แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

“อภิสิทธิ์” ชี้ข้อมูลกัมพูชาส่ง "ยูเอ็น" คลาดเคลื่อน เผยมอบบัวแก้วแจง ข้อหาเป็นพวกหัวรุนแรง

Tue, 2010-08-10 02:32
เผยกรณีกัมพูชาส่งหนังสือถึงยูเอ็น จีเอและยูเอ็นเอสซี เป็นการเวียนหนังสือกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาที่คลาดเคลื่อน วาดภาพไทย "รุนแรง-รุกราน" ชี้ถึงไม่มีเอ็มโอยู 2543 ก็ต้องเจรจาเพราะเป็นหลักของชาติภาคี

วันนี้ (9 ส.ค.53) เมื่อเวลา 17.00 น.ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งหนังสือถึงประธานการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ประท้วงท่าทีของไทยที่จะยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ไทย-กัมพูชา ปี 2543 รวมถึงจะใช้วิธีทางการทูตและการทหารในการแก้ปัญหาชายแดน ซึ่งจดหมายดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ได้รับการพิจารณาชี้ขาดให้ได้รับการดูแล จากกัมพูชาโดยศาลโลกเมื่อปี 2505 และองค์กรอื่นๆ ในปี 2477 ซึ่งไทยละเมิดคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศ

นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ความจริงเป็นการเวียนหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาซึ่งก็อยู่บน พื้นฐานที่คิดว่าคลาดเคลื่อนทั้งคำพูดและการรายงานอะไรต่างๆ แต่ก็คงไม่มีปัญหา เพราะกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็คงจะได้ทำความเข้าใจต่อไป แต่เรื่องนี้ก็เป็นตัวบ่งบอกเหมือนกันว่าการที่หลายคนบอกว่าถ้าเรายกเลิก เอ็มโอยูปี 2543 แล้วเขาจะต้องกลับมายึดสนธิสัญญายาม-ฝรั่งเศสนั้นมันไม่ใช่ เป็นอย่างที่ตนพูดว่าเขาจะต้องย้อนกลับไปหาทางเอาองค์กรระหว่างประเทศเข้ามา เหมือนกัน ส่วนหลักของการแก้ปัญหาตามเอ็มโอยูปี 2543 ถึงไม่มีเอ็มโอยูเรื่องการเจรจาก็ต้องทำเพราะเป็นหลักของสหประชาชาติที่เรา เป็นภาคีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ความพยายามที่กัมพูชาจะนำประเทศที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องนั้นคิดว่าจะสำเร็จหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ไม่ควรจะสำเร็จ เพราะเรามีเอ็มโอยูดังกล่าวอยู่ เมื่อถามต่อว่ากัมพูชาอ้างว่าถ้ามีการยกเลิกเอ็มโอยูนี้ เท่ากับไทยทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรายังคงไปไม่ถึงตรงนั้น แต่อย่างที่เรียนว่าขณะนี้ตนมองว่าเอ็มโอยูเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาอยู่ ทั้งในเรื่องที่ได้พูดไปแล้วเกี่ยวกับมรดกโลก ทั้งในเรื่องของการเป็นฐานของการที่เราจะดำเนินการอะไรในกรณีที่มีเห็นว่า การรุกล้ำเข้ามา อีกทั้งตนคิดว่าก็จะทำให้เป็นหลักประกันที่ทำให้ชาวโลกได้เห็นว่าเรายึดมั่น ตามเจตนารมณ์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพราะตนคิดว่าค่อนข้างชัดเจนว่ากัมพูชาพยายามที่จะทำให้ภาพของเราในสายตาของ ชาวโลกเป็นฝ่ายที่รุนแรงหรือเข้าไปรุกราน ซึ่งตรงกันข้ามเพราะสิ่งที่ตนพูดทั้งหมดคือการที่เราต้องตอบโต้ถ้ามีการ รุกล้ำเข้ามาในส่วนของเรา ส่วนการชี้แจงต่อกับต่างประเทศนั้น ไม่ได้มีปัญหา เพราะจุดยืนของเราชัดเจนอยู่แล้ว

ต่อคำถามถึงแรงกดดันต่อเรื่องการทูตและการทหารที่จะไปดูแลพื้นที่ตรง นั้นยากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะคิดว่าเป็นตัวที่บ่งบอกว่าสภาพปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลประเมินอยู่และได้อธิบายมานั้นก็เป็นจริง เพราะฉะนั้น เราก็จะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เมื่อถามต่อว่า จากสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนกัมพูชานำความขัดแย้งภายในประเทศมาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน เพื่อวัตถุประสงค์ของตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนถึงได้เรียนว่าดีที่สุดสำหรับเราก็คือมีอะไรภายในก็พูดคุยกัน อย่าไปทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่าเรามีปัญหากันเอง ทะเลาะเบาะแว้ง มีความรุนแรง หรืออะไร

เมื่อถามว่า หนังสือที่ไทยจะทำเพื่อชี้แจงต่อยูเอ็นนั้นจะเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ เป็นเรื่องของระดับกระทรวง เพราะหนังสือของกัมพูชาก็ออกมาจากกระทรวงการต่างประเทศของเขา ส่วนการที่กัมพูชาออกมาบอกว่าไทยละเมิดการตัดสินของศาลโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คืออย่างนี้ครับ เขายังใช้คำว่า "ถ้า" สิ่งที่เขาอ้างว่าหนังสือพิมพ์บอกว่าตนพูดนั้นเป็นจริงหรืออะไรต่างๆ ซึ่งมันไม่จริงอยู่แล้ว ซึ่งตรงนั้นเราก็ชี้แจงได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา

ต่อข้อถามว่า การที่เราไม่มีเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชา ทำให้เราเสียเปรียบในแง่ของการติดตามความเคลื่อนไหวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ไม่หรอกครับ" เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ยังไม่มีการส่งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชากลับไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอทางกัมพูชา เพราะเขาเป็นฝ่ายที่สร้างปัญหาขึ้นในเรื่องของการที่จะมาละเมิดระบบของเรา


ที่มา: กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน