แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

ไม้ขีดก้านเดียวที่เปลี่ยนสังคมเกาหลี เกาหลีเปลี่ยนแล้ว ไทยทราบแล้วเปลี่ยน?


ไม้ขีดก้านเดียวที่เปลี่ยนสังคมเกาหลี

Posted on January 10, 2011 by Time Up Thailand


ดาวน์โหลดหนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวที่เปลี่ยนสังคมเกาหลี

เกาหลีเปลี่ยนแล้ว เมืองไทยทราบแล้วเปลี่ยน?

โดย จรรยา ยิ้มประเสริฐ

(ข้าพเจ้า พยายามเขียนเท่าที่สติปัญญาอันน้อยนิดของข้าพเจ้าจะพอ สรุปออกมาได้ เนื่องเพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการเมืองเกาหลี ถ้ามีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)

>1000+6+1+2+1+77+41+48+91+?????

50 ปีแห่งการปลดแอกเผด็จการทหารในการเมืองของประเทศเกาหลีใต้ โดยพลังประชาชน

  • 2491-2500 begin_of_the_skype_highlighting 2491-2500 end_of_the_skype_highlighting ผ่าเกาหลีที่เส้นขนานที่ 38 เป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เกาหลีใต้โหมโครงการล้างสมอง สงครามจิตวิทยาต้านคอมมิวนิสต์
  • 2503 ทศวรรษแห่งขบวนการนักศึกษาเพื่อขับไล่เผด็จการ
  • 2513 ทศวรรษแห่งการต่อสู้ของกรรมกรโรงงานนรก การประท้วงของชุน เต-อิล
  • 2522 การประท้วงของภาคประชาชน ต่อรัฐประหาร ประท้วงกฎอัยการศึกของรัฐบาลชุน ดู-วาน และโร แต-วู
  • 2523 เริ่มจากการลุกขึ้นสู้ของชาวกวางจู
  • 2530 หนึ่งปีเต็ม แห่งการสไตรค์ของสหภาพแรงงานประชาธิปไตยเกาหลีใต้
  • 2531 ลุกขึ้นสู้ทั้งประเทศเพื่อร่วมกันขับไล่เผด็จการจนสำเร็จในปี ปัจจุบันพวกเขากำลังสู้กับลัทธิเสรีนิยมใหม่

ห้า สิบปีของการต่อสู้ของประชาชน ประเทศเกาหลีเปลี่ยนผ่านได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ยังไม่จบ และภาคประชาชนเกาหลีใต้ ก็กำลังต่อสู้อย่างหนักหน่วงในการต่อต้านการนำแนวนโยบายการเมือง เสรีนิยมใหม่ การ เมือง ที่ทุนบอกรัฐว่าอยู่เฉยๆ นายทุนชาติและทุนข้ามชาติจะใช้แนวเศรษฐกิจเสรีดูแลประชาชนเอง ทั้งจัดการด้านเรื่องงาน และชีวิตความเป็นอยู่ โดยจะมีน้ำใจแบ่งปันให้ตามสะดวก หลังจากหักกำไรมหาศาลแล้ว เพราะมีภาระกิจอันสำคัญยิ่งที่จะต้องสร้างความมั่งคั่งเพื่อแข่งขันเป็น บรรษัทที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเพื่อหน้าตาของประเทศชาติ รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลแค่เรื่องนโยบายที่อำนวยความสะดวกให้ทุนมากทีสุดก็ พอแล้ว

ซึ่งต่างกันสุดขั้วกับแนวคิด สังคมนิยมประชาธิปไตย รัฐ ในฐานะตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา ต้องทำหน้าที่ขจัดทุกข์และบำรุงสุขให้ประชาชนอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน โดยมุ่งเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ ที่พวกคนเกาหลีต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิตให้ได้มา

ทั้ง นี้ มีความคล้ายคลึงกันมากในบริบทการเมืองของไทยและเกาหลีใต้ โดยเฉพาะการเมืองระบบทหาร ที่หนุนหลังอย่างสุดโต่งโดยสหรัฐอเมริกา ภายใต้สงครามจิตวิทยาต่อต้านคอมมิวนิสต์ และการต่อสู้ระหว่างภาคประชาชนกับทหาร โดยทั้งเผด็จการไทยและเผด็จการเกาหลีใต้ ได้รับอัดฉีดทั้งเงินและแนวนโยบายการเมืองจากกองทัพและรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้แผน “Psychological warfare” หรือสงครามจิตวิทยาประชาชน

ผู้ นำทหารทั้งไทยและผู้นำทหารเกาหลีได้ต่างก็ได้รับการเชิญ ให้ไปเรียนรู้ยุทธศาสตร์ สงครามจิตวิทยาประชาชนยังทำเนียบขาว และแพนตากอนกันเลยทีเดียวในช่วงปี 2500 – 2510 begin_of_the_skype_highlighting 2500 – 2510 end_of_the_skype_highlighting

>1000+6+1+2+1+77+41+48+91+?????

เรามาทำความรู้จักการต่อสู้ของประชาชนเกาหลีอย่างคร่าว

ห้าสิบปีแห่งเกาหลีใต้ภายใต้การปกครองของทหาร

หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เกาหลีใต้เปลี่ยนผ่านการอยู่ภายใต้อาณานิคมจากญี่ปุ่น( 2453 – 2488 begin_of_the_skype_highlighting 2453 – 2488 end_of_the_skype_highlighting) หลังสหประชาชาติได้ทำการแบ่งเกาหลีออกเป็นสองซีกตามแรงกดดันของรัสเซียและ สหรัฐ เกาหลีเหนือโจมตีเกาหลีใต้ โดยใช้เส้นแบ่งคู่ขนานที่ 38 เส้นเขตแดน

สงคราม เกาหลีปะทุขึ้นมาเมื่อเกาหลีเหนือบุกเข้ามาโจมตีเกาหลีใต้ มันคือส่งครามของสองขั้วมหาอำนาจในปแผ่นดินเกาหลี (สงครามระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์ กับ ค่ายทุนนิยม) (2493-2496 begin_of_the_skype_highlighting 2493-2496 end_of_the_skype_highlighting) ระหว่างนั้นสหรัฐอเมริกมีบทบาทชี้นำการเมืองเกาหลีใต้เกือบเบ็ดเสร็จ และได้แทรกแซงจนรัฐบาลซิง มัน-รี (2493 – 2500 begin_of_the_skype_highlighting 2493 – 2500 end_of_the_skype_highlighting) เด็กดีของสหรัฐฯ ได้เป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่ดำเนินนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ตามคำแนะนำของสหรัฐฯ พร้อมทั้งใช้เพื่อการหวังผลทางการเมืองในการขจัดพรรคฝ่ายค้านคู่แข่ง

เป็นเวลาถึง 18 ปี นับตั้งแต่ 2504 – 2522 begin_of_the_skype_highlighting 2504 – 2522 end_of_the_skype_highlighting เกาหลีใต้อยู่ภายใต้เผด็จการนายพลปักจุงฮี ตามมาด้วย 8 ปีภายใต้เผด็จการนายพลชุน ดู-วาน (2523 – 2531 begin_of_the_skype_highlighting 2523 – 2531 end_of_the_skype_highlighting) ต่อด้วยอีก 5 ปี ภายใต้นายพลโรว แต-วู (2531 – 2536 begin_of_the_skype_highlighting 2531 – 2536 end_of_the_skype_highlighting) แม้ว่าโรว แต-วู จะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของการเมือง เกาหลีใต้ แต่ก็เป็นรัฐบาลทหาร และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือเพื่อนร่วมชั้นเรียน และนายพลร่วมก๊วนกับชุน ดู-วาน ที่เข้ามารับตำแหน่งเพื่อรับช่วงต่อจากนายพล ชุน ดู-วาน และทำให้การลงชุน ดู-วานไม่เจ็บตัวมากนัก

การเมืองเกาหลีในยุคแรกแห่งประวัติศาสตร์ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังจากแบ่งประเทศออกเป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในปี 2491 นั้นจึงไม่นิ่ง ไม่มีเสถียรภาพ รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็คอรัปชั่น รัฐบาลพลเรือนจะอยู่ไม่ได้นานก็ถูกทหารปฏิวัติ หรือสรุปสั้นๆ ว่าประชาชนเกาหลีอยู่ภายใต้การควบคุมของเผด็จการรัฐสภา และนายพลทหารนับตั้งแต่ปี 2493 จนถึงปี 2536

ปัจจุบันเกาหลีมีรัฐบาล มาจากการเลือกตั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองเสรีนิยม และนับตั้งแต่ปี 2491 เป็นต้นมา เป็นเวลา 63 ปี ที่เกาหลีใต้ปกครองด้วยประธานาธิบดีเพียง 10 คน โดยหลายคนควบยาวสอง ถึงสามสมัย ในขณะที่ 78 ปี ประชาธิปไตยไทย มีนายกรัฐมนตรีถึง 27 คน

การประท้วงของนักศึกษาปี 2503

การ ลุกขึ้นสู้เผด็จการทหารของนักศึกษาในเดือนเมษายน 2503 – จนได้รัฐบาลประชาธิปไตยในช่วงสั้นๆ ก่อนจะถูกปฏิวัติโดยปัก จุง-ฮี ในปี 2504 – ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งทศวรรษ 2503 และมันได้ค่อยๆ ส่งอิทธิพลต่อการเติบโตของขบวนการนักศึกษา แรงงาน และปะชาชนเกาหลีใต้

การจัดการศึกษาอย่างเข้มข้นก็เป็น เรื่องสำคัญ และบทบาทของนักศึกษาในการเข้าหามวลชนเป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นจุดเด่นในการ เติบโตของภาคประชาชนเกาหลีใต้

นักศึกษาเดินขบวนกันทั้ง ปี เผชิญกับการปราบปรามอย่างหนัก ทั้งกระบอง และแก๊สน้ำตา จนควันคลุ่งกระจายมาในย่านตลาดสันติภาพ ศูนย์กลางการผลิตเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี มีกรรมกร 30,000 คน แออัดยัดเยียดกันในห้องแคบ ทำงานเยี่ยงทาสวันละ 12-16 ชั่วโมง โดยไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

การต่อสู้ของนักศึกษา ส่งผลต่อการก่อกำเนิดปรัชญากรรมกรในทศวรรษ 2513 ของชุน เต-อิล กรรมกรตัดผ้าวัย 22 ปี หนึ่งในคนงาน 30,000 คน ที่อยู่ในโรงงานนรกแห่งนั้นนั่นเอง คนงานหนุ่มที่พลิกชะตาตัวเอง และชนชั้นกรรมาชีพของเกาหลีใต้ ด้วยอุดมการณ์และความรักในเพื่อนร่วมชนชั้น

วีรกรรมนักบุญชุน เต-อิล

ชุน เต-อิล เป็นกรรมตัดผ้าหนุ่มวัน 22 ปี เขาเผาตัวตายประท้วงพร้อมกับหนังสือคู่มือกฎหมายแรงงานในอ้อมกอด เมื่อวันที่ 13 พฤษจิกายน 2513 ขบวนการแรงงานยกย่องเขาว่า้เป็นบิดาของขบวนการสหภาพแรงงานประชาธิปไตย เกาหลีใต้ ภาคประชาชนเกาหลีใต้ยกย่องว่าเขาเป็นนักบุญ

พวกเราไม่ใช่เครื่องจักร

จงปฏิบัติตามกฎหมาย

คือ เสียงที่เปล่งออกมาจากเปลวไฟ เมื่อกรรมกรตัดผ้าหนุ่มวัย 22 ปี ชุน เต-อิล ตัดสินใจจุดไฟเผาตัวเอง ที่ตลาดสันติภาพ ศูนย์กลางอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าของเกาหลีใต้

เขาเสียสละชีวิตตัว เอง เพื่อประท้วงความโหดร้ายป่าเถื่อนของอุตสาหกรรมดัดเย็บเสื้อผ้าของเกาหลีใต้ เพื่อทลายกำแพงเย็นยะเยือกของสังคมเกาหลีที่เพิกเฉยต่อวิถีชีวิตอดมื้อกิน มื้อของคนยากคนจน โดยเฉพาะสภาพการทำงานในนรกของคนงานเด็กหญิงในอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าของ เกาหลีในทศวรรษ 2510

เขาตายพร้อมกับคู่มือกฎหมายแรงงานในอ้อมกอด เพื่อบอกว่ากฎหมายแรงงานมันไร้ประโยชน์

เขาตายเพื่อเปิดโปงการคอรัปชั่นและสมรู้ร่วมคิดระหว่างนายจ้างและเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน

จิต วิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาได้ทำให้สังคมเกาหลีตื่นรับรู้ความจริงแห่ง ความหฤโหดและเย็นชาของสังคมต่อเพื่อนร่วมประเทศ และลุกขึ้นมายอมรับว่า คนชั้นล่างในสังคมก็มีศักดิ์ศรี ก็มีปรัชญาเพื่อการปลดแอกทาสได้

การ ประท้วงด้วยไฟของชุน เต-อิล ในวันที่ 13 พฤษจิกายน 2513 ได้กลายเป็นประกายไฟดวงน้อย ที่ส่องแสงนำทางในยามมืดมิด เรื่องราวชีวิตและการต่อสู้ที่ชุน ได้เขียนบันทึกเอาไว้มากมาย และพินัยกรรมทิ้งเอาไว้ให้พวกเรา ทำให้น้ำตาของคนเกาหลีหลั่งไหลรวมกันเป็นสายน้ำใหญ่

การเปล่งคำพูดสุดท้ายกับเพื่อนๆ ว่า อย่าให้ความตายของผมสูญเปล่าทำให้ ความตายของเขาไม่อาจถูกลบเลือน และดำรงอยู่นิรันดรเพราะไม่ใช่เฉพาะเพื่อนของเขาเท่านั้น แต่ปัญญาชนเกาหลีได้ช่วยกันส่งต่อสาส์นและปรัชญาของคนหนุ่มให้สามารถไปสั่น รั่วสะเทือนหัวใจคนทั้งเกาหลีได้ และในหลายประเทศทั่วโลก

การลุกข้นสู้กับรถถังและกระบอกปืน

การ ต่อสู้ของชุน เต-อิล ได้ส่งไม้ต่อไปยังภาคประชาชนในทศวรรษ 2522 และการประท้วงของนักศึกษา กรรมกร และประชาชนต่อปัก จุง-ฮี ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ

นาย พลปัก จุง-ฮี ที่ใช้นโยบายการเมืองภายใต้การกำกับของสหรัฐฯ ไม่ต่างไปจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ของไทย ทั้งแนวนโยบายการเมืองและทางเศรษฐกิจ ตลอดจนวิธีการขึ้นมาสู่อำนาจโดยไร้คนต่อต้านในช่วงแรกๆ เพราะผลของสงครามจิตวิทยามวลชน แต่ไม่นาน การประท้วงเขามีต่อเนื่องและก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และในเดือนตุลาคม 2522 การประท้วงจากคนหลายหมื่นคนในหลายเมือง ทำให้ขั้วการเมืองชุน ดู-วานที่รอโอกาสมานาน ได้สังหารปัก จุง-ฮี ในวันที่16 ตุลาคม 2522 โดยหัวหน้าหน่วยงาน CIA เกาหลีใต้ ที่ปักจุง-ฮี ตั้งขึ้นมาเพื่อคุ้มครองเขาในปี 2504 กลับเป็นหน่วยงานที่ลั่นไกสังหารตัวเขาเอง

ชุน ดู-วานทำการยึดอำนาจ และตั้งตัวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในปี 2523 ประกาศกฎอัยการศึกและส่งกองกำลัง รถถัง และอาวุธครบมือไปคุมเมืองต่างๆ โดยเฉพาะที่เมืองกวางจู พื้นที่ของ คิม ยอง-ซัม แกนนำนักการเมืองฝ่ายค้านที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนั้น จนเกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน

ที่เมืองกวางจู เยาวชน นักศึกษา ได้ทำการประท้วง และถูกปราบปราบอย่างหนัก และเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ในเดือนพฤษภาคม 2523 โดยเฉพาะในวันที่ 18 พฤษภาคม

เมื่อสูญเสียชีวิตบุคคลที่เป็นที่รักหลายร้อยคน และต้องดูแลคนเจ็บ และพิการจากการปราบปรามอีกหลายพันคน ประชาชนชาวกวางจู โดยเฉพาะครอบครัวของวีรชน ไม่หยุดต่อสู้ พวกเขาแบ่งปันดูแลช่วยเหลือกันทางสภาพจิตใจแลละเศรษฐกิจ และโอบอุ้มดูแลผู้ได้รับผลกระทบทุกคน และประชาจากหลายเมืองทั่วเกาหลีได้ระดมเงินส่งไปช่วยเหลือพวกเขาที่กวางจู ด้วยเช่นกัน

เหตุการณ์กวางจูกลายเป็นจุดเดือดที่ทำให้สังคมเกาหลีไม่ สามารถทนอยู่กับ เผด็จการได้อีกต่อไป และส่งผลให้นับตั้งแต่ปี 2523 จนถึงปี 2531 เป็นช่วงเวลาแห่งการจัดตั้งทางอุดมการณ์ทั้วทั้งเกาหลีใต้ การจับกลุ่มพูดคุยปัญหาบ้านเมือง ถกกันอย่างเอาเป็นเอาตายกับทฤษฎีการเมืองต่างๆ ไม่ว่ามาร์กซิสสังคมนิยม หรือประชาธิปไตย การวางแผนการต่อสู้ เกิดขึ้นในทุกเมือง ทุกย่านที่พักอาศัย ย่านอุตสาหกรรม ทั้งกรรมกร ชาวนา และนักศึกษาที่กระจายตัวลงไปช่วยจัดตั้งทั้งในหมู่กรรมกร และชนบท (จริงๆ ก็มีมาต่อเนื่องนับตั้งแต่ทศวรรษนักศึกษา แต่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ)

พวกเขาจะนัดพบเจอกันในร้านเครื่องดื่มเล็กๆ พูดคุยกันจนดึกดื่นเรื่องการเมือง

ขบวนการสหภาพแรงงานประชาธิปไตยเกาหลี

นับ จากชุน เสียชีวิตเพื่อขบวนการแรงงาน การจัดตั้งสหภาพแรงงานได้ดำเนินต่อเนื่อง และเข้มข้นมากขึ้น แม้จะประสบกับความยากลำบากมากมายจากปัก จุง-ฮี และชุน ดู-วาน

เมื่อ ขบวนการแรงงานประชาธิปไตยเกาหลีสไตรค์ครั้งใหญ่ ในปี 2530 มันก็ได้ทำให้ประชาชนเกาหลี และขบวนการแรงงานทั่วโลกตื่นตลึงไปกับคลื่นขบวนคนงานและขบวนการสหภาพแรงงาน ของเกาหลีใต้ ที่มีกว่า 1,060 สหภาพแล้วในยามนั้น ที่สไตรค์ร่วมกัน ช่วยเหลือกัน และสมานฉันท์ระหว่างกัน เป็นการสไตรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของขบวนการแรงงานทั่วโลก การประท้วงและสไตรค์กระจายทั่วทุกย่านอุตสาหกรรมทั้งประเทศ ต่อเนื่องทั้งปี จนทำสถิติสไตรคื 3,458 ครั้งในปีนั้น

ขบวนการแรงงาน ทั่วโลกพากันกล่าวขานถึงการประท้วงของคนงานเกาหลีใด้ ที่ทั้งสง่างาม สนุกสนาน เข้มแข็ง มีวินัย กล้าหาญ และเปี่ยมพลัง ทั่วโลกรู้จักสหภาพแรงงานเกาหลีมากขึ้น ก็เพราะการประท้วงใหญ่ในปี 2530 นี่เอง

หลังจากนั้น เกาหลีใต้เป็นประเทศที่นักสหภาพแรงงานจากทั่วโลกเดินทางไปเยี่ยมและศึกษา เรียนรู้จากสหภาพแรงงานและขบวนการประชาชน (ประเทศไทยนำร่องโดยคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งได้เป็นหัวหน้าทีมพาตัวแทนคนงานหญิงสองคน และข้าพเจ้าเดินทางไปศึกษาดูงานขบวนการแรงงานเกาหลีสองอาทิตย์ในเดือน สิงหาคม ปี 2535 พวกเราได้เยี่ยมคารวะสุสานของวีรชนเกาหลีตลอดเส้นทางดูงานจากกรุงโซล จนไปถึงเมืองท่าปูซาน)

หนึ่งในหัวใจที่ทำให้มีการเติบโตของสหภาพแรง งานที่เกาหลีใต้อย่างเข้ม แข็งและทรงพลัง คือการเสียสละของแกนนำ ที่จะอยู่แถวหน้าของขบวนและเป็นคนแรกๆ ที่ถูกจับ และจากการสร้างความเข้มแข็งจากฐานมวลชน เป็นการทำงานจัดตั้งอย่างเข้มข้น ที่ใส่ใจในเรื่องการศึกษาหาความรู้ มีการประสานกำลัง (กรรมาชีพ) และองค์ความรู้ (นักศึกษา) เข้าด้วยกันอย่างเหมาะเจาะและให้ความเคารพซึ่งกัน อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญที่เราสัมผัสได้คือการไม่ทอดทิ้งกัน คนที่อยู่นอกคุก ดูแลครอบครัวคนที่ติดคุก คนที่อยู่ ดูแลครอบครัววีรชนที่เสียสละชีวิต

สาส์นชุน เต-อิล ที่บอกว่า ถ้า เขามีเพื่อนเป็นนักศึกษาก็คงจะดี มาก เพราะจะได้ช่วยอธิบายกฎหมายแรงงานที่คลุมเคลือให้เขาเข้าใจ และสอนเรื่องเคนิคการเดินขบวนต่างๆ ให้กับคนงาน สะเทือนใจนักศึกษายิ่งนัก ทำให้นักศึกษาซึ่งเข้มแข็งอยู่แล้วในยามนั้น เพื่อขับไล่เผด็จการและเรียกร้องประชาธิปไตย พากันไหล่หล่ังมาย่านอุตสาหกรรม เพื่อช่วยขบวนการแรงงานด้วย ทั้งช่วยสอนหนังสือ ร่วมในกิจกรรมของสหภาพและคนงาน รวมทั้งเข้าไปสมัครงานเป็นกรรมกรในโรงงานต่างๆ เป็นปี เพื่อช่วยคนงานจัดตั้งสหภาพ ขบวนการสหภาพแรงงานจึงเติบโตขึ้น และในปี 2530 คนงานในอุตสาหกรรมการผลิตที่เกาหลีใต้กว่า 20 % เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน (สมาชิกสหภาพแรงงานในประเทศไทยเมื่อเทียบกับกำลังแรงงานทั้งประเทศมีเพียง 1.3% และมีเพียงประมาณ 3% ของคนงานเอกชนทั้งในภาคอุตสาหกรรม และบริการ)

การประท้วงทั่วประเทศ

ด้วย ความยืนหยัดและการต่อสู้อย่างเข้มแข็งทั้งกรรมกร นักศึกษาและองค์กรภาคประชาชน การประท้วงทั้งประเทศในเดือนมิถุนายน 2531 ของประชากรทั้งประเทศร่วมสองล้านคน ใน 34 เมือง และแม้จะมีผู้ถูกจับกุมร่วมสี่พันคน ก็ไม่หยุดประท้วง ทำให้ประธานาธิบดีชุนดู-วาน ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้ ต้องประกาศลาออกในเดือนกรกฎาคม 2531

สหภาพแรงงานประชาธิปไตยรวมตัวก่อตั้ง สภาแรงงานประชาธิปไตยเกาหลี (KCTU)

ขบวนการแรงงานก็ร่วมขับเคลื่อนกับขบวนการนักศึกษาและประชาชนจนจัดการกับเผด็จการทหารได้ในที่สุดในปี 2531

หลัง จากปี 2530 เป็นต้นมาขบวนการสหภาพแรงงานประชาธิปไตยเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อประสบความสำเร็จในการจัดตั้งสหภาพในทุกกิจการของเครือฮุนได และอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในเกหลีใต้

ส่งผลให้ ทศวรรษ 2530 เข้มข้นไปด้วยการสไตรค์เพื่อเรียกร้องให้นายจ้างที่กดค่าแรง และสวัสดิการมาอย่างยาวนานภายใต้การคุ้มครองของรัฐบาลทหาร ต้องยอมเจรจากับสหภาพแรงงาน และทำข้อตกลงสภาพการจ้าง ส่งผลให้เกิดการก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัดของค่าแรง คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชนชั้นกรรมาชีพในเกาหลีใต้

ขณะเดียวกันทุนเกาหลี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น และราคาถูก โดยเฉพาะตัดเย็บเสื้อผ้า สิ่งทอ และรองเท้า ได้เริ่มย้ายและขยายการผลิตของทุนเกาหลีลงมาทางใต้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าก็ย้ายไปไกลที่ลาตินอเมริกา (ไปทะเลาะกับคนงานที่นั่นต่อ)

สหภาพแรงงานประชาธิปไตยหลายร้อยแห่งได้ตัดสินใจรวมตัวกันตั้งสภาแรงงานประชาธิปไตยเกาหลี (Korean Confederation of Trade Unions – KCTU) ในปี 2538 เพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับทุนและรัฐบาลได้อย่างเข้มแข็งขึ้น และภายในไม่กี่ปี KCTU ก็สามารถเบียดสภาแรงงานแห่งชาติเกาหลีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและเป็น ที่ยอมรับของทุนมากกว่า ให้ตกไปอยู่ขอบเวที

