http://news.voicetv.co.th/thailand/66912.html
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง 40 ส.ว. ก็มีผู้แสดงความคิดเห็นต่อท่าทีดังกล่าวทันที เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย ที่ระบุว่า มตินี้สะท้อนว่า ศาลรัฐธรรมนูญสุกเอาเผากินอีกแล้ว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อเกือบ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยคะนนเสียง 3 ต่อ 2 รับคำร้องของกลุ่ม 40 ส.ว. ไว้พิจารณา
โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า นี่เป็นการตอกย้ำ ถึงความไม่อยู่กับร่องกับรอยและสุกเอาเผากินของศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนมาก ขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพื่อลดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มาก้าวก่ายแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐสภา
นอกจากนี้ ยังระบุว่า การร้องของกลุ่ม ส.ว.นี้ ก็คงมีการอ้างว่า มีการใช้เสรีภาพในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ ทั้งๆ ที่เสรีภาพที่พูดถึง คือการแก้รัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจในการแก้รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ
แม้ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะได้วินิจฉัยแบบผิดๆ ไปแล้วว่า ศาลสามารถรับคำร้อง เพื่อเข้ามาก้าวก่ายการแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ยังมีคำถามต่อไปอีกว่า การพิจารณายังอยู่ในวาระที่หนึ่ง และยังไม่มีการลงมติรับหลักการหรือไม่รับหลักการ
การที่ศาลออกมารับคำร้องตั้งแต่ช่วงนี้ เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันที่จะตรวจสอบการแก้รัฐธรรมนูญคู่ขนานไปกับการทำหน้าที่ของรัฐสภา ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจอย่างร้ายแรง
นายจาตุรนต์ ยังปิดท้ายข้อความในเฟซบุ๊กว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านที่ต้องการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ก็ไม่ต้องหวั่นไหว ตื่นเต้นอะไร อะไรจะเกิดก็ให้เกิดเถอะ
ขณะที่อาจารย์พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นักวิชาการด้านกฎหมายและอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ ระบุในเฟซบุ๊กถึงกรณีนี้เช่นกันว่า การปรับใช้ มาตรา 68 ที่คลาดเคลื่อนไปจากเจตนารมณ์ที่แท้จริง ของระบบกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นการเพิ่ม "ภารกิจ" ให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญคือ "การทำลายระบบการทำหน้าที่ของสถาบันการเมือง" ให้พังทลายไปหมด
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง 40 ส.ว. ก็มีผู้แสดงความคิดเห็นต่อท่าทีดังกล่าวทันที เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย ที่ระบุว่า มตินี้สะท้อนว่า ศาลรัฐธรรมนูญสุกเอาเผากินอีกแล้ว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อเกือบ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยคะนนเสียง 3 ต่อ 2 รับคำร้องของกลุ่ม 40 ส.ว. ไว้พิจารณา
โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า นี่เป็นการตอกย้ำ ถึงความไม่อยู่กับร่องกับรอยและสุกเอาเผากินของศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนมาก ขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพื่อลดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มาก้าวก่ายแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐสภา
นอกจากนี้ ยังระบุว่า การร้องของกลุ่ม ส.ว.นี้ ก็คงมีการอ้างว่า มีการใช้เสรีภาพในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ ทั้งๆ ที่เสรีภาพที่พูดถึง คือการแก้รัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจในการแก้รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ
แม้ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะได้วินิจฉัยแบบผิดๆ ไปแล้วว่า ศาลสามารถรับคำร้อง เพื่อเข้ามาก้าวก่ายการแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ยังมีคำถามต่อไปอีกว่า การพิจารณายังอยู่ในวาระที่หนึ่ง และยังไม่มีการลงมติรับหลักการหรือไม่รับหลักการ
การที่ศาลออกมารับคำร้องตั้งแต่ช่วงนี้ เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันที่จะตรวจสอบการแก้รัฐธรรมนูญคู่ขนานไปกับการทำหน้าที่ของรัฐสภา ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจอย่างร้ายแรง
นายจาตุรนต์ ยังปิดท้ายข้อความในเฟซบุ๊กว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านที่ต้องการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ก็ไม่ต้องหวั่นไหว ตื่นเต้นอะไร อะไรจะเกิดก็ให้เกิดเถอะ
ขณะที่อาจารย์พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นักวิชาการด้านกฎหมายและอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ ระบุในเฟซบุ๊กถึงกรณีนี้เช่นกันว่า การปรับใช้ มาตรา 68 ที่คลาดเคลื่อนไปจากเจตนารมณ์ที่แท้จริง ของระบบกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นการเพิ่ม "ภารกิจ" ให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญคือ "การทำลายระบบการทำหน้าที่ของสถาบันการเมือง" ให้พังทลายไปหมด
by
Watsana
3 เมษายน 2556 เวลา 18:46 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น