วันพุธที่ 12 กรกฎาคม 2554 ทั้งวัน
ที่ร้านเสริมสวยของพี่โอเล่ น้องสาวพี่ไมโล (http://www.prachatham.com/detail.htm?code=i1_15062011_01)กิจการเพิ่ง เปิดได้ 3 เดือนเศษ ตั้งแต่ช่วงสายๆ ถึงบ่ายกว่าๆ วันนี้ กลุ่มครอบครัวผู้ต้องขังคดีเสื้อแดงเชียงใหม่ (http://prachatai3.info/journal/2011/03/33494) ประกอบด้วย พี่โอเล่ ป้าเล็ก (http://rli.in.th/2011/06/12/เปิดอีกมุมชีวิตภรรยาเส/)น้องวา พี่อ้วน (http://prachatai3.info/journal/2011/01/32675) พี่หล้า ป้าจันทร์ (http://www.prachatham.com/detail.htm?code=n6_23062011_01) ลุงสุจิต (http://prachatai3.info/journal/2011/05/34504) และป้าเอ มาร่วมประชุมกันอีกครั้ง หลังจากดำเนินกิจกรรมร่วมกันอย่างกึ่งทางการมาตั้งแต่ช่วงต้นปี มาแจ้งข่าว แจ้งยอดบัญชีรายรับ-จ่าย ประเมินสถานการณ์หลังเลือกตั้ง และสรุปบทเรียน เพื่อวางทิศทางของกลุ่มต่อไป โดยมีพี่เปีย ทนายจากกลุ่มยุติธรรมล้านนาเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ธนาคารกรุงเทพ สาขาตลาดสันทราย เชียงใหม่ เลขที่ 772-0-05572-7 ชื่อบัญชี นางแสงทอง ดวงแก้ว และนางอุดม เมฆขุนทด
ร้าน พี่โอเล่หายากนิดนึง อยู่ในซอยวัดเจดีย์กุด หนองหอย ทำให้กว่าสมาชิกจะมากันครบก็สิบโมงเช้าปลายๆ เพราะหลงทางบ้าง อยู่ไกลบ้าง ไม่เป็นไรไม่รีบ พี่พร พี่เลี้ยงประจำกลุ่มคอยชวนคนโน้นคนนี้คุยระหว่างที่รอ ส่วนพี่ๆ น้องๆ เขาเตรียมมื้อใหญ่ฉลองครบรอบครึ่งปีของการรวมกลุ่มไว้แล้ว
เตรียมมื้อใหญ่
2.
คุยกันไปถึงเกือบๆ เที่ยง พี่แป๊ะ สันติทำ จากกลุ่มสองขาเพื่อประชาธิปไตยเชียงใหม่ ที่ทำกิจกรรมช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องเสื้อแดงที่ได้รับผลกระทบจากคดีความโทร เข้ามาแจ้งว่า พบตัวอดีตผู้ต้องขังคดีเสื้อแดงเชียงใหม่รายหนึ่งโดยบังเอิญ จึงได้ขับรถพาเข้ามาร่วมกลุ่มด้วย
แต่แล้วเมื่อกระบะสองตอนสีน้ำเงินของพี่แป๊ะมาถึง คนที่ลงจากรถตามหลังมากลับไม่ใช่มีเพียงแค่พี่ช้าง สายัณห์ แสงศิริ (https://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:H23m3Q59xhcJ:www.thairath.co.th/content/region/85087+&cd=1&hl=en&ct=clnk&client=firefox-a&source=encrypted.google.com) ผู้ต้องขังคดีเสื้อแดงเชียงใหม่จากกรณีวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 แต่มากันทั้งครอบครัว พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ...
ครอบครัว
พี่ช้างเล่าว่า มีอาชีพเป็นคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้าง เมื่อ 12 มีนาปีที่แล้วลงกรุงเทพกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง กลับบ้านก่อนเหตุสังหารหมู่ที่คอกวัว และไม่ได้ลงไปอีก พอมีการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์อีกก็เกิดความคับแค้นใจ ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม จึงได้ออกจากบ้านพร้อมลูกเมียมาชุมนุมที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าตรงสะพานนวรัฐ ร่วมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกหลายร้อยคน
ราวบ่าย 2 วันที่ 23 พฤษภาคม 2553 พี่ช้างถูกจับกุมด้วยข้อหาบุกรุก วางเพลิง ฝ่าฝืนพรก. และมั่วสุม โดยถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองกำกับการตำรวจภูธรเชียงใหม่เป็นเวลา 4 วัน พี่ช้างให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนจะถูกส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ โดยภรรยายื่นประกันด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาทเป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2553 ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และภายหลังอัยการไม่ได้สั่งฟ้องคดีนี้เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
ส่วนรถสี่ล้อแดงถูกยึดไปตั้งแต่วันถูกจับ ทำให้ไม่มีรายได้ประจำ อาศัยว่าภรรยาขายกับข้าวบ้าง ลูกชิ้นบ้าง และขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดในบางวัน ต้องทำเรื่องขอคืนของกลาง และเพิ่งได้รถคืนหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปกว่า 9 เดือน
และ นี่คือสาเหตุที่พี่ช้าง และลูกเมีย ต้องหอบหิ้วกันออกจากบ้านที่ติดป้ายขายทิ้งไว้ อย่างไม่รู้จุดหมาย หลักทรัพย์ที่ใช้ประกันตัวนั้นต้องซื้อมาด้วยอัตรา 10 บาทต่อ 100 บาท เมื่อครอบครัวไม่มีเงินเก็บและทรัพย์สินอื่น ก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาแลกอิสรภาพ จากยอดเงินต้นห้าหมื่นบาท (จริงๆ แล้วถูกหัก “ค่าดำเนินการ” ได้ไม่ถึงสี่หมื่นดี) กลายเป็นแสนกว่าบาทภายในเวลาไม่ถึงปี รวมทั้งระหว่างที่ไม่มีรถขับรับจ้างก็ต้องกู้เงินมาหมุนใช้ในชีวิตประจำวัน และกิจการค้าขาย รถที่ได้คืนมาก็ถูกตีใช้หนี้ในมูลค่าเพียง 30,000 บาท (แต่พี่ช้างยังต้องผ่อนสหกรณ์ต่ออีก) แต่เจ้าหนี้ยังไม่พอใจ น้องเจไดกำลังจะสอบปลายภาคชั้นอนุบาล 2 และโรงเรียนก็ทวงค่าเทอม แต่ก็ต้องย้ายออกทันทีเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยเนื่องจากเจ้าหนี้ขู่ว่าจะมาดักรอที่หน้าโรงเรียนของลูกชายวัย 4 ขวบ
เมื่อ วานนี้พี่ช้างกับครอบครัวปิดมือถือพากันอพยพจากสารภีไปนอนที่บ้านเพื่อนที่ ฝาง เหลือเงินติดตัวอยู่ไม่ถึงหนึ่งพันบาท เก็บข้าวเก็บของ กำลังจะออกเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อหางานหาเงินอย่างไม่รู้ชะตากรรม พี่เปียจึงช่วยเพิ่มให้อีกห้าร้อยบาท
ถามพี่ช้างเรื่องความช่วยเหลือ ส่วนใหญ่จะได้จากเพื่อนเสื้อแดงที่ไม่ทิ้งกันมาบ้างประปราย เคยลงไปศูนย์เยียวยา นปช.ที่ อิมพีเรียลลาดพร้าวแล้ว แต่เอกสารไม่ครบเนื่องจากขาดคำฟ้อง แม้จะโชคดีกว่าพี่น้องเสื้อแดงอื่นๆ ในคดีการเมืองอีกหลายรายที่ได้ประกันตัว อัยการไม่ส่งฟ้อง แต่ก็เท่ากับต้องเสียเงินซื้อหลักทรัพย์ประกันตัวไปอย่างไม่ควรต้องเสีย
ถ้ายังฝันได้อยู่ พี่ช้างอยากปลดหนี้และได้รถคืนกลับมาทำมาหากินสุจริตเลี้ยงครอบครัวเหมือนเดิม..
วิดีโอคลิปคุยกับพี่ช้าง > > http://www.youtube.com/watch?v=vSSnih7eZLU วิดีโอคลิปคุยกับพี่ช้าง
อดีตผู้ต้องขังคดีเสื้อแดง กู้เงินนอกระบบมาซื้อหลักทรัพย์ประกันตัว สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่มี ถูกขังฟรี แล้วยังเป็นหนี้หัวโต
สายัณห์ แสงศิริ
http://www.youtube.com/watch?v=vSSnih7eZLU
ยังเป็นไปได้อีกหรือ คดีสิ้นสุดแล้ว แต่..ความทุกข์ยังคงดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ ...
3.
ส่งครอบครัวพี่ช้างไปสถานีขนส่งเชียงใหม่แล้วกลับมาวงประชุมอีกรอบ ญาติๆ อยากยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือและความเป็นธรรมกับหลายหน่วยงาน รวมทั้งอยากหาทางให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสตรวจสุขภาพจิต โดยเฉพาะรายของลุงประยุทธ สามีป้าเล็ก ซึ่งเดิมก็มีอาการที่คนรอบข้างสรุปว่า “เพี้ยน” อยู่แล้ว ยิ่งหนักขึ้นอีกหลังจากอยู่เรือนจำเกือบ 3 ปีโดยไม่สามารถรับรู้เข้าใจและตอบโต้ได้เหมือนคนปกติ และพี่ไมโลก็มีอาการเครียดหนักหลังจากการที่เพิ่งผ่าตัดหัวเข่ามาสดๆ ด้วย ใครที่ถูกขังโดยที่เชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ จากไม่บ้าก็อาจบ้าได้ทั้งนั้น
ที่ประชุมยังสรุปว่าจะซ่อมบ้านป้าเล็กให้เสร็จก่อนหน้าหนาวนี้ด้วย โดยวางแผนว่าจะมีนิกร (http://prachatai3.info/journal/2011/05/34525) (วันนี้ไม่ได้มาประชุมเนื่องจากรถเสีย) และลุงสุจิตร่วมกันเป็นช่างใหญ่
การประชุมเสร็จสิ้นด้วยดี ต่างคนต่างแยกย้าย แต่หลังจากผ่านเรื่องเครียดๆ มาเยอะแล้ว วันนี้ยังมีเรื่องให้ฉลองกันอีก ลุงสุจิตจะได้รถพ่วงข้างที่มีพี่น้องเสื้อแดงผู้ใจบุญแต่หวงชื่อเสียงเรียงนามร่วมกันสมทบทุนจัดให้ในสนนราคารวมค่าแรง 5,900 บาท (ลดแล้วจากช่างเจ้าของร้านเสื้อแดง) จึงต้องสลึมสะลือไปเก็บภาพประทับใจกับลุงสุจิตต่อ
ลุงสุจิตจะใช้รถพ่วงข้างนี้รับจ้างขนของ ลุงเล่าว่าทำงานรับจ้างแบกกระสอบปุ๋ยที่สถานีรถไฟได้เงินกระสอบละ 3 บาท บาง เดือนไม่มีงานไม่ได้เลยซักบาท และถ้ามีเวทีเสื้อแดงที่ไหนเมื่อไหร่ ก็จะหาของไปขาย ถ้ามีแห่ขบวนอีกก็เรียกลุงได้ ช่วยค่าน้ำมันลุงก็พอ
4.
กลับบ้านเกือบมืด ฤดูฝนยังคงทำงานอย่างหนักหน่วง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น