แม้ว่าจะมีบางกระแส วิจารณ์ว่า KCTU มุ่งใช้แนวนโยบายการสไตรค์หยุดงาน มากกว่าแนวแรงงานสัมพันธ์ดีเด่นเช่นที่สหภาพส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นและยุโรปก็ตาม แต่เป็นที่ประจักษ์ชัดในทศวรรษ 2540 ว่าได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่ามีพลังและเข้มแข็งมากที่สุดประเทศหนึ่งใน โลก ขบวนการแรงงานเกาหลีใต้ครองใจมหาชนโลก แม้ว่าไม่ใช่จากขบวนการแรงงานญี่ปุ่น และยุโรป แต่จากขบวนการแรงงานแนวสังคมนิยมประชาธิปไตย และมาร์กซิส และขบวนการประชาชนในขั้วโลกใต้ โดยเฉพาะลาตินอเมริกา อาฟริกา และเอเชีย

พรรคประชาธิปไตยแรงงาน (Democratic Labour Party (DLP)

KCTU และหลายองค์กรภาคประชาชนที่เกาหลีรวมกันตั้งพรรคการเมืองในเดือนมกราคมปี 2543 ในชื่อ พรรคประชาธิปไตยแรงงาน (Democratic Labour Party (DLP) ในการลงแข่งขั้นในสมัยการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2547 ผู้สมัครพรรค 10 คน ชนะการเลือกตั้งได้เข้าไปนั่งในสภา แต่หลังจากสมัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2550 ซีกขบวนการประชาชนแยกตัวออกไปตั้งพรรคของตัวเองในชื่อพรรคก้าวหน้าใหม่ (New Progressive Party) ทำให้สมัยการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2551 พรรคประชาธิปไตยแรงงานได้รับการเลือกตั้งเพียง 5 คน ในขณะที่พรรคก้าวหน้าใหม่ ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้าสภาแม้แต่คนเดียว

กระบวนการยุติธรรม

หลัง จากไล่เผด็จการแล้วก็ถึงคราวชำระสะสางความผิด ในปี 2538 เมื่อรัฐบาลฝ่ายค้านที่สู้รบตบมือกับรัฐบาลนายพลมาร่วมสามทศวรรษ คือรัฐบาลของ คิม ยอง-ซัม ได้ร่วมมือกับชาวกวางจู ฟ้องอดีตประธานาธิบดีชุนดู-วาน (2523-2531 begin_of_the_skype_highlighting 2523-2531 end_of_the_skype_highlighting) อดีตประธานาธิบดี โรว แต-วู (2531 – 2536 begin_of_the_skype_highlighting 2531 – 2536 end_of_the_skype_highlighting) และคณะเพื่อให้คืนเงินที่ยักยอกไประหว่างเรืองอำนาจกว่าสี่แสนล้านวอน (ประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท) ในหลายข้อหาทั้งรัฐประหาร 2522 ปราบปราบประชาชน 2523 และคอรัปชั่น และอื่่นๆ

ศาลฎีกาแห่งเกาหลีใต้ได้ตัดสินในเดือน สิงหาคม 2539 สั่งจำคุกชุน ดู-วาน ตลอดชีวิต และและโรว แต-วู 17 ปี เมื่อถูกว่ามีการกระทำผิดหลายกรรมหลายวาระ อาทิ ผู้นำการก่อการจราจล สั่งเคลื่อนกองทหารโดยไม่มีอำนาจ ละทิ้งหน้าที่ในระหว่างประกาศกฎอัยการศึก ฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ระดับสูง มีส่วนร่วมในการกบถ รวมทั้งการรับสินบนต่างๆ เขาถูกส่งเข้าห้องขังนับตั้งแต่วันนั้น

ศาลยังสั่งให้จ่ายค่าเสียหาย 220,500,000,000 วอน (5,952 ล้านบาท) ชุนดูฮวานจ่ายได้เพียงไม่ถึงหนึ่งในสี่ของค่าเสียหาย หรือจ่ายได้เพียงห้าหมื่นสามพันล้านวอน (หนึ่งพันสี่ร้อยล้านบาท)

ในเดือนธันวาคม 2540 ชุน ดูวาน และโรว แต-วู ได้รับการอภัยโทษหลังจากถูกจำคุกเพียงแค่ปีเดียว

พอ ถึงปี 2551 จำนวนประชาชนและครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามของรัฐบาลทหาร ที่่ได้รับการจ่ายค่าชดเชย มีรวมกันทั้งสิ้น 4,540 คน แบ่งเป็น ผู้เสียชีวิตและสูญหาย 314 คน บาดเจ็บ 3,059 คน และถูกจับกุมและขังคุกอีก 1,168 คน

การให้คุณค่ากับชีวิตที่เสียสละ

ถ้า จะมองว่าอะไรเป็นจุดแข็งของการขับเคลื่อนภาคประชาชนเกาหลีใต้? หนึ่งในหัวใจแน่นอนทีเดียว คือการให้คุณค่าสูงยิ่งต่อทุกชีวิตที่เสียสละ ผู้เสียหายหลายพันคนคงจะไม่ได้ค่าชดเชยในปี 2551 ถ้าบรรดาครอบครัวของชาวกวางจู ไม่สร้างสุสานวีรชน เพื่อที่พวกเขาจะไปดูแลหลุมศพ ประดับดอกไม้ให้กับดวงวิญญาลูกและสามี และนั่งพูดคุย ให้กำลังใจกัน ปลอบโยนกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และชวนกันดำเนินกิจกรรมอย่างต่เนื่อง

ตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา นักกิจกรรมทั่วทั้งเกาหลีพากันหลั่งไหลกันไปเคารพสถานที่เผาตัวตายของชุนที่ ตลาดสันติภาพ ่เดินทางไปสุสานวีรชนที่กวางจู เพื่อไปเคารพสุสานฝังศพวีรชน ร่วมรำลึกถึงวีรกรรมของพวกเขา เพื่อขอบคุณในความเสียสละของพวกเขา และประกาศเจตนารมย์ว่าจะสานต่ออุดมการณ์

่ไม่ใช่เฉพาะคนเกาหลีใต้ เท่านั้น แม้แต่นักกิจกรรมและนักสหภาพแรงงานต่างประเทศ เมื่อไปเยียนเกาหลี ทำเนียมที่สหายชชาวเกาหลีจะทำคือพาพวกเราไปเคารพสุสานวีรชนของพวกเขา ในทุกเมืองที่พวกเราเดินทางไป และพูดถึงพวกเขาด้วยความภาคภูมิใจ

คน กวางจูและคนทั้งประเทศบริจากเงินเข้ากองทุนประชาชนกวางจู เพื่อใช้ในการต่อสู้ และสนับสนุนกิจกรรมด้านประชาธิปไตย ขณะนี้ ชาวกวางจูได้จัดตั้งทั้งมูลนิธิหลายแห่ง และให้เงินทุนเพื่อกิจกรรมประชาธิปไตยกับประเทศอื่นๆ อีกด้วย มูลนิธิที่มีบทบาทเด่นได้แก่ มูลนิธิรำลึก 18 พฤษภาคม (The May 18 Memorial Foundation ที่ก่อตั้งในปี 2537 ขณะนี้ได้จัดกิจกรรมมากมายทั้งเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศ และสร้างความสมานฉันท์ข้ามพรมแดน - โครงการสมานฉันท์นานาชาติรางวัลสิทธิมนุษยชนกวางจู - เวทีสันติภาพนานาชาติกวางจู - โรงเรียนสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย -โครงการแลกเปลี่ยนนานาชาติ โครงการความร่วมมือกับขบวนการประชาธิปไตยในเอเชีย และโครงการส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศเกาหลี

มีการก่อตั้งมูลนิธิ รำลึกชุน เต-อิล (Chun Tae-il Memorial Foundation) เพื่อเผยแพร่ และสานต่องานของเต-อิล โดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาในหมู่คนงาน

ประชาชนเกาหลีใต้ ให้คุณค่ากับการเสียสละ และด้วยประกายไฟของชุน เต-อิลที่บอกว่า อย่าให้ความตายของผมสูญเปล่าการเชื่อมประสานระหว่างนักศึกษา กรรมกร นักบวช และประชาชนในเกาหลีได้ได้กลายเป็นแสงตะเกียงหลายล้านดวงที่ขับไล่ความกลัว แห่งยุคมืดเผด็จการออกไป และทำให้ดอกไม้เกาหลีเบ่งบานทั่วโลกแม้แต่ในฤดูอันเหนับหนาว

>1000+6+1+2+1+77+41+48+91+?????

http://thaienews.blogspot.com/2011/01/blog-post_9712.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน