แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

บทสัมภาษณ์พิเศษ สมบัติ บุญงามอนงค์...แดงล้มแล้วต้องลุก....


jomyut

ฉะคุณหนูหน้ากากหลุด ทำให้เห็น'จิตใจข้างใน' แดงล้มแล้วต้องลุกขึ้น! 'สร้างประชาชนยุคใหม่'


บก.ลายจุด
หลัง จากถูกปฏิบัติกระชับพื้นที่เมื่อเดือนพ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ทำให้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงต้องประสบความแพ้พ่าย-แตกกระเจิงแกนนำส่วนหนึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ-แกนนำอีกส่วนต้องระเห็จไปอยู่ต่างแดน

ที่สำคัญ...ทำให้ ภาพของ คนเสื้อแดงถูกสังคมตีตรา...ว่าเป็นผู้นิยมความรุนแรง!!!

พร้อมๆ กับที่ยังมีการคงอยู่ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้ คนเสื้อแดงทำอะไรมากไม่ได้ แต่แล้ว เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2553 ที่ผ่านมา ในงานควบครบรอบ “4 ปีรัฐประหาร-4 เดือนราชประสงค์ที่เป็นการนัดชุมนุมอีกครั้ง...แบบไม่เป็นทางการของ มวลชนคนเสื้อแดงในพื้นที่แยกราชประสงค์ (รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ในต่างจังหวัด)

แต่ ก็เป็นบทพิสูจน์ชัดว่า พลังแดง...ยังไม่ตายเพราะภาพของคนเสื้อแดงที่หลั่งไหลกันมาร่วมงานควบครบรอบ...ถือได้ว่า มากเกินกว่าที่หลายคนคาดคิดไว้ แม้แต่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรีผบ.ตร.ใหม่ๆ สด ๆ ยังยอมรับว่า ประเมินผิดพลาด

งาน นี้จึงต้องขอนัดพูดคุยกับ เจ้าของงานที่เป็นผู้จุดประกาย...ทำให้งานวันนั้นสำเร็จลุล่วง ถึงขนาดที่ เจ้าตัวเองยังหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย

ในแวดวงคนเสื้อแดง น้อยคนที่จะไม่รู้จัก หนูหริ่ง-สมบัติ บุญงามอนงค์" โดยเฉพาะกับฉายา "บก.ลายจุด" ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานมูลนิธิกระจกเงา และอโชก้าเฟลโลว์ หรือนักประกอบการทางสังคมดีเด่นปี 2543

เพราะ "เขา" เข้าร่วมต่อสู้กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) โดยเป็นแกนนำรุ่นที่ 2 ภายหลังที่แกนนำนปก.รุ่นแรกถูกคุมขัง จากนั้น นปก.ก็พัฒนากลายมาเป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งหนูหริ่งก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงมาจน ถึงปัจจุบัน

มาวันนี้ เขาเปิดใจพูดคุยถึง ท่วงท่าและหนทางเดินของคนเสื้อแดง...ในภาวการณ์ที่ หัวหมู่ทะลวงฟันทั้งหลายยังถูกจำกัดสิทธิ

คำกล่าวของ เขาที่พูดถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2553 สะท้อนชัดว่า มวลชนนั้นอึดอัดและต้องการพื้นที่ทางการเมือง นี่คือสิ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

และ อะไรทำให้ เขาถึงกล้าเสนอปฏิบัติการที่เรียกว่า แกนนอนซึ่งมีมวลชนเป็นผู้ปฏิบัติงาน...เชิญค้นหาคำตอบได้!!!

Q : มองการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงในเวลานี้ มีทิศทางเป็นไปในลักษณะอย่างไรกับช่วงเวลาที่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมอยู่
A : ใช่ๆๆ ผมคิดว่าเป็นภาพของความพยายามที่จะลุกขึ้นยืนก่อน เพราะว่าหลัง 19 พ.ค.ยอมรับว่ามัน...โอ้โห...มันสาหัสเลยครับ ล้มกันแบบระเนระนาด กระจุยกระจายเละเทะเลย ว่างั้นเถอะ ถึงขนาดว่าไม่กล้าใส่เสื้อแดงเลยสถานการณ์หลัง 19 มันขนาดนั้นนะ ทีนี้มันต้องกลับมาแย่งชิงพื้นที่ทางสัญลักษณ์กลับมาให้ได้ก่อน นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามทำและพยายามจะหาพื้นที่ยืน คือพวกที่ล้มแล้ว...ผมคิดว่าเสื้อแดงไม่มีใครล้มเลิกการเป็นเสื้อแดงนะ เพียงแต่ว่าไม่รู้จะทำยังไง และมันอยู่ในสภาพที่บอบช้ำมาก ในภาวะที่สิ้นหวังแต่ว่าใจยังสู้ มันรู้สึกท้อแท้ มันต้องหา...ล้มแล้วต้องลุกขึ้นยืน ผมว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นสถานการณ์...ยืน...หาที่ทางยืน ยืนออกมาปรากฏตัวให้ได้เท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าไปสร้างแรงกดดันกับฝ่ายตรงข้าม ถึงขนาดว่าจะไปมีอิทธิพลต่อการดำรงอยู่ของฝ่ายตรงข้าม

Q : เรียกว่าเสื้อแดงพยายามสร้างพื้นที่ เพื่อเรียกพลังมวลชนกลับมา
A : ก็เป็นไปได้ เป็นการรวบรวมเสื้อแดงที่กระจัดกระจายและสับสนเรื่องแนวทาง เพราะ ว่าหลังจากเหตุการณ์มันมีความโกรธแค้นมาก มีการพูดถึงถอดเสื้อแดงไปใส่เสื้อดำทำนองนี้ ซึ่งผมคิดว่า การปล่อยให้ไม่มีแนวทางหลัก แล้วปล่อยให้คนยิ่งคิดว่าทางนี้เป็นอันตราย เป็นอันตรายทั้งตัวเอง ต่อสังคม ต่อทุกฝ่าย ไม่มีประโยชน์ต่อใคร ผมคิดว่าแนวทางนี้จะเป็นแนวทางที่ผิด ผมจึงกลับมาเสนอแนวทางบนดินอีกครั้ง...ในที่แจ้ง เสนอให้เรายืนอยู่บนพื้นที่การต่อสู้ที่มีความชอบธรรม กลับมาสู่หลักการเรื่องสิทธิและเสรีภาพ โดยใช้รูปแบบการต่อสู้ผ่านกิจกรรมที่มันไม่มีความน่ากลัว ไม่รุนแรง

Q : เหตุการณ์หลัง 19 พ.ค. เรียกว่าเสื้อแดงแพ้ นำไปสู่การลงใต้ดิน
A : ผม คิดว่ามันเป็นการแพ้จริง แต่ไม่ได้แปลว่า ผู้กระทำไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายนะ เขามีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน หมายความว่าเขาก็เปิดหน้าเล่นทำให้หน้ากากเทวดาเขาหลุดออก ความเป็นคุณหนู-คนไม่รุนแรงมันถูกเปิดหน้าพวกนี้ออกมา ทำให้เห็นว่าจิตใจที่อยู่ข้างใน มาตรการที่เขาสามารถที่นำมาใช้ในการต่อสู้กับประชาชนที่เรียกร้องให้มีการ ยุบสภา เขาทำได้ถึงขนาด...เรียกว่า ทำได้ดีกว่าสุจินดา (หมายถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 สมัยพล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี) เอาอย่างนั้นเลย ดูน่าสะพรึงกลัว ผม คิดว่าเขาก็อับอายพอสมควรที่จะเปิดเผยใบหน้า เขามีต้นทุนอยู่ ถามว่าเสื้อแดงพ่ายแพ้หรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่าพ่ายแพ้ แล้วก็เสียหาย แต่ก็ไม่ได้เป็นการพ่ายแพ้แบบหมด...แบบไม่กลับมาสู้อีกนะ วันที่ 19 (ก.ย.) ชัดเจนมากที่ผ่านมา ว่าพวกเขายังมีจิตใจในการต่อสู้อยู่ เพียงแต่เขากำลังทบทวนมาเขาจะสู้ยังไงเท่านั้นเอง



เป็นแค่เพียงบางส่วน....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน