แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"เหยื่อ"


"เหยื่อ"

โดย ชฎา ไอยคุปต์

วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:25:08 น. มติชนออนไลน์












ผ่านไป 2 เดือนกว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะยุติลงได้มีการสูญเสียทั้งชีวิตและ ทรัพย์สินครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ทำให้การ ต่อสู้ทางประชาธิปไตยกลายมาเป็นสงครามดึงคนในประเทศมารบกันเอง โดยมีกลุ่มผู้นำคอยบัญชาการให้คนไทยฆ่ากันเอง สุดท้ายผู้รับเคราะห์ คือ ประชาชน


กระสุนปืน ระเบิด ถูกนำมาสังหารคนอย่างเหี้ยมโหด เพลิงลุกเผาทรัพย์สินบ้านเรือนวอดวายเสียหายเกินจะเยียวยา แล้วใคร คือ ผู้ที่สูญเสีย "ประชาชนคนไทย" ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามทั้งหมด คือ ผู้ที่ถูกกระทำ ผลจากเกมการต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มผู้นำที่ใช้ประชาชนเป็น"หมาก"


หากเอา "ชีวิต-ทรัพย์สิน" ของประชาชนเป็นที่ตั้ง รัฐบาลควรประเมินค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นอันดับแรก แล้วทำหน้าที่ปกป้องมิใช่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือหาความชอบธรรมลงมือกระทำ กับประชาชน ควรประเมินความเสียหายก่อนที่จะลงมือทำอะไรลงไป มิใช่นำพาประเทศไปสู่ความหายนะแล้วโยนความผิดให้กับผู้ก่อการร้าย แต่ไม่มองว่าเป็นความบกพร่องของตนเองที่ไม่อาจปกป้องชีวิต ทรัพย์สินคนในปกครองได้


ย้อนรอยความเสียหายนาทีต่อนาทีกับความหายนะ ล้วนเกิดกับประชาชน แทนที่คนไทยจะมองคนไทยด้วยกันเป็นศัตรูคู่อาฆาต ควรแสดงความเห็นอกเห็นใจกันมากกว่ามากล่าวโทษกันเอง โดยลืมมองไปว่าผู้นำประเทศบกพร่องต่อหน้าที่หรืออย่างไร ถึงปล่อยให้มีคนเจ็บคนตายมากมายขนาดนี้ แล้วยังปล่อยให้ทรัพย์สินของประชาชนเสียหายอีกจำนวนมาก แล้วรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ นอกจากเอาเงินภาษีประชาชนไปชดใช้ให้ประชาชน


"ทรัพย์สินยังพอชดใช้ได้ แต่ชีวิตคนไม่มีอะไรมาชดเชยได้"


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ยืนยันตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค. มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 1,898 ราย เสียชีวิต 85 ราย สำหรับผู้บาดเจ็บในวันที่ 14-19 พ.ค. มีทั้งหมด 480 ราย โดยอยู่ในเขตกทม. 437 ราย และใน 7 จังหวัด 43 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 53 ราย อยู่ในเขต กทม. 52 ราย และจังหวัดขอนแก่น 1 ราย


ทั้งหมดคือ "เหยื่อ" ความรุนแรง เด็กหนุ่มวัยเพียง 17 ปี "สมาพันธ์ ศรีเทพ" เสียชีวิตในเหตุนองเลือดกลางเดือนพฤษภาคมที่กรุงเทพมหานคร เพราะความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศถึงได้ยิงกันสนั่นเมือง โดยรัฐบาลบอกว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ซุ่มยิงประชาชนตายเป็นใบไม่ร่วง แล้วยังมีคนขับแท็กซี่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวผู้หญิงตั้งครรภ์ถูกยิงตายรวม ทั้งคนส่งโค้กทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิต


อีกกลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อถูกลูกหลงโดนไปเต็มๆ คือ กลุ่มสื่อมวลชนที่คอยติดตามรายงานข่าวในพื้นที่ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าต้องมา จบชีวิตการทำงานในการสนามข่าวเหตุการณ์ปะท้วงกลายเป็นสนามรบแม้จะมีอุปกรณ์ ป้องกันภัยระดับหนึ่งซึ่งไม่คิดว่าจะมาเจออาวุธสงครามถูกยิงบาดเจ็บและเสีย ชีวิต รายแรกเป็นนักข่าวญี่ปุ่นนายฮิโร มุราโมโตะ ช่างภาพญี่ปุ่น สังกัดรอยเตอร์ส ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ขณะบันทึกภาพทหารไทยกำลังปะทะกับผู้ประท้วงเสื้อแดง และนายฟาบิโอ โปเลงฮี ช่างภาพชาวอิตาลี ซึ่งเสียชีวิตเพราะถูกยิงที่หน้าอก ขณะทหารสลายการปักหลักของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ไม่รวมช่างภาพของไทยที่ถูกยิงบาดเจ็บหลาย อาทิ ช่างภาพเนชั่น มติชน


ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อเป้าปืนนัดเดียวจอดจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าใครยิง เช่น นาย คนึง ฉัตรเท อายุ 50 ปี ถูกยิงท้องปอดฉีก นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ อายุ 29 ปี ถูกยิงอก ทะลุหัวใจและปอด นายยุทธนา ทองเจริญพูลพร อายุ 23 ปี ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงเข้าที่ศรีษะทำลายสมอง นายธวัฒนะชัย กลัดสุข อายุ 36 ปี จังหวัดนนทบุรี ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงตัดผ่านหลอดเลือดแดงใหญ่ทรวงอก นี่เป็นเพียงบางส่วนของผู้เสียชีวิตขณะต้านเจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้เข้ามาขอ พื้นที่ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 10 เมษายน นายอัครเดช ขันแก้ว ชาวจ.กาฬสินธุ์ ถูกยิงศีรษะสมองถูกทำลายตายในวัดปทุมวนาราม


นอกจากนี้ยังมีตายเพราะพิษแก๊สน้ำตา นายมนต์ชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี จังหวัดสมุทรปราการ มีอาการติดเชื้อในกระเเสเลือดและระบบการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่วนผู้ที่ยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลายเป็นเจ้าชายนิทราและคนพิการมีไม่ น้อย เช่น นายวสุ สุริยะแก่นทราย อายุ 59 ปี ชาวบุรีรัมย์ นอนไม่รู้สึกตับนเตียงผู้ป่วยมีภรรยาที่ร่วมอุดมการณ์คอยเฝ้าดูอาการบาดเจ็บ นายพร้อมพงศ์ ปลั่งกลาง อายุ 42 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ทำหน้าที่การ์ด นปช.ถูกยิงที่ขาเมื่อวันที่ 10 เมษายนอาการยังไม่หายดีก็ไปร่วมชุมนุมซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมว่าขณะนี้เป็น หรือตาย


แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือการเสียชีวิตของกลุ่มอาสาพยาบาลที่เข้ามาช่วยส่งคนบาดเจ็บโดยไม่คิดว่าต้องมาจบชีวิตลง เช่น นายบุญทิ้ง ปานศิลา เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์กู้ชีวิตวชิรพยาบาล ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณซอยรางน้ำ วันที่ 14 พฤษภาคม นายมงคล เข็มทอง อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง กระสุนทำลายปอด หัวใจ และตับ และนางกมลเกด อัคฮาด เจ้าหน้าที่อาสาของสภากาชาดไทย ถูกยิงเข้าที่ศีรษะทำให้สมองถูกทำลาย อายุประมาณ 40 - 45 ปี อาสาพยาบาลหญิงสาวเสียชีวิตในเต็นท์พยาบาลภายในวัดปทุมวนามราม


ส่วนประชาชนผู้ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกลับต้องมาเผชิญกับภาวะสงคราม เมื่อ ถนนหน้าบ้านกลายเป็นสนามรบ มีเสียงปืนเสียงระเบิดดังตลอดเวลา เกิดเพลิงไหม้ อาคาร บ้านเรือน ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร รวมไปถึงสถานที่ราชการศาลากลางจังหวัดบางแห่ง ถูกเผาวอดวายเสียหายหนัก เหลือแต่ซากปรักหักพัง หนึ่งในสถานที่ถูกเผา 30 กว่าแห่งเสียหายอย่างหนัก คือ เซ็นทรัล เวิล์ด ไฟยังไม่มอดดีนักและยังลุ้นว่าจะถล่มลงมาหรือไม่ ส่วนโรงหนังสยาม ลิโด้ ถูกวางเพลิงดำเป็นตอตะโก เพลิงเผาผลาญทุกสิ่งเสียหาย ลามไปกระทบกับร้านค้าของ น.ส.พรชนก คงเดชะกุล เจ้าของร้านรองเท้าBallet ได้แต่นี่งมองซากร้านของตัวเองใต้โรงหนังสยาม และอีกหลายร้านที่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวกันทีเดียว


และยังมีอีกหลายแห่ง อาทิ ไฟไหม้ห้างเซ็น เตอร์วันเหลือแต่ซาก ที่พักอาศัยของชาวบ้านย่านราบบ่อนไก่ พื้นถนนเป็นรูพรุน ไฟไหม้บ้านเรือน ร้านค้าเสียหาย รวมไปถึงถนนราชปรารภที่สภาพยับเยินไม่ต่างกัน และอีกแห่งที่โดนหนักไม่แพ้กัน คือ สถานีวิทยุและโทรทัศน์สีช่อง 3 ที่ถูกทุบทำลายทรัพย์สิน

หลายหน่วยงานออกมาประเมินค่าความเสียหาย จากเพลิงเผาผลาญอาคารบ้านเรือนประชาชนคิดเป็นตัวเลขเสียหายหลายพันล้าน แต่ชีวิตของคนประเมินเป็นตัวเลขคิดค่าความเสียหายไม่ได้


นี่คือผลของการแก้ไขโดยการ "กำจัด-ขับไล่" นอกจากแก้ปัญหาไม่ได้จริงแล้ว ยังบ่มเพาะความขัดแย้งแตกแยกร้าวลึกสวนทางกับแนวทางปรองดองที่รัฐบาลประกาศจะเดินหน้าอย่างสิ้นเชิง


ทั้งหมดนี้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลไม่ใช่หรือ มิใช่การโยนความผิดให้คนอื่น ออกมาด่าสื่อเลือกข้างนำเสนอข่าวด้านเดียวเยินยอเทิดทูนสนับสนุนผู้ก่อการ ร้ายแกนนำนปช. ขอถามกลับบ้างว่าจะให้สื่อเทิดทูนรัฐบาลที่กระทำรุนแรงกับประชาชนมีสื่อ สาธารณะเป็นของตัวเองออกอากาศชี้แจงทุก 2 ชั่วโมงหรืออย่างไร


ประชาชนทุกคนล้วนตกเป็น "เหยื่อ" ความรุนแรง ดังนั้นต้องช่วยกันปกป้องชีวิตและทรัพย์สินคนไทยด้วยกัน ร่วมมือต่อสู้กับอำนาจที่จะทำให้คนไทยต้องฆ่าและทำร้ายกันเอง เพื่อที่ว่าทุกคนจะไม่ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าวันหนึ่งท่านอาจต้องไปยืนอยู่ ณ จุดนั้นเอง


หากศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาควบคุมแก้ไขสถานการณ์ป้องกันความ"ฉิบหาย"ไม่ได้ก็ยุบไปดีกว่ามานั่งแก้ตัวรายวัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน