แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

การ ต่อสู้ของสงครามชนชั้น กับการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี


การยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบที่เป็น รูปธรรมในสงครามแห่งทวีปยุโรป เพราะทันที่ที่กองทัพสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกในวันที่ 6 มิถุนายน 1944 ต่อมาอีกเพียง 10 เดือน สงครามในทวีปยุโรปก็ยุติลงอย่างสิ้นเชิง.. ชัยชนะที่นอร์มังดี เป็นเพียงชัยชนะขั้นต้นเพียง 1 ชัยชนะของการรบ แต่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เพื่อนำมาสู่ชัยชนะในขั้นสุดท้ายแห่งสงครามโลก... ดังนั้นการวางแผนเพื่อให้ได้รับชัยชนะในสงครามแห่งนอร์มังดี จึงเป็นการวางแผนที่สำคัญยิ่งเพราะถ้าพลาดการรบในขั้นต้นครั้งนี้ ก็จะพ่ายแพ้ในการรบแห่งสงครามใหญ่ทั้งหมดด้วย...


การเริ่มต้นของการต่อสู้ของพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยที่ผ่านมาตั้งแต่แรก เริ่มเมื่อประมาณปี 2547 ต่อ 2548 นั้น... แรก ๆ ก็เป็นการเริ่มต้นต่อสู้เพราะต่อต้านการปลุกระดม, การใส่ร้าย, และการให้ข้อมูลที่บิดเบือนของ กลุ่ม พธม. และ ASTV โดยการให้ความจริงอีกด้านของข้อมูลที่ถูกบิดเบือน... จนกระทั่งมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2549 ..การต่อสู้ของพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยจึงเปลี่ยนไปเป็นการต่อต้านรัฐ ประหารและอำนาจเผด็จการแทน..


การต่อสู้ในระยะแรก ๆ ของพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยจึงเป็นไปอย่างชนิดสะเปสะปะ.. เป็นการต่อสู้โดยไม่มีแผนการณ์.. เป็นการต่อสู้เพราะทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้.. ไม่มีการจัดระบบหรือวางแผนเป็นรูปแบบใด ๆ จึงกระจัดกระจายถอยร่น... ฝ่ายประชาธิปไตยถูกทำลายลงอย่างหมดทางต่อสู้... เหมือนกับในระยะแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่สัมพันธมิตรพ่ายแพ้ทุกแนวรบ..


จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 4 ปี กระแสแห่งการต่อสู้เริ่มย้อนกลับ เวลานี้ประชาชนไทยผู้มีจิตใจเป็นธรรม และรักในประชาธิปไตยเริ่มรวมตัวกันมั่นคงมากยิ่งขึ้น...มีการจัดการ และมีระบบการวางแผนที่ชัดเจนมากขึ้น ได้ผ่านการลองผิดลองถูกด้วยชีวิต, เลือดเนื้อ, หยาดเหงื่อ, และน้ำตามาตลอด...จนขณะนี้กระบวนของประชาชนพร้อมแล้วที่จะประกาศการต่อสู้ กับอำนาจเผด็จการขั้นแตกหัก..


แต่ทว่า...การยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี ยังไม่เกิดขึ้น... แม้ว่าการต่อสู้ด้วยการชุมนุมเรียกร้องในหลายที่หลายแห่งได้เกิดขึ้นโดยทั่ว ไป.. แต่การปราศัยและให้ความรู้เรื่องของเป้าหมายโครงสร้างของอำนาจ เผด็จการยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เป็นการปราศัยให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรม หรือความ สองมาตรฐานที่เกิดขึ้นในประเทศนี้เท่านั้น.. ซึ่งสิ่งนี้คือเบื้องต้นของการให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องการต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตย


เริ่มมีการพูดกันถึงการต่อสู้เพื่อชนชั้นกันบ้าง... เช่นมีการใช้คำว่า ไพร่ และชนชั้นศักดินาอมาตย์.. โดยได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องของทศกัณฑ์ ในรามเกียรติ์ฉบับปฏิวัติความคิด.. และพูดถึงตัวอย่างของบุคคลที่เป็นผู้ต่อสู้เพื่อชนชั้นอย่าง ดร. พิมราว รามชี เอ็มเพ็จก้า ซึ่งเป็นชนชั้นจัณฑาลและได้ต่อสู้เพื่อชนชั้นของตนเอง..


ปูนนก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน