แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง ปรับแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 เครื่องมือของอำมาตยาธิปไตยโดยเร่งด่วน


ภาย หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทำให้ขบวนการฝ่ายประชาธิปไตยเติบโตขึ้นอย่างกว้างขวาง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แม้ว่าจะมีเข่นฆ่าสังหารประชาชนในช่วงโศกนาฏกรรมล้อมปราบประชาชนผู้รัก ประชาธิปไตย 19 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมาก็ตาม ประชาชนรักประชาธิปไตยก็หาได้ท้อถอยยอมจำนนแต่อย่างใด ยังคงยืนหยัดต่อสู้ในหลักการสำคัญที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยเท่านั้น

ขณะที่ ฝ่ายอำมาตยาธิปไตย ก็มียุทธวิธีต่างๆนานๆ ซึ่งยังกระทำการกดขี่บังคับ ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อมิให้ใฝ่ายประชาธิปไตยได้ส่องแสงโชติช่วงชัชวาลย์ขึ้นใน สังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นกฎหมายห้ามหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่บัญญัติความผิดและโทษคือผู้ใดหมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี-15 ปี

ซึ่งกฎหมายดังกล่าวเป็นการ กดทับริดรอนสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐ รวมไปถึงประชาชนบางส่วนพยายามใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ในการกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม จนนำไปสู่การดำเนินคดีไม่น้อยกว่า 30 คน ซึ่งบทลงโทษในกฎหมายดังกล่าว มีบทลงโทษที่เกินสมควรแก่เหตุ เช่นบทลงโทษในด้านการจำคุก นอกจากนี้ยังมีปัญหาในด้านการตีความ อำนาจการตีความว่าผู้ใดหมิ่นประมาทพระบรมเดชานุภาพ ยังอยู่ที่เจ้าหน้าที่ และศาลเป็นหลัก

จึงเท่ากับว่าเปิดโอกาสให้มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือในการริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ต้องการการมีส่วนร่วมใน การพัฒนาประชาธิปไตยได้

เราจึงขอเรียกร้องข้อเสนอ

1 ให้มีการศึกษาทบทวนกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันเป็นช่องทางให้ผู้มีอำนาจนำไปใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองกับ ฝ่ายตรงข้าม

2 ให้ผู้มีส่วนในการบังคับใช้กฎหมายออกมาอธิบาย ถึงถ้อยความ ขอบเขต คำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับคำหรือพฤติกรรมการแสดงออกว่า ดูหมิ่น เกลียดชัง หรือ อาฆาตมาดร้าย อย่างชัดเจนไร้ข้อคลุมเครืออันจะนำไปสู่การตีความกฎหมายที่กว้างเกินไปจนส่ง ผลกระทบกับสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมืองของบุคคลทั่ว ไป

3 ผู้มีอำนาจต้องเปิดพื้นที่ การศึกษาแก่ผู้สนใจในกรณีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างกว้างขว้างในเชิงวิพากษ์อย่างเป็นประเด็นทางวิชาการ ผลกระทบ ในมิติทางสังคมอื่นๆที่มีต่อกฎหมายนี้

4 ผู้มีอำนาจรัฐจะต้องไม่ใช้สื่อที่มีอยู่ในการโจมตี สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมไปถึงผู้ร่วมรณรงค์สร้างความเข้าใจในกฎหมายนี้

5 ให้มีการพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเปิดกว้างออกเป็นที่ รับรู้ของสาธารณะชนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และ มีการต่อสู้กันทางกฎหมายอย่างเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ตามช่องทางแห่งฐานความคิดที่อยู่ในโลกประชาธิปไตยหรืออาจเป็นเช่นเดียวกับ กฏหมายหมิ่นอื่นๆ

6.พิจารณาความจริงในสังคมประชาธิปไตยเสรี ไม่เหมาะในการถูกควบคุมจากการใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกแล้ว

จึงขอเรียกร้องปรับแก้ไขกฎหมาย 112 โดยเร่งด่วน

ดังนั้น เราในนามประชาชนผู้หวงแหนสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเชื่อมั่นว่า คนเราเท่ากัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน