แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นพดล ปัทมะ : หนึ่งปีถัดจากนี้ จะไม่เงียบเหงาเรื่อง ‘ปราสาทพระวิหาร’

August 2, 2010

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม นายนพดล ปัทมะ โฆษกประตำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงที่พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่นายนพดล ไปลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเมื่อปี 2551 นั้นทำให้ไทยเสียเปรียบกรณีปราสาทพระวิหารว่า ตนเสียใจที่นายอภิสิทธิ์ ใส่ร้ายตน เพราะเป็นความเท็จ และนายอภิสิทธิ์ ยังคงนิสัยถาวรคือการพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นอยู่เป็นประจำ แม้ตนไม่หล่อแต่ก็ไม่หลักลอย ซึ่งในข้อเท็จจริงนั้นคือ 1.การเลื่อนวาระการประชุมที่จากสมัยการประชุมที่ 34 ที่บราซิล ไปพิจารณาในวาระการประชุมที่ 35 ที่ประเทศบาร์เรน นั้นรัฐบาลและนายสุวิทย์ คุณกิติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติทำได้ดีแล้ว แต่ไม่อยากให้มีการฉลองชัยชนะกันจนเกินเหตุ เพราะไม่ควรฉลองความสำเร็จจากการเลื่อนคดีไปตัดสินในวันข้างหน้า แต่ควรมาฉลองกันในวันที่ศาลพิพากษาตัดสิน และประเทศไทยไม่ควรไปตีปี๊บกันยกใหญ่ว่าเป็นความสำเร็จของรัฐบาล และ 1 ปีหลังจากนี้จะเป็นปีที่ไม่เงียบเหงาเรื่องประสาทพระวิหาร

ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะแก้ไขได้ง่ายๆ และได้สวดภาวนาทุกวันว่าในปี 2554 ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหา และให้นายอภิสิทธิ์ ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่จะได้รู้ว่ามีความสามารถในการแก้ไขหรือไม่ เพราะคดีปราสาทพระวิหารนั้นเราแพ้คดีในศาลโลกเมื่อ 2505 จากการว่าความของนายเสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว ทำให้กรรมสิทธิ์ตัวปราสาทต้องตกเป็นของกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาไม่ยอมให้ขึ้นทะเบียนร่วมแน่นอน เพราะจะเหมือนกับกัมพูชาจะมาขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมในเมืองอยุธยา ซึ่งเป็นของไทยที่ไม่สามารถเป็นไปไม่ได้ในทางการฑูตและทางการเมือง หากเปรียบเทียบง่ายๆก็คือเหมือนผมมีแฟนคนหนึ่งแล้วจู่ๆ เพื่อนของผมมาขอนอนกับแฟนผมด้วย จะขอขึ้นร่วม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัตินายนพดลกล่าว

นายนพดล กล่าวว่า 2.นายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ถล่มตนเมื่อปี 2551 แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลตลอด 2 ปี นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์กลับไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องพระวิหารเลย โดยไม่เคยไปเจรจากับสมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือทำบันทึกข้อความไปถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของไทย หรือประสานงานไปยังคณะกรรมมการมรดกโลกหรือยูโนสโกเลยเนื่องจากไม่รู้ว่าจะไป ขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมในประเด็นไหน เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธ์ ไม่ควรพูดตีกินเพื่อหวังผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว

นายนพดลกล่าวว่าภายหลังไทยแพ้คดีที่ศาลโลกทำให้ไทยจำยอมยกปราสาทพระวิหาร และที่ดินใต้ปราสาทให้กัมพูชา โดยมีการขีดขอบเขตและตัดพื้นที่ให้กัมพูชาไป ซึ่งเป็นที่มาของแผนที่ชุดแอล 7017 ที่กรมแผนที่ทหารได้กำหนดไว้เมื่อ 48 ปีที่แล้ว และประเทศไทยใช้แผนที่นั้นเป็นแผนที่อ้างอิงเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชาตลอดมา

นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าไทยถือตามสนธิสัญญา 1904 แบบสันปันน้ำ แต่เมื่อปี 2541 นายอภิสิทธิ์ และ ครม.ชุดชวน 1 ไปประกาศเขตอุทยานเขาพระวิหาร และแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตอุทยานเขาพระวิหาร โดยแนบท้ายแผนที่พื้นที่เขาพระวิหารไปด้วย โดยใช้แผนที่แบบ แอล 7017 ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงได้ทำแผนที่ยกประสาทพระวิหารและดินแดนใต้ปราสาท ให้กับกัมพูชาไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2541 และในเมื่อคุณรับรองไปเรียบร้อยแล้วยังมีหน้ามาบอกผมว่ายังเป็นของไทยได้ อย่างไร ในเมื่อตัวคุณเองทำแผนที่รับรองไปแล้ว ซึ่งไม่มีอะไรชัดไปกว่านี้แล้ว นี่ถือว่าชัดล้านเปอร์เซ็นต์ และ นายอภิสิทธิ์ จะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนนายนพดลกล่าว

นายนพดลกล่าวว่า หากนายอภิสิทธิ์ ยังยืนยันว่าเส้นเขตแดนไทยนั้นยังเป็นแบบสันปันน้ำทั้งหมดก็ต้องถามว่าสัน ปันน้ำเป็นแบบทั้งหมดหรือสันปันน้ำแบบตัดพื้นที่เขาพระวิหารออกแล้ว แต่หากนายอภิสิทธิ์ บอกว่าแบบสันปันน้ำทั้งหมด ตนก็จะถามแล้วทำไมปี 2541 ไปทำแผนที่ตัดพื้นที่ปราสาทพระวิหารออกไป แล้วหลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไปขอค่าเช่าจากกัมพูชาหรือยัง และสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศทำบันทึกข้อความไปถึง สมเด็จฮุน เซน สักครั้งหรือยังว่าไทยขอเปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับประสาทพระวิหารและจะเอาสันปัน น้ำทั้งหมดถือเป็นเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนมั่นใจว่ายังไม่เคยทำ ซึ่ง 3. ตนขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ทำเรื่องเขาพระวิหารเป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกฝ่าย ทุสี มาช่วยกันแก้ไขปัญหาแล้วนำวาระเรื่องนี้ไปเจรจากับกัมพูชา

นายนพดลกล่าว ส่วนการพูดว่าการลงนามในแถลงการณ์ร่วมเมื่อปี 2551 แล้วทำให้ไทยเสียเปรียบนั้นเป็นการพูดแบบชุ่ยๆ และไม่รับผิดชอบ เพราะตนทำแถลงการณ์ร่วมไปเพื่อปกป้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยเจรจาตัดพื้นที่ทับซ้อนออกและให้ขึ้นทะเบียนได้เฉพาะตัวปราสาท เพราะเมื่อปี 2550 กัมพูชาได้เอาพื้นที่ทับซ้อนผนวกกับตัวปราสาทพระวิหารเพื่อขึ้นทะเบียนมรดก โลก แต่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขอเลื่อนการพิจารณามาเป็นปี 2551 ซึ่งตนก็ต้องรับผิดชอบและเจรจาสำเร็จ สามารถตัดพื้นที่ทับซ้อนออกไปได้ และที่สำคัญคือการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 นั้นได้ห้ามนำแถลงการณ์ร่วมเข้าพิจารณา เพราะในมติมรดกโลกที่อนุมัติปราสาทพระวิหาร ข้อ 5ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามนำเข้าที่ประชุมเนื่องจากศาลปกครองของไทยได้สั่ง คุ้มครองชั่วคราวการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไปแล้ว ดังนั้นการมีแถลงการณ์ร่วมหรือไม่มี ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ไปบอกว่าการที่นายนพดล ไปทำแถลงการณ์ร่วมแล้วทำให้ไทยเสียเปรียบนั้นไม่จริงเลย เป็นการพูดหาเศษหาเลยทางการเมือง ซึ่งน่ารำคาญมาก และผมจะไม่ตอบโต้เลยหากท่านนายกฯ จะไม่เกว่งเท้าออกมา จนต้องเจอปังตอกลับไป แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่มากๆ ของประเทศอีกเรื่องหนึ่งก็ คือกรณีที่นายอภิสิทธิ์ กำลังถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โจมตีกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ที่มีการลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543ที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน 1.5 ล้านไร่นั้นนายอภิสิทธิ์ จะต้องตอบว่าใช้แผนที่ระวาง 1 ต่อ 2 แสน หรือที่เรียกว่า ระวางดงรักไปเป็นแนวทางในการปักปันเขตแดน จะทำให้คนไทยเสียหายหรือไม่ แต่ผมไม่อยากไปยุ่ง เพราะจะขอนั่งบนภูดูอย่างเดียวนายนพดลกล่าว

ที่มา มติชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน