แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

เปิดเส้นทางชีวิต ‘สมยศ พฤกษาเกษมสุข’


           สมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกควบคุมตัวในเรือนจำมา 1 ปี 8 เดือน ในข้อหาหมิ่นพระประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยถูกจับที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ขณะพาลูกทัวร์ของบริษัททัวร์ของเขาเข้ายื่นเอกสารเข้าไปยังประเทศกัมพูชา

ทนายความได้ยื่นประกันตัวแล้วกว่า 10 ครั้งแต่ศาลปฏิเสธคำร้อง

ความคืบหน้าล่าสุด วันพุธที่ 19 ธันวาคมนี้ ศาลนัดพร้อมอีกครั้ง ก่อนจะมีคำพิพากษา

          เขาโดนจับวันที่ 30 เมษายน 2554 จากกรณีที่เป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งตีพิมพ์บทความ 2 ชิ้นในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2553 โดยผู้ใช้นามแฝงว่า จิตร พลจันทร์ ซึ่งสมยศเบิกความในศาลว่า คือ นายจักรภพ เพ็ญแข บทความนั้นชื่อ แผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น และ 6 ตุลา แห่ง พ.ศ.2553

          สุวิทย์ หอมหวล ทนายจำเลย กล่าวว่า การนัดพร้อมครั้งนี้เลื่อนมาจากนัดที่แล้ว (19 ก.ย.55) และจะเป็นการดูกระบวนการต่างๆ ที่ยังเหลือ รวมทั้งจะมีการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหลังจากที่ทางจำเลยยื่นไปว่า มาตรา 112 ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ผลนั้นทราบก่อนแล้วจากเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญว่าศาลวินิจฉัยแล้วไม่ขัด จากนั้นน่าจะมีการนัดฟังคำพิพากษา แต่เชื่อว่าจะไม่อ่านคำพิพากษาเลยในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เนื่องจากโดยปกติแล้วต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า

           ทนายจำเลยยังกล่าวสรุปถึงข้อต่อสู้ ในคดีว่า ประการแรก มีการสู้ในเรื่องเนื้อหา โดยชี้ว่า บทความนี้ไม่เป็นการหมิ่นสถาบัน ไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมาย เพราะไม่ได้หมายความไปถึงสถาบันกษัตริย์ แต่โจทก์เพียงนำคนไม่กี่คนมาอ่านแล้วตีความว่าเป็นการเขียนถึงกษัตริย์

           ประการที่สอง สมยศไม่ใช่คนเขียน ดังนั้นไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เป็นไปตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีการแก้ไขใหม่จากเดิมที่บรรณาธิการต้องรับผิด            ชอบด้วย นอกจากนี้สมยศยังไม่ใช่บรรณาธิการตามกฎหมายด้วย แต่เจ้าหน้าที่อ้างว่าสมยศเป็นบรรณาธิการโดยพฤตินัย

           ประการที่สาม การยื่นเรื่องมาตรา 112 ขัดรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องนี้ทราบผลวินิจฉัยแล้ว
           “เรื่องนี้เป็นเรื่องทางการเมือง เพราะสมยศเขาเคลื่อนไหวแรง ไม่ได้แรงโดยแอคชั่น แต่แรงโดยเนื้อหา สุเทพ (เทือกสุบรรณ) เคยขู่ออกทีวีเลยว่าจะต้องเอาเข้าคุกให้ได้พวกที่อยู่ในผังล้มเจ้า ซึ่งชื่อสมยศก็ถูกใส่ไว้ด้วย” สุวิทย์กล่าว

           ผังล้มเจ้าถูกยอมรับไปแล้วว่าไม่มีมูล ทั้งจาก พ.อ.สรรเสริญแก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.เอง หรือ สำนวนการสอบสวนและความเห็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งถึงอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555

           "จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลตามผัง...จะได้ร่วมกันในลักษณะเป็นขบวนการหรือองค์กร เพื่อกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 83"

 แต่เรื่องราวต่อเนื่องจากนั้นก็ยังไม่จบ

           สมยศ เป็นหนึ่งในจำเลยไม่กี่คนที่ต่อสู้ คดี และยืนยันว่าเนื้อหาไม่ผิด (ไม่เกี่ยวกับสถาบัน) ชื่อของเขาถูกพูดถึงบ่อย แต่อาจยังไม่มีใครรู้จักเขานัก โดยเฉพาะบทบาทอื่นๆ นอกเหนือจากการเมือง

           ในช่วงไม่กี่ปีของความขัดแย้งทางการเมือง สมยศ เป็นที่รู้จักดีในนามแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เขาเริ่มออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่หลังรัฐประหารใหม่ๆ ก่อนจะมีขบวนการคนเสื้อแดงอย่างเป็น เรื่องเป็นราว เขาร่วมกับสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายขุด จรัล ดิษฐาอภิชัย หมอเหวง โตจิราการ หมอสันต์ หัตถีรัตน์ ครูประทีบ อึ้งทรงธรรม จัดตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวขึ้นซึ่งนับก้าวแรก ก่อนจะไปสู่แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการหรือ นปก. ซึ่งเขาเป็นแกนนำรุ่น 2 จนกระทั่งมีการขยับขยายกลายเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในปัจจุบัน


          นอกเหนือจากบทบาททางการเมือง อาจมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเส้นทางชีวิตส่วนใหญ่ของสมยศนั้นอยู่บน ‘ถนนสายแรงงาน’ ประวัติศาสตร์การต่อสู้เด่นๆ ของแรงงาน หลายกรณีมีชื่อของเขาร่วมส่วนอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย เช่น กรณีการต่อสู้เรียกร้องค่าชดเชยคนงานเคเดอร์ โรงงานตุ๊กตาที่ถูกไฟไหม้ ปี 2536

          สุวรรณา ตาลเหล็ก แห่งกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ทีมงานคนสนิทของสมยศ เล่าให้ฟังว่า เธอร่วมงานกับเขามาตั้งแต่ปี 2540 ที่ ศูนย์บริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงาน (ศบร.) ซึ่งสมยศก่อตั้งมาตั้งแต่หลังการรัฐประหารปี 2534
 
           อย่างไรก็ตาม สมยศเริ่มทำงานด้านสิทธิแรงงานมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยเฉพาะย่างก้าวสำคัญอย่างการร่วมกันกับขบวนการแรงงาน นักศึกษา นักกิจกรรม ผลักดันเรื่องระบบประกันสังคมจนกระทั่งประสบความสำเร็จในยุครัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ

           ศูนย์นี้มีบทบาทในการให้การศึกษา ฝึกอบรมด้านกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ให้กับคนงาน เคลื่อนไหวเรียกร้องการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ยกเลิกระบบเหมาช่วง ส่งเสริมการรวมตัวของคนงาน การจัดตั้งสหภาพ ฯลฯ เรียกได้ว่า ช่วยให้คนงานได้มีความเข้มแข็งในการต่อรองกับนายจ้างและสร้างความเป็นธรรมขึ้นในระบบการจ้างงาน

           “เขามีบทบาทในการนำคนงานยื่นข้อเรียกร้อง เจรจานายจ้าง เรื่องที่ร่วมกันกับองค์กร แรงงานต่างๆ ผลักดันจนสำเร็จก็มีเรื่อง สิทธิในการลาคลอด การประกันการว่างงาน ซึ่งเขาบทบาทเด่น เพราะการตามติดแบบไม่มีทิ้ง” สุวรรณากล่าว

           เยาวภา ดอนสี เจ้าหน้าที่สหพันธ์แรงงานฯ ซึ่งทำงานกับเครือข่ายช่วยเหลือสิทธิคนงานไก่ เป็นแรงงานอีกคนที่รู้จักสมยศมาตั้งแต่เธอยังเป็นคนงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในเครืออีเดนกรุ๊ป ช่วงนั้นสมยศเข้าไปจัดการศึกษาเรื่องความสำคัญของสหภาพแรงงาน แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็ได้มีประสบการณ์ตรงเมื่อโรงงานมีการเลิกจ้างและปิดโรงงานในช่วงปี 2538-2539 ในขณะที่สหภาพของคนงานไม่เข้มแข็ง กลุ่มของสมยศได้ช่วยรณรงค์ในทางสากล และประสานงานกับภาคส่วนต่างๆ ให้ร่วมกดดัน จนกระทั่งมีการทำบันทึกเรื่องการจ่ายค่าชดเชยที่มากกว่ามาตรฐานโดยทั่วไปในขณะนั้นที่จะจ่ายค่าชดเชย 6 เดือน กลายเป็น 10 เดือน ซึ่งกลายมาเป็นมาตรฐานจนกระทั่งปัจจุบัน

           “คนข้างนอกมองว่าแกเป็นแบดแมนในวงการแรงงาน แต่ตลอดเวลาที่เห็นมาแกไม่เคยรับเงิน นายจ้าง คนชอบว่าแกได้เงินเยอะ แต่เคสที่เกิดขึ้นกับเรา เราเป็นคนดูเรื่องเงิน แกไม่เคยได้ พอคนงานได้ค่าชดเชย คนงานจะซื้อทองให้บาทนึง ก็ยังไม่รับ” เยาวภากล่าว

           “เขามีบทบาทสูงมากในการสร้างแนวคิดเรื่องสหภาพแรงงาน และย้ำตลอดว่าเราไม่ควรต่อสู้เฉพาะเรื่องแรงงาน ควรต่อสู้ทางสังคมในเรื่องอื่นๆ ที่กระทบกับประชาชนโดยรวมด้วย เพื่อให้สังคมมันดีขึ้น” เยาวภากล่าว

           สุวรรณา ช่วยยืนยันถึงความใส่ใจในประเด็นปากท้องคนงานของสมยศ ว่า แม้เมื่อมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงที่เป็นแกนนำ นปก.รุ่นสอง เขาก็ไม่ลืมที่จะผลักดันให้มีการบรรจุเรื่อง การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำลงไปในข้อเรียกร้องทางการเมืองของกลุ่มด้วย

           “มันเป็นข้อเรียกร้องทางการเมือง แต่ก็มีเรื่องค่าแรงขั้นต่ำด้วย คนฟังอาจจะงงว่ามายังไง แต่พี่ยศก็ไฟท์จนคนอื่นยอมรับว่าเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของคนชั้นล่างเป็นเรื่องสำคัญ”

            เมื่อถามว่าสุวรรณาเข้ามาสู่การต่อสู้ทางการเมืองจนกระทั่งมี การก่อตัวกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ได้อย่างไร เธอเล่าว่า หลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 สมยศได้ชักชวนเพื่อนๆ บางส่วนไปที่สนามหลวงซึ่งขณะนั้นยังมีประชาชนกลุ่มย่อยๆ ออกมาใช้พื้นนั้นต่อต้านการรัฐประหารกันเอง

           ส่วนกลุ่ม 24 มิถุนาฯ นั้นเกิดขึ้นเมื่อราวปี 2552 จากการหารือกันของคอการเมืองซึ่งเป็นนักธุรกิจชั้นกลาง หรือเอสเอ็มอี นักศึกษา นักกิจกรรม กรรมกรว่า น่าจะมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเรื่องประชาธิปไตยจริงๆ จังๆ โดยสมยศเห็นว่าการมีกลุ่มย่อยหลายๆ กลุ่มนั้นเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม 19 กันยาต้านรัฐประหาร กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ฯ




            “ช่วงที่ตั้งกลุ่มพอดีมันใกล้วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนา ปีนั้นครบรอบ 77 ปี แล้วเราก็ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์กันเยอะ เราเลยเอาวันนี้มาตั้งชื่อกลุ่ม โดยประกาศว่าจะสืบทอดเจตนารมณ์ของคณะราษฎร์” สุวรรณากล่าวและยกตัวอย่างกิจก รรมของกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเปิดตูดคว่ำรัฐธรรมนูญ 2550, ยิงธนูยกเลิกกฎอัยการศึก, ปลาร้าปาร์ตี้, ฉีกสมุดบัญชีธนาคารที่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรและรัฐประหาร, กิจกรรมกรีดเลือด เป็นต้น

           ด้วยความที่สมยศเชื่อใน ‘การจัดกลุ่มศึกษา’ มาตั้งแต่สมัยทำงานด้านแรงงาน เขาจึงจัดกลุ่มลงพื้นที่ ใต้ อีสาน กลาง เหนือ เพื่อจัดการศึกษาเรื่องประชาธิปไตยในหมู่บ้าน

          “จริงๆ พวกเรานี่ตะลอนไปทั่วอยู่ก่อนแล้ว พวกสมยศ วิภูแถลง จรัล ตั้งแต่ยังไม่มีคนเสื้อแดงเลยด้วยซ้ำ เราไปจัดสัมมนากันครึ่งวัน เงินก็ออกกันเอง สมยศกดบัตรเครดิตออกไปก่อน ช่วงนั้นไม่มีใครสนับสนุนใครได้

           “ตอนนั้นคนอยากรู้ มีคำถาม แต่ยังไม่ตื่นตัวเหมือนเดี๋ยวนี้ เรื่องประชาธิปไตย เรื่องบทบาทสถาบันนี้ตื่นตัวระยะหลังปี 52 มากที่สุดก็ตอนงานศพน้องโบว์ มวลชนในพื้นที่เริ่มถามเรื่องระบอบ เรื่องความเหลื่อมล้ำ พวกนี้เป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยขึ้น คือ มองข้ามทักษิณไปเลย” สุวรรณากล่าว




           เขาทำเช่นนั้นมาโดยตลอดจนกระทั่งถูกจับกุม ก่อนหน้าถูกจับ 5 วัน เขาประกาศล่ารายชื่อประชาชนเพื่อเสนอยกเลิกกฎหมายมาตรา 112

           “เขาเชื่อมั่นว่าทำได้ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิการแสดงออกขั้นพื้นฐาน”สุวรรณาระบุเหตุผลเบื้องหลังกิจกรรมนี้

           สุวรรณาเล่าว่า ก่อนจะมีการประกาศขับเคลื่อนเรื่องนี้ก็มีการประชุมและประเมินเรื่องนี้กันอยู่เป็นระยะ เนื่องจากเห็นว่ามาตรานี้ถูกนำมาใช้ในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกรณีจักรภพ เพ็ญแข กรณีดา ตอร์ปิดโด กรณีแม่หมอ หรือบุญยืน ประเสริฐยิ่ง

           หลังจากประกาศเดินหน้าเรื่องนี้ 5 วัน เขาก็ถูกจับกุม โดยตำรวจแจ้งข้อหาเกี่ยวกับบทความที่ลงไปตั้งแต่ปีที่แล้ว (2553) ในนิตยสาร Voice of Taksin
 
           อันที่จริง นิตยสารต่างๆ ของคนเสื้อแดงเริ่มเบ่งบานมาตั้งแต่ปี 2552 โดยเฉพาะหลังการสลายการชุมนุมเดือนเมษายน เราจะพบหนังสือหลากหลายหัว รายปักษ์ รายเดือน รายสามเดือน เต็มแผงเมื่อมีการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีไม่กี่หัวที่ยังเหลือรอด หนึ่งในนั้นคือหนังสือที่สมยศทำด้วย

           “ตอนแรกเป็น Voice of Taksin แล้วก็โดน ศอฉ.ปิด หลังจากนั้นเขาถูกจับไปค่ายอดิศร 21 วัน พอทหารปล่อยออกมาเขาก็ประกาศเปิดเป็น Red Power” สุวรรณากล่าว และอธิบายถึงเบื้องหลังแนวคิดการเปิดตัวนิตยสารการเมืองของสมยศว่าเป็นเพราะเขาเห็นว่า เสื้อแดงยังไม่ค่อยมีสื่อของตัวเอง จึงอยากทำสื่อนี้ขึ้นมา

           เมื่อถามว่า ตกลงชื่อนิตยสารหมายถึงอะไรกันแน่ สุวรรณาหัวเราะก่อนตอบว่า “เท่าที่รู้มันเป็นการตลาด จะอ่านทักษิณก็ได้ ตากสินก็ได้ หรือจะหมายถึงทักษิณที่แปลว่าใต้ก็ได้ แต่ที่รู้ๆ คือชื่อนี้ขายดีแน่” เธอกล่าว และว่าแต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนไม่สนับสนุนด้านการบริจาคเพราะคิดว่าได้รับเงินจากทักษิณแล้ว ทั้งที่ไม่เคยได้รับการสนับสนุนใดๆ จากอดีตนายกรัฐมนตรี

           นี่คือคำบอกจากเล่าจากอดีตแรงงานซึ่งทำงานร่วมกับสมยศตั้งแต่อยู่บนถนนสายแรงง เพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆ ของ ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคนนี้ และเป็นคดีที่กำลังจะมีคำพิพากษาเร็วๆ นี้


ประวัติสมยศ พฤกษาเกษมสุข

          สมยศ พฤกษาเกษมสุข เกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2504 ในครอบครัวคนจีนย่านฝั่งธนบุรี มีพี่น้องด้วยกัน 7 คน
สมยศมีความสนใจด้านการเมืองตั้งแต่ยังเยาว์วัย สมัยที่ยังนุ่งขาสั้นนักเรียนมัธยมต้นเขาตามพี่ชายไปร่วมชุมนุมในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ในยุคประชาธิปไตยเบ่งบานได้ทำให้เด็กหนุ่มชื่อสมยศ ซึมซับกับความเป็นประชาธิปไตย และหากเห็นความไม่ชอบธรรมเขามักเข้าร่วมเรียกร้องความยุติธรรมเสมอ 

          ในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 สมยศได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างเต็มตัวกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันในนามเด็กอาชีวะจากเทพศิรินทร์ซึ่งเขากำลังศึกษาอยู่ในขณะนั้น หลังเรียนจบที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ก็เข้ามาเป็นนักศึกษาที่มหาลัยรามคำแหง ในปี 2524 ได้เริ่มทำกิจกรรม ในกลุ่มศูนย์นักศึกษารามคำแหงศึกษาปัญหาแรงงาน  และระหว่างที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง เขาเป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่งที่อุทิศตนต่อการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและความชอบธรรมทั้งหลายโดยเข้าร่วมกับกลุ่มเสรีธรรม (ในสมัยนั้น) ในการทำกิจกรรมกับกรรมกรในโรงงานและชาวบ้านในชุมชน เพื่อสร้างความตื่นตัวในการรับรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพของพลเมืองและแนวคิดการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการเขียนหนังสือ บทความที่เขาชื่นชอบและถนัดในงานเขียนกิจกรรมกลุ่ม จัดตั้งสหภาพแรงงาน จัดทำอบรมให้ความรู้ทางด้านกฎหมาย จัดค่ายกรรมกรกับนักศึกษา สนับสนุนการนัดหยุดงาน การชุมนุมเดินขบวน เรียกร้องต่อรัฐบาล อย่างแข็งขัน
พื้นที่สหภาพแรงงานย่านสหภาพ แรงงานพระประแดง สมุทรปราการ เช่นสหภาพแรงงานอาภรณ์ไทย สหภาพแรงงานส่งเสริมการทอ สหภาพแรงงานไทยเกรียง สหภาพแรงงานพิพัฒน์สัมพันธ์ สหภาพแรงงานเซ็นจูรี่ สหภาพแรงงาน เมโทร ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอฯ และสหภาพแรงงานเหล็กและโลหะแห่งประเทศ


             ในปี พ.ศ. 2527 ได้เข้ามาทำงานใน ในสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน(สสส) ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครฝ่ายส่งเสริมสิทธิกรรมกร  ในปี 2527 (สสส.)กำหนดให้พื้นที่อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก นำไปสู่การจัดกิจกรรมอบรมกฎหมายแรงงาน กิจกรรมคลีนิกแรงงานกิจกรรมสนับสนุนการรวมกลุ่มและช่วยเหลือจัดตั้งสหภาพแรงงาน เพราะเห็นว่าเป็นพื้นที่คนงานได้รับค่าจ้างและสวัสดิการน้อยกว่าพื้นที่อื่น
 
             ในปี 2529 ได้เข้าทำงานในกลุ่มเยาวชนคนงานสากล Young Christain Worker (YCW) ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่มีบทบาทในการรวมกลุ่มคนงานระดับเยาวชน เพื่อการเรียนรู้ในการใช้ชีวิตในสถานะคนงาน การร่วมกันคิด เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นองค์กรที่มีเครือข่ายที่มีเครือข่ายในระดับสากล ทั้งภูมิภาคเอเชีย และยุโรปและอเมริกา เป็นต้น มีสมาชิกจากคนงานในโรงงานในแถบพระประแดง บางพลี จ.สมุทรปราการ รังสิต จ.ปมุมธานี การผลักดันกฎหมายประกันสังคม มีบทบาทสนับสนุนการรวมกลุ่มและให้การศึกษาแก่สมาชิกที่อยู่ในสหภาพแรงงานร่วมมือในการผลักดันผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันกฎหมายประกันสังคมในช่วงนั้น คือคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ประสานงานและเจ้าหน้าที่
 
               ในปี 2534 พฤษภาคม ปี2534 หลังการรัฐประหารยึดอำนาจจาก พล.อ ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) สมยศได้ร่วมกับเพื่อนจัดตั้งโครงการบริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากเพื่อน ๆ นักกิจกรรมทางสังคมทั้งในและต่างประเทศ และพัฒนามาเป็นศูนย์บริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงาน (ศบร.) ในเวลาต่อมา โดยมีความมุ่งหวังเพื่อ

  1. ให้การศึกษาอบรมอบรมแก่คนงานให้ตระหนักรู้ในสิทธิของตนเอง
  2. ส่งเสริมการรวมกลุ่มของคนงานในรูปองค์กรเพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ยกสถานภาพของผู้ใช้แรงงานและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานและคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
  3. ส่งเสริม สนับสนุนการสร้างสหภาพแรงงานแนวประชาธิปไตย
  4. ส่งเสริมการรวมกลุ่มคนงานหญิงและสร้างแกนนำแรงงานหญิงในองค์กร
  5. รณรงค์ให้มีการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อให้สามารถปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานได้ดีขึ้น และเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้แรงงานหากมีการปฏิเสธไม่ยอมรับ หรือละเมิดสิทธิของผู้ใช้แรงงาน
  6. เพื่อจัดการฝึกอบรมและกิจกรรมที่ให้ความรู้อื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานมีความรู้และตระหนักถึงสิทธิของตน
  7. เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานรวมกลุ่มขึ้นเป็นองค์กร เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อยกสถานภาพของผู้ใช้แรงงานและปรับปรุง สภาพแวดล้อมในการทำงานและคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
  8. เพื่อรณรงค์ให้มีการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อให้สามารถปกป้องสิทธิและผล ประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานได้ดีขึ้น และเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้แรงงานหากมีการปฏิเสธไม่ยอมรับ หรือละเมิดสิทธิของผู้ใช้แรงงาน
กิจกรรม
  • จัดการฝึกอบรม
  • ส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานรวมกลุ่มขึ้นเป็นองค์กร
  • ให้การสนับสนุนนโยบาย
  • ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย
  • ออกจดหมายข่าวผู้ใช้แรงงาน (ซึ่งคุณสมยศพฤกษาเกษมสุข เป็นบรรณาธิการ)
  •  
           ตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ศูนย์บริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงาน (Center for Labour Information Service and Training; CLIST) ได้ร่วมต่อสู้ร่วมกับคนงานและขบวนการแรงงานมาโดยตลอดจนข้อเรียกร้องเหล่านั้นประสบ ความสำเร็จในปัจจุบัน เช่น กฎหมายประกันสังคม การลาคลอด 90 วัน การเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร การประกันการว่างงาน การให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการต่อสู้ของคนงาน เช่นกรณีคนงานเคเดอร์ คนงานไทยเบลเยี่ยม คนงานเครืออีเด็นกรุ๊ฟ ซึ่งสามารถเรียกค้าชดเชยได้สูงกว่ากฎหมาย เป็นต้น นอกจากนั้น ศูนย์บริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงาน (ภายใต้การบริหารของสมยศ) ยังให้การสนับสนุนการจัดตั้งองค์กรการจัดตั้งกลุ่มคนงานสตรีสู่เสรีภาพ การจัดตั้งกลุ่มสหภาพแรงงานเคมีภัณฑ์ และสนับสนุนการจัดตั้งพันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย จนกระทั่งศูนย์บริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงานปิดตัวลงเมื่อเดือน พฤษภาคม 2550 ด้วยเหตุผลด้านงบประมาณ โดยมีสมยศ เป็นผู้อำนวยการตั้งแต่ปี 2534 – 2550 รวมระยะเวลา 16 ปี

มีผลงานในทางวิชาการที่ตีพิมพ์เป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องทางการเมืองและกรรมกร
  • ประกันสังคมประกันการว่างงาน ความหวังของผู้ใช้แรงงานและคนว่างงาน
  • คุณค่า ความหมาย ของสหภาพแรงงาน
  • เทคนิคการเจรจาต่อรองในการยื่นข้อเรียกร้อง
  • กระเทาะเปลือกทักษิณ
  • เหี้ยครองเมือง

             แรงบันดาลใจในการทำงานกรรมกรเพราะเคยไปทำงานในโรงงานผลิตรถยนต์วอลโว่ เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของกรรมกรในช่วงระยะเวลาสั้นๆเพื่อได้เห็นสภาพความยากลำบากของกรรมกร และได้จัดทำคู่มือเกี่ยวกับการยื่นข้อเรียกร้องที่ทำให้กรรมกรเห็นถึงการกดขี่ ขูดรีด มูลค่าส่วนเกินที่ทำให้คนเข้าใจได้ง่าย

           ภายหลังการปิดตัวของ ศบร. สมยศ ได้หันไปทำงานด้านสื่อสารมวลชนที่คนตนเองถนัดและชื่นชอบโดยจัดพิมพ์และเป็นบรรณาธิการหนังสือสยามปริทัศน์ และบทบาทหลังรัฐประหาร 19 กันยา 49 สมยศได้เข้าร่วมขับไล่รัฐบาลรัฐประหาร หรือที่เราเรียกกันว่ารัฐบาล คมช. ในนามแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.) หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยเป็นแกนนำรุ่นสอง
 
           ในขณะเดียวกัน สมยศร่วมกับเพื่อนๆ และประชาชนที่รักประชาธิปไตยที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน “รัฐประหาร 19 กันยา 49” ได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่ม “24 มิถุนาประชาธิปไตย” ขึ้น ในต้นเดือนมิถุนายน 2550 ซึ่งจะครบวาระการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยครบรอบ 75 ปี ในวันที่ 24 มิถุนายน 2550 โดยมีวัตถุประสงค์ 1)ให้การศึกษาเผยแพร่ข่าวสาร ข้อมูลเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกประชาธิปไตยให้กับประชาชนและสาธารณชน 2)รวมกลุ่มประชาชนทุกสาขาอาชีพในการเข้าร่วมและสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ 3)ประสานความร่วมมือกับกลุ่มองค์กรประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตย ความเป็นธรรม สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคเท่าเทียมในสังคม

อย่างไรก็ตามแม้สมยศจะเคยเป็นแกนนำ นปช.รุ่นสองมาก่อน แต่ก็ได้ยุติบทบาทและออกจากการเป็นแกนนำ นปช.ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับแกนนำและกิจกรรมอื่นๆ ของ นปช. ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2550

            เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2553 ได้ถูกพนักงานควบคุมตัวในขณะเข้ามอบ ตัวตามหมายจับ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมกับผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระดับ 8 ของ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะเดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป. ในฐานะผู้ต้องหาตามหมายจับ ในความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11 (1) ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยว่าจะ เป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านั้น หรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินถูก จับกุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สมยศเป็นบรรณาธิการหนังสือ “Voice of Taksin” หรือ “เสียงชาวใต้” ซึ่งหมายถึงเสียงของคนชั้นล่าง เสียงของผู้ไร้สิทธิไร้เสียงในสังคม เพื่อจะเป็นกระบอกเสียงให้กับคนชั้นล่างของสังคม ในการถ่ายทอดความรู้สึก ความต้องการ ของพวกเขาเหล่านั้นผ่านงานเขียนทางหนังสือ เพื่อสะท้อนปัญหา เศรษฐกิจ สังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา อย่างต่อเนื่อง
 
ใน วันที่ 12 มิถุนายน 2553 ศาลยกคำร้อง ศอฉ.กรณีขอคุมตัว “สมยศ พฤกษาเกษมสุข” ต่อครั้งที่ 3 ชี้ ไม่มีความจำเป็น เหตุความวุ่นวายสิ้นสุดแล้วจึงปล่อยตัว

*ข้อมูลจากกลุ่มเคลื่อนไหว FREE SOMYOS

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน