้ตรงนี้ ส่วนจะแก้อย่างไร เราจะเสนอ แต่ต้องใช้พลังของสังคมเป็นตัวผลัก มันผลักได้ ที่รัฐธรรมนูญปี 2540 ผ่านได้เพราะสังคมผลัก ไม่มีนักการเมืองคนไหนเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญปี 2540 แม้แต่คุณชวน หลีกภัย ยังขอเวลาอภิปรายเป็นชั่วโมงเพื่อจะด่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เสร็จแล้วก็ยกมือ ยกทำไม เพราะไม่ยกไม่ได้

สิ่งที่กรรมการคิดอีกเรื่องคือทำอย่างไรจะลดอำนาจการรวมศูนย์ของนักการเมือง ได้ และเพิ่มอำนาจทั้งในเชิงระบบบริหาร เชิงการเมืองให้ประชาชนสามารถสร้างอำนาจในการต่อรองกับอำนาจที่มาจากการ เลือกตั้งได้
แต่ในการดำเนินการอย่าไปผลักให้รัฐบาล หรือสภาแก้กฎหมาย มันไม่มีทางแก้หรอกไอ้พวกนี้ คุณต้องทำให้สังคมตื่นตัวแล้วให้สังคมผลักเอง ผมคิดว่าวันนี้ประชาชนเริ่มเลือกอะไรในเชิงนโยบายมากขึ้น ไม่ใช่เพราะคุณทักษิณอย่างเดียว แต่สังคมมันเปลี่ยนมาถึงจุดที่ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะมากขึ้น

จำเป็นต้องมีใครมีอำนาจนำเด็ดขาดหรือไม่

ไม่ควรมี อำนาจในสังคมประชาธิปไตยคืออำนาจที่มาจากการต่อรองของคนกลุ่มต่างๆ ดังนั้น มันจะได้สูตรที่ไม่มีใครได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มสักคน ทุกฝ่ายต้องยอมตรงนั้นได้ตรงนี้ ตอนนี้ผมว่ามันเป็นโอกาสนะ แต่ไม่ใช่เป็นโอกาสเพราะเหตุที่มีการฆ่ากัน แต่เป็นโอกาสเพราะสังคมเปลี่ยนไปถึงระดับที่เป็นไปได้

วิเคราะห์ว่ามีโอกาสเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ เพราะอำนาจเก่าต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาพลังในการต่อรองของตน

ผมก็เชื่อว่าเขาต้องพยายามรักษาอย่างแน่นอน สมมุติถ้าไม่ใช้การรัฐประหาร อย่างไรเสียคุณก็ต้องเลือกตั้ง อย่างไรเสียคุณก็ต้องเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว คุณไม่เลิกไม่ได้ ถ้าคุณไม่รัฐประหาร ความเคลื่อนไหวของสังคมก็จะค่อยๆ ผลักให้คุณต้องยอมรับต้องเปลี่ยน

ถ้าเช่นนั้นอำนาจเก่าอาจใช้วิธีที่ซับซ้อนกว่าการขนกำลังทหารออกมายึดอำนาจ ซึ่งมีการพูดกันมากเรื่องการรัฐประหารซ่อนรูป

คือเวลานี้มันก็เป็นรัฐประหารซ่อนรูปอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าซ่อนอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว คุณจะซ่อนอย่างไรอีกล่ะ จะใช้ พ.ร.ก.ตลอดไปหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก มันมีการเมืองระหว่างประเทศ มีอะไรมากดดันคุณมากมาย

ถ้าทลายทางตันไม่ได้ ก็หลีกเลี่ยงการเกิดเหตุรุนแรงไม่ได้

อันนี้ผมตอบไม่ได้ ผมได้แต่หวังว่าจะไม่เกิด การมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา ผมหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่ต้องมาฆ่ากันเอง

ลึกๆ แล้วมีความหวังในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้แค่ไหน

มันยาก ยากมากๆ เลย (เน้นเสียง) แค่ความไว้วางใจของคนก็ไม่มีแล้ว สิ่งที่คณะกรรมการหวังว่าจะทำได้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่นะ คือในขณะที่ทำงาน เราต้องขับเคลื่อนสังคมไปสู่การปฏิรูป ไม่ใช่ไปสู่คำตอบของเราเพียงอย่างเดียว คำตอบเราเป็นเพียงข้อเสนอหนึ่ง ถ้าเราขับเคลื่อนสำเร็จ สังคมก็จะเข้ามาปรับปรุงแก้ไขคำตอบไปเรื่อย ไม่ใช่รับไปเฉยๆ

จะทำอย่างไรให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน เพราะอย่างที่อาจารย์บอกว่าไม่มีความไว้วางใจกัน

ก็อย่าเพิ่ง... แหม! ตอนนี้เราเพิ่งทำงานได้ 3 สัปดาห์เอง สิ่งแรกที่ทำคือการออกมติให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งก็หวังว่าจะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากคนบางกลุ่มมากขึ้น แต่แน่นอนได้ทำให้คนอีกกลุ่มไม่ไว้วางใจ ซึ่งคนกลุ่มหลังไม่ใช่เขาไม่สำคัญนะ เขาสำคัญ แต่เนื่องจากเขาเตรียมใจตั้งแต่ที่คุณอานันท์ประกาศชื่อกรรมการ เพราะเห็นอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแท้ๆ อย่างน้อยเขาก็เตรียมใจแล้วว่าไอ้ชุดนี้มันไว้ใจไม่ได้ แต่พอออกมาอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรเสียหายกว่าเดิม ในขณะที่อีกกลุ่มก็คิดว่าไม่แน่เหมือนกัน ต้องฟังมันบ้างอะไรอย่างนี้

เป็นกรรมการที่มีส่วนผสมหลายเฉดสี

(พยักหน้า) ผมว่าแฟร์นะ ต้องยอมรับว่าเป็นความสามารถของคุณอานันท์ที่สามารถตะล่อมให้คนที่มีความเห็นแตกต่าง
สามารถอยู่ร่วมกันได้

ขณะนี้ดูเหมือนรัฐบาลพูดการปฏิรูปเพียงฝ่ายเดียว กระแสสังคมไม่ค่อยตอบรับเท่าไร

ก็คุณอยู่ท่ามกลางการตายของคนเป็นร้อย แล้วรัฐบาลยังนั่งอมยิ้มเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเกินไป เอาอย่างนี้ดีกว่า ภาพที่รัฐบาลทำจนกระทั่งนาทีนี้คือไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น ผมคิดว่าก็ชอบธรรมที่เขาจะระแวงสงสัย คุณจะไว้ใจรัฐบาลนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าคุณจะปฏิรูป จะทำบ้าบออะไร ไม่มีใครไว้ใจทั้งสิ้น

ถ้าเช่นนั้นโจทย์แรกของคณะกรรมการปฏิรูปน่าจะอยู่ที่การสร้างความปรองดอง แต่นายอานันท์กลับย้ำตลอดว่านั่นไม่ใช่หน้าที่

เราไม่สามารถปรองดองได้ ความแตกร้าวมันอยู่ลึกเกินกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมาปรองดองได้ ไม่มีหรอก คุณฆ่าคนไป 100 คนแล้วคุณไม่ขยับทำอะไรสักอย่าง ใครจะไปปรองดองกับคุณ

การสร้างความปรองดองไม่ใช่โจทย์ที่รัฐบาลมอบให้คณะกรรมการปฏิรูปตั้งแต่ต้น

เขาพยายามพูดให้คลุมเครือเข้าไว้จากที่ประกาศโรดแมป แต่ประธานพยายามแยกบทบาทตั้งแต่ต้นว่าเฮ้ย! เราไม่เกี่ยว

คณะกรรมการปฏิรูปจะหาแนวร่วมได้อย่างไร เพราะคนในสังคมแบ่งฝ่ายกันชัดเจน และผลักให้ความคิดต่างเป็นศัตรู

ผมว่ามันเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งนะ การเปลี่ยนแปลงในสังคมที่เกิดขึ้นทำให้คนทุกกลุ่มวุ่นวายใจไปหมด เพราะมองไม่เห็นทางออก ไม่เห็นรากฐานของปัญหา แต่ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นภาวะชั่วคราวของมนุษย์ ไม่ใช่ภาวะถาวร ถ้าเราทำให้เห็นว่าสังคมมีทางออก ทำให้เห็นว่ารากฐานปัญหาอยู่ตรงไหน เช่น กรณีนักการเมืองที่พูดกันมาก วันนี้ไม่ใช่ว่านักการเมืองเป็นเทวดา มันก็สัตว์นรกอย่างที่คุณว่าเนี่ยแหละ แต่ที่มันให้ผลร้ายกับคุณไม่ใช่เพราะมันเป็นสัตว์นรก แต่เป็นเพราะเราเป็นใจให้สัตว์นรกมีอำนาจทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าเราปรับ สัตว์นรกก็จะเริ่มทำตัวดีขึ้น ไม่ไปลิดรอนสิทธิทางการเมืองของคนอื่น

โดยส่วนตัวรู้สึกอึดอัดหรือไม่ เพราะปฏิเสธนายกฯ แต่กลับต้องทำหน้าที่เสมือนเป็นแขนขาให้รัฐบาล

ไม่ใช่น่ะ ผมไม่เคยคิดเลยว่ากรรมการชุดนี้เป็นแขนขารัฐบาล

แต่การเกิดขึ้นของคณะกรรมการชุดต่างๆ ทำให้รัฐบาลมีความชอบธรรมในการอยู่ต่อ

ผมว่าไม่มีนะ ผมไม่เห็นว่ามีความชอบธรรมตรงไหน คุณฆ่าคนตาย (เอามือตบโต๊ะถี่ๆ) โดยไม่จำเป็น (เอามือเคาะโต๊ะต่อ) แล้วคุณไม่ทำอะไรเลย

ห่วงว่าจะนำต้นทุนส่วนตัวที่สั่งสมมาทั้งชีวิตมาทิ้งหรือไม่

มันไม่มีความหมายหรอก ผมเข้ามาในโลกนี้แบบไม่มีใครสังเกตเห็น และผมก็จะแอบไปตอนไม่มีใครเห็นเช่นกัน (ยิ้มมุมปาก)

ถ้าจะมีเหตุให้อาจารย์ถอนตัวจากการเป็นกรรมการปฏิรูปจะมาจากปัจจัยอะไร

ไม่ได้คิดขนาดนั้น สิ่งที่คิดมีอยู่อย่างเดียวคือการปฏิรูปทำได้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย และทำไม่ได้ภายใต้การรัฐประหาร ดังนั้น ถ้ามีการรัฐประหารเกิดขึ้น ผมจะออก

http://www.matichon.co.th/news_detail.ph...3&grpid=01

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน